- • กำไรสุทธิ 9 เดือน ปี 2566 ลดลง: B.Grimm Power มีกำไรสุทธิ 9 เดือน ปี 2566 อยู่ที่ 770 ล้านบาท ลดลงจากช่วงเดียวกันของปีก่อน
- • เตรียม COD โรงไฟฟ้าใหม่ 2 โครงการ: B.Grimm Power เตรียมเปิดดำเนินการเชิงพาณิชย์ (COD) โรงไฟฟ้าใหม่ 2 โครงการในไตรมาส 4 ปี 2566
- • โครงการโรงไฟฟ้าใหม่:
- • โรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ อู่ตะเภา เฟสหนึ่ง
- • โรงไฟฟ้าพลังงานลมแบบติดตั้งบนบก KOPOS
บี.กริม เพาเวอร์ แจงมีกำไรสุทธิงวด 9 เดือนแรกปีนี้ลดลงอยู่ที่ 770 ล้านบาท มั่นใจไตรมาส 4 นี้เตรียม COD โรงไฟฟ้าใหม่ 2 โครงการ คือโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ อู่ตะเภา เฟสหนึ่ง และโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานลมแบบติดตั้งบนบก KOPOS ที่เกาหลีใต้
นายฮาราลด์ ลิงค์ ประธาน บี.กริม และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บี.กริม เพาเวอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ BGRIM เปิดเผยว่า ผลประกอบการไตรมาส 3 ปี 2567 บริษัทฯ มี EBITDA อยู่ที่ 4,183 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 8.4% จากช่วงเดียวกันปีก่อน มาจากปริมาณขายไฟฟ้าเติบโต 7.5% มาอยู่ที่ 3,908 กิกะวัตต์-ชั่วโมง เทียบจากช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยมีสาเหตุหลักจากปริมาณไฟฟ้าขายให้แก่ กฟผ.เพิ่มขึ้น 12.9% จากการเปิดดำเนินการเชิงพาณิชย์โครงการโรงไฟฟ้าอุตสาหกรรม (SPP) 2 โครงการ ในช่วงไตรมาส 4 ของปี 2566 รวมกำลังการผลิตติดตั้ง 280 เมกะวัตต์ และปริมาณไฟฟ้าขายให้แก่ลูกค้าอุตสาหกรรม (IUs) ในประเทศเวียดนาม รวมทั้งปริมาณขายไอน้ำในประเทศไทยที่เติบโตขึ้น 41.4% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน จากการขยายกำลังการผลิตของลูกค้าเดิม และความต้องการที่เพิ่มขึ้น
ทำให้มีกำไรสุทธิจากการดำเนินงาน-ส่วนที่เป็นของบริษัทใหญ่อยู่ที่ 808 ล้านบาท เติบโต 32.5% เทียบจากช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยไตรมาส 3/2567 บริษัทมีรายได้จากการให้บริการที่สูงขึ้น และส่วนแบ่งกำไรจากเงินลงทุนในบริษัทร่วมและการร่วมค้าที่เพิ่มขึ้น ขณะที่กำไรสุทธิ-ส่วนที่เป็นของบริษัทใหญ่ ซึ่งเป็นกำไรที่รวมผลขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยน (FX) ที่ยังไม่เกิดขึ้นจริงและเป็นรายการที่ไม่ใช่เงินสด จะอยู่ที่ 163 ล้านบาท ลดลงจากช่วงเดียวกันปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ-ส่วนที่เป็นของบริษัทใหญ่อยู่ที่ 345 ล้านบาท
ส่วนงวด 9 เดือนแรกของปี 2567 บริษัทมีกำไรสุทธิ-ส่วนที่เป็นของบริษัทใหญ่อยู่ที่ 770 ล้านบาท ลดลงจากช่วงเดียวกันปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ-ส่วนที่เป็นของบริษัทใหญ่อยู่ที่ 1,424 ล้านบาท ทั้งนี้ บริษัทฯ มีการเชื่อมเข้าระบบของลูกค้า IUs รายใหม่ในประเทศไทยจำนวน 11.2 เมกะวัตต์ และจะมีการเชื่อมเข้าระบบของลูกค้า IUs รายใหม่เพิ่มในไตรมาสที่ 4 ด้วยโครงการที่มีในปัจจุบันนับเป็นรากฐานที่ดีที่จะช่วยให้ บี.กริม เพาเวอร์ เติบโตได้อย่างต่อเนื่องในอนาคต
นอกจากนี้ ในไตรมาส 3 นี้ บี.กริม เพาเวอร์ นำเข้า LNG ลำแรก จำนวน 65,000 ตัน และลำที่สองในเดือนตุลาคม 2567 เพื่อนำเข้าสู่ระบบ Pool Gas โดยในช่วงเริ่มต้น ก๊าซที่นำเข้าจะส่งผ่านไปยังระบบ Pool Gas เพื่อเป็นเชื้อเพลิงให้กับโรงไฟฟ้าพลังงานความร้อนร่วมของบริษัททั้งสิ้น 10 โครงการ นอกจากนี้ยังประสบความสำเร็จจากการเปิดดำเนินการเชิงพาณิชย์ (COD) โรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ Lohas ECE Spain Gifu Co., Ltd. ในประเทศญี่ปุ่น กำลังการผลิตติดตั้ง 20 เมกะวัตต์ และมีการลงนามในสัญญาซื้อขายไฟฟ้ากับการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) และการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (กฟภ.) ระยะเวลา 25 ปี ของบริษัทย่อยและการร่วมค้าจำนวน 8 บริษัท เพื่อพัฒนาและดำเนินโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ ขนาดโครงการรวม 323.3 เมกะวัตต์ มีกำหนดเปิด COD ตั้งแต่ปี 2569 ถึงปี 2573
ขณะที่ไตรมาส 4 ปี 2567 บริษัทเตรียมเปิด COD โครงการโรงไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียน 2 โครงการ ได้แก่ 1. โครงการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ อู่ตะเภา เฟสหนึ่ง และ 2. โครงการโรงไฟฟ้าพลังงานลมแบบติดตั้งบนบก KOPOS ที่เกาหลีใต้ กำลังผลิต 20 เมกะวัตต์ เพื่อให้สอดคล้องเป้าหมายมีกำลังผลิตไฟฟ้า 10,000 เมกะวัตต์ ในปี 2573