- • เปิดใช้รันเวย์ 3 สุวรรณภูมิ 3 ต.ค. 67
- • เพิ่มศักยภาพรับ 94 เที่ยวบิน/ชม.
- • สนับสนุนให้ไทยเป็นฮับการบินในภูมิภาค
- • รองรับการเติบโตของอุตสาหกรรมท่องเที่ยว
- • คาดการณ์เที่ยวบินทั้งประเทศปี 67 โต 16% และปี 68 ถึง 1 ล้านไฟลท์
“มนพร”ตรวจการจัดจราจรทางอากาศ หลังเปิดใช้รันเวย์ 3 “สุวรรณภูมิ”ตั้งแต่ 3 ต.ค.67 เพิ่มศักยภาพรับ 94 เที่ยวบิน/ชม. หนุนฮับการบินในภูมิภาค พร้อมรองรับการท่องเที่ยว-กระตุ้นเศรษฐกิจ บวท.คาดปี 67 เที่ยวบินทั้งประเทศโต 16% รวม 8.3 แสนไฟลท์ เป้าปี 68 รองรับกว่า 1 ล้านไฟลท์
นางมนพร เจริญศรี รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม เปิดเผยภายหลังตรวจเยี่ยม บริษัท วิทยุการบินแห่งประเทศไทย จำกัด (บวท.) วันที่ 28 ต.ค.2567 ว่า บวท. ได้เตรียมความพร้อมในการให้บริการจราจรทางอากาศ ทั้งในด้านระบบ อุปกรณ์ สิ่งอำนวยความสะดวกที่เกี่ยวข้อง รวมทั้งบุคคลากร รองรับการเปิดใช้งานทางวิ่งเส้นที่ 3 ของท่าอากาศยานสุวรรณภูมิอย่างเต็มรูปแบบเมื่อวันที่ 3 ต.ค.2567 ที่ผ่านมา ซึ่งบวท.รายงานว่า ยังไม่พบปัญหาในการจัดจราจรทางอากาศแต่อย่างใด
โดยในปีงบประมาณ 2567 มีเที่ยวบินรวมทั้งประเทศ 836,513 เที่ยวบิน เพิ่มขึ้น 16% จากปี 2566 ในขณะที่ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิซึ่งเป็นท่าอากาศยานหลักของประเทศ มีเที่ยวบิน รวม 348,980 เที่ยวบิน หรือเฉลี่ย 950 เที่ยวบินต่อวัน ภาพรวมปริมาณเที่ยวบินใกล้เคียงกับช่วงก่อนสถานการณ์โควิด-19 และมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยตั้งเป้ารองรับ 1 ล้านเที่ยวบิน ในปี 2568 ดังนั้น การ เปิดใช้รันเวย์ที่ 3 จะทำให้ประเทศไทยสามารถรองรับเที่ยวบินได้เพิ่มมากขึ้น และเครื่องบินไม่เสียเวลาบินวนรอ ประหยัดน้ำมันเชื้อเพลิง อีกทั้งยังทำให้มีรันเวย์สำรองสำหรับกรณีเกิดเหตุฉุกเฉินหรือต้องมีการปิดซ่อมรันเวย์ จะ ไม่กระทบต่อการให้บริการ ซึ่งเป็นภารกิจสำคัญที่จะขับเคลื่อนประเทศไทยสู่การเป็นศูนย์กลางการบินภูมิภาค รวมทั้งรองรับการท่องเที่ยวจากทั่วโลกเพื่อให้เกิดการกระตุ้นเศรษฐกิจตามนโยบายของรัฐบาล
นายณพศิษฏ์ จักรพิทักษ์ กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บวท. กล่าวว่า การเปิดใช้งานทางวิ่งเส้นที่ 3 อย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ 3 ตุลาคม 2561 โดยเที่ยวบินแรกคือ สายการบินไทย เที่ยวบินที่ TG 620 กรุงเทพฯ-มะนิลา เวลา 07.39 น ซึ่งภาพรวม ตลอด 25 วันที่ผ่านมา
จะทำให้ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิรองรับเที่ยวบินจากเดิม 68 เที่ยวบินต่อชั่วโมง เพิ่มขึ้นเป็น 94 เที่ยวบินต่อชั่วโมง โดยรันเวย์ที่ 3 จะใช้รองรับการบินลงเป็นหลัก โดยมีเที่ยวบินใช้งานต่อวันเฉลี่ย 30 % ของปริมาณเที่ยวบินทั้งหมดของสุวรรณภูมิ 1,000 เที่ยวบิน
ขณะเดียวกันการจัดการจราจรทางอากาศในรูปแบบการขึ้นและลงทางวิ่งคู่ขนานพร้อมกัน หรือ Simultaneous Parallel Operations จะทำให้การจราจรทางอากาศเกิดความคล่องตัว อีกทั้งการบริหารจัดการใช้งานทางวิ่งจะมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น โดยจะใช้ทางวิ่งสำหรับขึ้นและลงที่ใกล้กับหลุมจอดให้ได้มากที่สุด เพื่อลดระยะทางและลดระยะเวลาในการขับเคลื่อน (Taxi) ของอากาศยาน ทำให้เกิดความรวดเร็ว และประหยัดน้ำมันเชื้อเพลิงมากยิ่งขึ้น
การเตรียมความพร้อมของ บวท. เริ่มตั้งแต่ขั้นตอนการจัดทำกรอบแนวคิดด้านปฏิบัติการ (Operational Concept) การจัดทำข้อมูลประกอบการประเมินผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อม การจัดทำวิธีปฏิบัติการควบคุมจราจรทางอากาศ (ATC Procedures) การฝึกอบรมเจ้าหน้าที่ควบคุมจราจรทางอากาศ การจัดเตรียมระบบเครื่องอำนวยความสะดวกการเดินอากาศ (Air Navigation System) การจัดเตรียมระบบอุปกรณ์ควบคุมจราจรทางอากาศ (Air Traffic Management System) การออกแบบวิธีปฏิบัติการบิน (Instrument Flight Procedure Design) การประเมินความเสี่ยงด้านความปลอดภัย (Safety Risk Assessment) และการจัดทำคู่มือด้านปฏิบัติการ (Manual of Standard Operations) ซึ่งการเตรียมความพร้อมทั้งหมดนี้ใช้ระยะเวลาดำเนินการล่วงหน้ากว่า 5 ปี ปัจจุบัน บวท. มีความพร้อมในการให้บริการจราจรทางอากาศรองรับการใช้งานทางวิ่งทั้ง 3 เส้น ของท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ”
"เนื่องจาก การเปิดใช้รันเวย์ที่ 3 สนามบินสุวรรณภูมิ มี วิธีปฏิบัติการควบคุมจราจรทางอากาศ เพื่อให้อากาศยานขึ้นลงพร้อมกันจึงต้องมีการฝึกอบรมเจ้าหน้าที่จัดจราจรทางอากาศให้มีความชำนาญ และได้เพิ่มบุคลากรอีกประมาณ 50 อัตรา ดังนั้นในช่วงแรก จะรองรับที่ 68 เที่ยวบินต่อชม. จนถึง ปลายปี 2567 จากนั้นอีก 2 เดือนจะขยายการรองรับเป็น 75 เที่ยวบินต่อชั่วโมง และขยายเต็มขีดความสามารถที่ 94 เที่ยวบินต่อชั่วโมงประมาณกลางปี 2568"