- • คาด GDP ไทยปีหน้าโต 3.5-4% เนื่องจากรัฐบาลมีมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจและแก้ปัญหาหนี้ครัวเรือน
- • ไทยมีเสน่ห์หลายเรื่อง ดึงดูดนักลงทุนและนักท่องเที่ยว
- • แนะนำรัฐบาลวางตัวเป็นกลาง ในเรื่องการเมืองและการค้า เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้กับนักลงทุนและประเทศ
กกร.คาด GDP ไทยโตปีหน้าโต 3.5-4% หลังรัฐออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ และเร่งแก้ปัญหาหนี้ครัวเรือน ชี้ไทยมีเสน่ห์หลายเรื่อง แนะภาครัฐวางตัวเป็นกลาง
นายสนั่น อังอุบลกุล ประธานกรรมการหอการค้าไทย และสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย ในฐานะประธานคณะกรรมการร่วมภาคเอกชน 3 สถาบัน (กกร.) กล่าวในงานเสวนา”เศรษฐกิจไทย โอกาส และความท้าทายในปี 2568”ที่จัดโดยสมาคมผู้สื่อข่าวเศรษฐกิจ เปิดเผยว่า เดิมคาดการณ์ในปี2567 ไทยมีตัวเลขอัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจ(GDP)อยู่ที่ 3% ถ้าไม่เกิดปัญหาอุทกภัย ซึ่งในไตรมาส4 ปีนี้ความเชื่อมั่นกลับคืนมา และมีกิจกรรมกระตุ้นเศรษฐกิจ ไม่ว่าจะเป็นการแจกเงิน 1 หมื่นบาทให้กลุ่มเปราะบาง ซึ่งเป็นสิ่งที่ดี แต่เนื่องจากผลกระทบน้ำท่วม ทำให้GDPปีนี้อยู่ที่ 2.6-2.7%
ทั้งนี้กกร.ได้มีการนำเสนอน.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีในการช่วยเหลือกลุ่มเปราะบาง โดยหามาตรการช่วยเหลือ ซึ่งปัจจุบันประชาชนมีปัญหาการชำระหนี้ทำให้ถูกยึดรถกระบะที่ใช้ในการทำมาหากิน ทำอย่างไรที่ภาครัฐจะช่วยกลุ่มคนเหล่านี้ไม่ให้ถูกยึดรถกระบะ เพื่อได้มีช่องทางหารายได้ โดยนายกฯรับปากจะนำไปหารือในครม. พร้อมคาดการณ์ปี2568 GDPไทยโตไม่ต่ำกว่า 3.5-4%
ในปี2568 สิ่งสำคัญที่สุด ภาครัฐต้องเร่งความเชื่อมั่นต่อคนไทยและต่างชาติ โดยความขัดแย้งภูมิรัฐศาสตร์ โดยประเมินการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกาในวันที่ 5 พฤศจิกายนนี้ ไม่ว่าใครจะมาดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีก็ไม่ต่างจากเดิม เชื่อว่าสหรัฐฯยังต้องพึ่งไทยเป็นมิตร เพราะ “ทรัมป์-แฮร์ริส”ต่างก็ต่อต้านจีน ขอให้รัฐบาลไทยวางตัวเป็นกลาง
ทั้งนี้ ไทยมีเสน่ห์หลายเรื่อง โดยเฉพาะการสมัครเข้าเป็นสมาชิกทั้ง OECD และ BRICSโดยมี 2เรื่องที่ไทยต้องยกระดับมาตรฐานโลก คือ1.การปราบคอร์รัปชั่น 2.เรื่องกฎหมายที่ล้าสมัยที่มีจำนวนมาก ต้องแก้ไขเพื่อไม่ให้เป็นช่องทางการคอร์รัปชั่นและเป็นกระตุ้นให้ชาวต่างชาติเข้ามาลงทุนในไทย
นายเกรียงไกร เธียรนุกุล ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.)กล่าวว่า ไทยติดกับดักรายได้ปานกลางมานานหลายสิบปี ทำให้ความสามารถในการแข่งขันลดลง โดยGDPย้อนหลังไป10ปีโตไม่ถึง 2% ขณะที่อาเซียนโต 5-7% ดังนั้น จำเป็นต้องมีการปรับโครงสร้างอุตสาหกรรมใหม่ และการปรับตัวรับการเปลี่ยนแปลงเทรนด์พลังงานสะอาด BCG อุตสาหกรรมสีเขียว Climate change และ Net Zero
ทั้งนี้ ดัชนีภาคการผลิตอุตสาหกรรมลดลงมาติดต่อกัน 6 ไตรมาส ล่าสุด MPI ก.ย.67 ที่ผ่านมาติดลบ 1-2% และถูกกระทบจากสินค้านำเข้าราคาถูก เช่น สินค้าจากจีน มีตัวเลขนำเข้าสูงขึ้น ช่วงที่ผ่านมาเพิ่มเกือบ 20% เทียบช่วงเดียวกันปีก่อน อย่างไรก็ตามแม้เศรษฐกิจไทยจะได้แรงสนับสนุนจากกาคท่องเที่ยว และเชื่อว่าในปี 2568 ท่องเที่ยวไทยจะมีแรงสนับสนุนเพิ่มจากนโยบายรัฐบาลเรื่องซอฟต์พาวเวอร์ และมาตรการต่างๆของรัฐ มีโอกาสทำให้นักท่องเที่ยวเพิ่มแตะ 40 ล้านคนเท่ากับก่อนโควิดได้ ดังนั้น ส.อ.ท.ขอให้ภาครัฐมีมาตรการป้องกันสินค้าจากต่างประเทศไม่ให้ทะลักเข้ามาในประเทศไทย จนกระทบถึงภาคการผลิต และปัญหาอื่นคือเรื่องสังคมสูงวัย
นอกจากนี้ อุตสาหกรรมรถยนต์ไทยประสบปัญหาสถาบันการเงินเข้มงวดการปล่อยสินเชื่อ ทำให้ยอดขายรถยนต์ 9เดือนแรกปีนี้ อยู่ที่ 3.9 หมื่นคัน ต่ำสุดในรอบหลายสิบปี ขณะที่รถกระบะเป็นตัวชี้วัดฐานรากของประเทศก็มียอดขายลดลง 40% ซึ่งภาครัฐเตรียมออกแพคเกจแก้ปัญหานี้อย่างเป็นระบบจะเป็นพื้นฐานให้กำลังซื้อกลับมา