xs
xsm
sm
md
lg

ทอท.รื้อทีโออาร์ระบบสายพานกระเป๋า SAT-1 และปรับเงื่อนไขประมูลบริการภาคพื้นและคาร์โก้ เปิดกว้างใช้ผลงานต่างชาติได้

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์

  • - •*ทอท. จะรื้อทีโออาร์ระบบสายพานลำเลียงกระเป๋าเชื่อม SAT-1 และอาคารหลักสุวรรณภูมิ มูลค่า 3,800 ล้านบาท
  • - •*ระบบใหม่รองรับการขนส่งกระเป๋าขาเข้าและขาออก
  • - •*คาดว่าจะเปิดประมูลในเดือนมีนาคม 2568
  • - •*ทอท. แก้ไขสเปกสัมปทานบริการภาคพื้นและคาร์โก้ รายที่ 3 เพื่อเปิดโอกาสให้บริษัทต่างชาติเข้าร่วมประมูล
  • - •*คาดว่าจะเปิดประมูลในเดือนธันวาคม 2567
  • - •*การแก้ไขสเปกสัมปทานมีเป้าหมายเพื่อหลีกเลี่ยงการเอื้อประโยชน์ให้กับ AOTGA


ทอท.รื้อทีโออาร์ระบบสายพานลำเลียงกระเป๋าเชื่อม SAT-1และอาคารหลัก “สุวรรณภูมิ” งบ 3.8 พันล้านบาท มีทั้งขาเข้าและขาออก คาดประมูล มี.ค. 2568 ลุยแก้สเปกสัมปทานบริการภาคพื้นและคาร์โก้ รายที่ 3 ใช้ผลงานต่างชาติได้ เปิดประมูล ธ.ค. 67 เลี่ยงครหาเอื้อบริษัทลููก AOTGA

นายกีรติ กิจมานะวัฒน์ กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) หรือ ทอท. เปิดเผยว่า การลำเลียงกระเป๋าสัมภาระอาคาร SAT-1 เชื่อมกับอาคารผู้โดยสารหลัก ( Main Terminal) สนามบินสุวรรณภูมิ  ซึ่งปัจจุบันมีระบบลำเลียงกระเป๋าสัมภาระ (ICS : Individual Carrier System) เฉพาะขาออกจาก Main Terminal ไปยังอาคาร SAT-1 เท่านั้น โดยขณะนี้อยู่ระหว่างปรับปรุงทีโออาร์ จากเดิมที่จะจัดทำระบบลำเลียงกระเป๋าสัมภาระขาเข้าอย่างเดียว ซึ่งพบว่ามีเพียงรายเดียวในโลกที่ทำได้ ซึ่งจะต้องเจรจาและทำสัญญาจ้างตรงภายใต้งบประมาณหลายพันล้านบาท ซึ่งอาจไม่เหมาะสม

ดังนั้น แนวทางใหม่เพื่อให้มีการแข่งขันหลายราย จึงมีการปรับปรุงทีโออาร์ใหม่เพื่อให้ทำระบบลำเลียงกระเป๋าสัมภาระ ทั้งขาเข้าและขาออกระหว่างอาคารผู้โดยสารหลักกับ SAT-1 ซึ่งจะทำให้มีผู้เข้าร่วมประมูลแข่งขันได้หลายรายภายใต้งบประมาณเดิมที่ 3,800 ล้านบาท โดยคาดว่าจะประมูลได้ในเดือน มี.ค. 2568 ใช้เวลาก่อสร้าง 2 ปี

คือใช้งบเท่าเดิม แต่เปิดกว้างและมีระบบมากขึ้น ส่งผลให้มีเสถียรภาพในการให้บริการมากขึ้นเนื่องจากมีระบบสายพานลำเลียงกระเป๋าขาออกเดิมแล้ว ยังจะมีระบบสายพานลำเลียงกระเป๋าใหม่ที่มีทั้งขาเข้าและขาออก


@ปรับทีโออาร์ บริการภาคพื้นและคาร์โก้ รายที่ 3 “สุวรรณภูมิ” เปิดประมูล ธ.ค. 67

นายกีรติกล่าวว่า นอกจากนี้ ทอท.ยังอยู่ระหว่างจัดทำร่างทีโออาร์ในการคัดเลือกผู้ประกอบการจำนวน 2 โครงการ คือ โครงการให้บริการลานจอดและอุปกรณ์ภาคพื้น การให้บริการผู้โดยสารภาคพื้นและกิจการอื่นๆ ที่เกี่ยวเนื่อง รายที่ 3 และโครงการให้บริการคลังสินค้า (คาร์โก้) รายที่ 3 ณ ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ตามมาตรา 35 ตาม พ.ร.บ.ร่วมทุนฯ 2562 ซึ่งคาดว่าจะสรุปร่างทีโออาร์แล้วเสร็จในกลางเดือน พ.ย. 2567 จากนั้นจะนำร่างทีโออาร์ประกาศในเว็บไซต์ และเปิดประมูลได้ในต้นเดือน ธ.ค. 2567 และพิจารณาข้อเสนอช่วงเดือน ธ.ค. 2567-ม.ค. 2568 ได้ตัวผู้ชนะและเสนอคณะรัฐมนตรี (ครม.) รับทราบ คาดลงนามสัญญาภายในเดือนมี.ค. 2568 ซึ่งคาดว่าผู้ประกอบรายที่ 3 จะเริ่มทำงานได้ไม่เกินเดือน มิ.ย. 2568

ในการจัดทำร่างทีโออาร์ที่ผ่านมา คณะกรรมการจัดทำร่างทีโออาร์มีการพิจารณาในหลายมิติเพื่อให้การประมูลเปิดกว้างมากที่สุด โดยให้ต่างชาติสามารถเข้าร่วมได้ ขณะเดียวกันก็ต้องส่งเสริมผู้ประกอบการไทยที่มีศักยภาพให้สามารถเข้าร่วมแข่งขันได้ด้วย จึงใช้เวลาพิจารณาร่างทีโออาร์นาน

เงื่อนไขของทีโออาร์ล่าสุดคาดว่าจะกำหนดหลักการให้ผู้ประกอบการไทยร่วมทุนกับบริษัทต่างชาติที่มีผลงานและประสบการณ์ได้ โดยผู้ประกอบการไทยต้องเป็นแกนนำหลัก ในสัดส่วนเกิน 51% และใช้ผลงานของต่างชาติที่เป็นไปตามที่ทีโออาร์กำหนด ยื่นเป็นผลงานร่วมประมูลได้ เนื่องจากหากให้เฉพาะผู้ประกอบการไทยประมูลจะมีน้อยรายไป

@ยันแก้สเปกเปิดกว้าง เลี่ยงครหาประเคนสัมปทาน AOTGA

นายกีรติกล่าวว่า สำหรับบริษัท บริการภาคพื้น ท่าอากาศยานไทย จำกัด (บพท.) หรือ AOTGA ซึ่งเป็นบริษัทลูกของทอท.นั้นมีประสบการณ์และผลงานอยู่แล้ว ไม่จำเป็นต้องมีต่างชาติร่วมด้วยหรือใช้ประสบการณ์จากต่างชาติ แต่การกำหนดเงื่อนไขให้บริษัทไทย ร่วมกับต่างชาติและใช้ผลงานต่างชาติได้ เพื่อเป็นการเปิดกว้างและยังทำให้ผู้ประกอบการไทยอีกหลายรายสามารถเข้าร่วมประมูลได้

ปัจจุบันท่าอากาศยานสุวรรณภูมิมีผู้ให้บริการภาคพื้นตามมติคณะรัฐมนตรี (ครม.) จำนวน 2 ราย คือ 1. บมจ. การบินไทย (THAI) ซึ่งได้รับสิทธิพิเศษในฐานะเป็นสายการบินแห่งชาติ 2. บริษัท บริการภาคพื้นการบินกรุงเทพเวิลด์ไวด์ไฟล์ทเซอร์วิส จำกัด (Bangkok Flight Services : BFS)

สำหรับโครงการส่วนต่อขยายอาคารผู้โดยสารหลักด้านทิศตะวันออก (East Expansion) วงเงินลงทุนประมาณ 10,000 ล้านบาท การออกแบบรายละเอียดเสร็จแล้ว เพิ่มพื้นที่รองรับผู้โดยสารได้อีก 81,000 ตารางเมตร อยู่ระหว่างปรับปรุง TOR คาดเสนอคณะรัฐมนตรี(ครม.)รับทราบ การปรับปรุงแบบ คาดจะเปิดประมูลในเดือน ธ.ค. 2567และเปิดประมูลเดือนม.ค. 2568

ส่วนการทบทวนแผนแม่บทการพัฒนาขยายขีดความสามารถของท่าอากาศยานสุวรรณภูมิเพื่อรองรับ 150 ล้านคน/ปี อยู่ระหว่างเตรียมจ้างที่ปรึกษา คาดว่าจะศึกษาภาพรวมแล้วเสร็จในเดือนเม.ย. 2568 จากนั้นจะเป็นการออกแบบรายละเอียดอีกประมาณ 1 ปี

นายกีรติกล่าวว่า ในช่วงไฮซีซันที่คาดว่าจะมีผู้โดยสารและเที่ยวบินเพิ่มขึ้นนั้นเมื่อมีการใช้ระบบ Biometric และตรวจคนเข้าเมืองอัตโนมัติ หรือ Auto Gate ทำให้ลดแถวคอยผู้โดยสารของผู้โดยสารต่างชาติจากเดิม 30 นาที ลดเหลือไม่เกิน 3 นาที และทำให้กระบวนการตังแต่ลงเครื่องบินจนถึงรับกระเป๋า จากเดิมนานสุด 50 นาทีเหลือนานสุดไม่เกิน 30 นาที เพราะเมื่อลดแถวคอยที่ ตม.ก็จะทำให้กระบวนการเร็วขึ้น จะเหลือเพียงคอขวดตรงจุดรับกระเป๋าเท่านั้น ซึ่งอยู่ระหว่างเตรียมหาผู้ให้บริการรายที่ 3


กำลังโหลดความคิดเห็น