- • สายการบินปรับตารางบิน เลี่ยงช่วงปล่อยโคมควัน เพื่อความปลอดภัย
- • มีการเพิ่มเที่ยวบินและใช้เครื่องบินขนาดใหญ่รองรับนักท่องเที่ยว
- • มีเที่ยวบินเฉลี่ย 226-236 เที่ยวบินต่อวัน
- • คาดว่ามูลค่าการท่องเที่ยวช่วงดังกล่าวสูงกว่า 2,000 ล้านบาท
เชียงใหม่ 14-17 พ.ย.คึกคัก จัดตารางบินเลี่ยงช่วงปล่อยโคมควัน สายการบินร่วมมือยกเลิก/เปลี่ยนเครื่องลำใหญ่/ เสริมเที่ยวบิน เพียงพอความต้องการ ภาพรวม226 - 236 เที่ยวบิน/วัน ท่องเที่ยวสะพัดกว่า 2,000 ล้านบาท
นายณพศิษฏ์ จักรพิทักษ์ กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท วิทยุการบินแห่งประเทศไทย จำกัด (บวท.) เปิดเผยว่า บวท.ได้บริหารจัดการภาคความปลอดภัยในการคมนาคมทางอากาศในช่วงเทศกาลยี่เป็ง โดยสายการบินพร้อมใจกันงดทำการบินในช่วงเวลาปล่อยโคมในวันกระทงเล็กที่ 15 พฤศจิกายน 2567 ระหว่างเวลา 10.00 - 12.00 น. และ 19.00 -01.00 น. และในวันกระทงใหญ่ที่ 16 พฤศจิกายน 2567 ระหว่าง 19.00 - 01.00 น.แม้ว่าจะทำให้มีผลต่อการยกเลิก และเปลี่ยนแปลงเที่ยวบินดังกล่าว เป็นจำนวนมาก แต่เป็นการเปลี่ยนแปลงที่มีเที่ยวบินเสริมเพิ่มขึ้น และบางสายการบินได้เปลี่ยนแบบเครื่องบินในการทำการบินเป็นเครื่องบินลำที่ใหญ่ขึ้น เพื่อให้มีจำนวนที่นั่งจุผู้โดยสารได้มากขึ้น
ทั้งนี้ ระหว่างวันที่ 14 - 17 พฤศจิกายน 2567 ในช่วงเทศกาลยี่เป็ง มีการยกเลิกเที่ยวบินทั้งหมด 82 เที่ยวบิน เปลี่ยนแปลงรวม 100 เที่ยวบิน และจัดเที่ยวบินเพิ่มเติม 34 เที่ยวบิน บวท. มั่นใจในความปลอดภัยและความสะดวกในการเดินทางทางอากาศ เนื่องจากทุกหน่วยงานด้านการเดินอากาศร่วมกันสนับสนุนประเพณีและวัฒนธรรมให้คงอยู่สืบไป
โดย บวท. ได้กำหนดมาตรการ กำหนดทิศทางขึ้น-ลงของอากาศยาน จากทางวิ่ง 36 ด้านทิศใต้ ที่มีการแจ้งการปล่อยโคมควันหนาแน่น เป็นมาทำการบินลงยังทางวิ่ง 18 ด้านทิศเหนือแทน และจากการเฝ้าระวังเรื่องการปล่อยโคมควันตามรายงานมาตรการรองรับสถานการณ์โคมลอย 2567 ได้รับรายงานในวันที่ 15 พฤศจิกายน 2567 เวลา 13.00 น. ภายหลังจากพ้นช่วงเวลาอนุญาตให้ปล่อยโคมควัน ว่ามีสายการบินทำการขึ้นลง ณ สนามบินเชียงใหม่ช่วงเวลา 12.00 - 13.00 น. จำนวน 16 เที่ยวบิน
และในช่วงเทศกาลนี้ มีสถิติจำนวนเที่ยวบิน ณ ท่าอากาศยานเชียงใหม่ ถึงวันละ 226 - 236 เที่ยวบินต่อวัน ซึ่งเป็นจำนวนใกล้เคียงกับก่อนการเกิดสถานการณ์ COVID-19 จึงเป็นแนวโน้มที่ดีต่อเศรษฐกิจของท้องถิ่นต่อไป สร้างมูลค่าการท่องเที่ยวจ.เชียงใหม่ไม่ต่ำกว่า 2,000 ล้านบาท