ผู้จัดการรายวัน 360 - ตลาดแอปพลิเคชั่นเรียกรถยังไปได้อีกไกล “อินไดร์ฟ” ขยับเกียร์ เปิดเกมส์รุกปี 68 มุ่งเพิ่มผลประโยชน์ให้คนขับและผู้ใช้งาน โฟกัสการให้บริการหัวเมืองท่องเที่ยว และกรุงเทพฯ ตอกย้ำความปลอดภัยในการใช้งานเหนือคู่แข่ง มั่นใจรั้งอันดับดีขึ้น จากปัจจุบันอยู่ในกลุ่มท็อป 5
นายวรุณเทพ ตันละมัย หัวหน้าฝ่ายพัฒนาธุรกิจประจำประเทศไทย บริษัท อินไดร์ฟ จำกัด เปิดเผยว่า ตลาดแอปพลิเคชั่นเรียกรถในประเทศไทย ยังมีโอกาสเติบโตได้อีกมาก มองเป็นโอกาสที่ดีที่จะทำให้อินไดร์ฟเติบโตและเป็นที่รู้จักมากขึ้น หลังจากที่เข้ามาทำตลาดในไทยตั้งแต่ ปี2562 และมีอัตราการเติบโตต่อเนื่อง ทั้งในแง่ของคนขับและผู้ใช้งาน ส่งผลให้ปัจจุบันอินไดร์ฟอยู่ในกลุ่มท็อป 5 ของแอปพลิเคชั่นเรียกรถในไทย
ขณะที่ทั่วโลกอินไดร์ฟเป็นอันดับ 2 ของตลาด โดยเปิดให้บริการกว่า 40 ประเทศทั่วโลก ทั้งอเมริกาใต้ และเอเชีย หรือกว่า 750 หัวเมืองทั่วโลก
สำหรับตลาดในไทยนั้น อินไดร์ฟมุ่งที่จะเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยตามแผนการดำเนินงานในปี 2568 นั้น จะเน้นใน 3 เรื่องหลัก คือ 1.ผู้ใช้งาน ต้องการเติบโตมากขึ้นทั้งในส่วนของผู้ใช้บริการ และคนขับ โดยจะเน้นหัวเมืองสำคัญ และเมืองท่องเที่ยว ทั้ง กรุงเทพฯ ภูเก็ต พัทยา ที่มองว่ามีโอกาสเติบโตสูง จากภาคการท่องเที่ยวที่จะช่วยขับเคลื่อนให้ธุรกิจแอปพลิเคชั่นเรียกรถเติบโตได้เป็นอย่างดี
2.ระบบการจัดการ จะพัฒนาเทคโนโลยีให้ตอบโจทย์การใช้งาน เพิ่มความสะดวกสบายมากขึ้น และ 3.โปรดักส์หรือบริการ จะเน้นย้ำความปลอดภัยของผู้ใช้งานเป็นสำคัญ ซึ่งถือเป็นจุดแข็งของอินไดร์ฟ
“ปัจจุบันอินไดร์ฟเป็นที่รู้จักมากขึ้น และถือเป็นแอปพลิเคชั่นเรียกรถ ที่คิดค่าคอมมิชชั่นกับคนขับต่ำที่สุดในตลาด และมีความยืดหยุ่นให้กับคนขับและคนเรียกรถมากที่สุด เช่น ในแง่ผู้ใช้บริการหากมีการเรียกรถ และมีคนขับตอบรับงานหลายราย ผู้ใช้บริการสามารถเลือกได้ว่าจะใช้บริการคนขับคนใด ส่วนในแง่ของคนขับ เมื่อมีออเดอร์เรียกเข้ามา ก็สามารถเลือกได้เช่นกันว่าจะรับงานนั้นหรือไม่ ตามความพึงพอใจ ซึ่งปัจจุบันคนขับอินไดร์ฟมีจำนวนมาก มีทั้งขับแบบฟูลไทม์ 8-10ชม./วัน และแบบหารายได้พิเศษหลังเลิกงาน 2-3 ชม./วัน” นายวรุณเทพ กล่าว
อย่างไรก็ตาม จุดอ่อนของอินไดร์ฟ คือเรื่องของสิทธิประโยชน์พิเศษต่างๆ เช่น โปรโมชั่นส่วนลด ที่ยังไม่ค่อยมี ดังนั้นปีหน้าจะให้ความสำคัญในส่วนนี้มากขึ้น รวมถึงจับมือกับพันธมิตรเพื่อมอบสิทธิประโยชน์ให้กับผู้ใช้บริการ ขณะเดียวกันในส่วนของคนขับเอง ก็จะเพิ่มแรงจูงใจเพื่อให้มาเป็นคนขับอินไดร์ฟมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็น การเพิ่มโบนัสพิเศษในช่วงเทศกาล หากมีการรับงานมากขึ้น ก็จะได้โบนัสพิเศษนั้นๆ เป็นต้น มั่นใจว่าในปี 2568 อินไดร์ฟในไทยจะเติบโตตามแผนที่วางไว้.