- • โครงการ CFP (โครงการโรงกลั่นและโรงแยกก๊าซ) ของไทยออยล์ไม่ได้รับผลกระทบจากกรณีผู้รับเหมาช่วงประท้วงเรียกค่าตอบแทน
- • กรณีดังกล่าวเกิดจากความขัดแย้งระหว่างผู้รับเหมาหลัก (UJV) ซึ่งประกอบด้วย Samsung, Petrofac และ Saipem กับผู้รับเหมาช่วงบางราย
- • ไทยออยล์ได้จ่ายเงินให้กับ UJV ตามสัญญาเรียบร้อยแล้ว
- • ปัญหาเกิดจาก UJV ไม่ยอมจ่ายเงินค่าค้างจ่ายให้กับผู้รับเหมาช่วงบางราย
- • ไทยออยล์จะไม่รับผิดชอบต่อปัญหาความขัดแย้งนี้
“ไทยออยล์”ยันโครงการCFPไม่ได้รับผลกระทบกรณีที่ผู้รับเหมาช่วงประท้วงเรียกค่าตอบแทนจากผู้รับเหมาหลัก“UJV – Samsung, Petrofac และ Saipem”ที่ไม่ยอมจ่ายเงินค่าค้างจ่ายให้ผู้รับเหมาช่วงบางราย แม้ว่าไทยออยล์ได้จ่ายเงินให้UJVตามสัญญา และอาสาหักค่าตอบแทนตามสัญญา EPC ตามมูลค่าที่ UJV - Samsung, Petrofac และ Saipem มีสิทธิ์จะได้รับไปให้ผู้รับเหมาช่วงแทน แต่ถูกแจ้งไม่ให้ไทยออยล์เข้ามายุ่งเกี่ยวกับสัญญาระหว่าง UJV - Samsung, Petrofac และ Saipem กับผู้รับเหมาช่วงด้วย อย่างไรก็ดีไทยออยล์จะยังคงผลักดันให้ผู้รับเหมาหลักจ่ายค่าตอบแทนที่ค้างจ่ายต่อไป
รายงานข่าวจาก บริษัท ไทยออย์ จำกัด(มหาชน)หรือ TOP แจ้งว่า จากกรณีที่มีการรายงานข่าวว่าการรวมตัวชุมนุมเมื่อวันที่ 18 ตุลาคม 2567 ของ “สหพันธ์ผู้รับเหมาโรงกลั่น TOP, โครงการ CFP ศรีราชา” (“สหพันธ์”) บริเวณหน้าโรงกลั่นไทยออยล์ อ.ศรีราชา จ.ชลบุรี นั้น ส่งผลให้โครงการ CFP ต้องเลื่อนเปิดดำเนินการออกไปอย่างไม่มีกำหนด” และไทยออยล์ได้จัดจ้างผู้รับเหมาหลัก คือ กิจการร่วมค้าระหว่าง Samsung E&A (Thailand) Co., Ltd., Petrofac South East Asia Pte. Ltd. และ Saipem Singapore Pte. Ltd. (เรียกรวมกันว่า “UJV – Samsung, Petrofac และ Saipem”) ที่มีปัญหาขาดสภาพคล่องทางการเงินอย่างมาก จึงเป็นสาเหตุให้เกิดปัญหาการจ่ายเงินค่าตอบแทนล่าช้าให้กับผู้รับเหมาช่วงนั้น
ไทยออยล์ ขอชี้แจงว่า โครงการ CFP เป็นโครงการขยายโรงกลั่นน้ำมันที่ใช้เทคโนโลยีขั้นสูง (Complex Refinery) เพิ่มขีดความสามารถในด้านการกลั่นน้ำมันและสร้างความมั่นคงทางพลังงานให้กับประเทศ ซึ่งเป็นการลงทุนในโครงการขนาดใหญ่ที่ใช้เงินลงทุนจำนวนมาก จึงมีความจำเป็นต้องจัดจ้างบริษัทที่มีความเชี่ยวชาญเฉพาะด้าน ซึ่งในประเทศไทยยังไม่มีบริษัทใดที่สามารถดำเนินการได้ ไทยออยล์ได้เริ่มทำการศึกษาความเป็นไปได้ของโครงการ CFP มาตั้งแต่ปี พ.ศ. 2557 โดยเริ่มการออกแบบกระบวนการผลิตและออกแบบทางวิศวกรรมเบื้องต้น ในปี พ.ศ. 2558-2559 เพื่อให้ได้ข้อมูลเพียงพอในการออกหนังสือเชิญประกวดราคาผู้รับจ้างเหมาทำของ ออกแบบวิศวกรรม การจัดหา และการก่อสร้าง (EPC: Engineering, Procurement and Construction) โครงการ CFP
ในปี พ.ศ. 2559 ไทยออยล์ได้มีการตรวจสอบคุณสมบัติของผู้เข้าร่วมการประกวดราคา ตามกระบวนการจัดจ้างที่โปร่งใส สอดคล้องตามหลักบรรษัทภิบาล โดยมีหลักเกณฑ์ที่มีมาตรฐาน เช่น การวิเคราะห์งบการเงิน อัตราส่วนทางการเงิน ประสบการณ์ เป็นต้น ซึ่งปรากฏว่า บริษัท 1. Petrofac International (UAE) LLC, 2. Samsung Engineering Co., Ltd., และ 3. Saipem S.P.A. ได้รับการคัดเลือกและได้ทำสัญญาจ้าง EPC ดังกล่าวกับไทยออยล์ ในปี พ.ศ. 2561 ในนามของ The Consortium ประกอบด้วย PSS Netherlands B.V., (Offshore Contractor) และ UJV – Samsung, Petrofac และ Saipem (Onshore Contractor) โดยบริษัทแม่ของ The Consortium (PSS Netherlands B.V., (Offshore Contractor) และ UJV – Samsung, Petrofac และ Saipem (Onshore Contractor)) คือ 1. Petrofac Limited 2. Samsung Engineering Co., Ltd. และ 3. Saipem S.P.A. (“บริษัทแม่”) ได้ออกหนังสือค้ำประกันการปฏิบัติตามสัญญาของ The Consortium ทั้งหมด
ต่อมา ไทยออยล์ ได้ทราบข่าวมาจากผู้รับเหมาช่วงบางรายในช่วงเดือนเมษายน พ.ศ. 2567 ว่า UJV – Samsung, Petrofac และ Saipem ไม่จ่ายเงินค่าตอบแทนให้กับบริษัทผู้รับเหมาช่วงบางรายตามกำหนด โดย UJV – Samsung, Petrofac และ Saipem อ้างว่าขาดสภาพคล่องในการดำเนินงาน ทั้งๆ ที่ไทยออยล์ได้มีการจ่ายค่าตอบแทนให้กับ UJV – Samsung, Petrofac และ Saipem อย่างครบถ้วนมาโดยตลอด และยังมีบริษัทแม่ที่สามารถให้ความช่วยเหลือทางการเงินแก่ UJV – Samsung, Petrofac และ Saipem ได้
ไทยออยล์ ขอชี้แจงว่า การที่สหพันธ์รวมตัวชุมนุมบริเวณหน้าโรงกลั่นไทยออยล์ อ.ศรีราชา จ.ชลบุรี เมื่อวันที่ 18 ตุลาคม 2567 ส่งผลกระทบต่อการปฏิบัติงานของไทยออยล์ ในบริเวณดังกล่าว แต่ไม่ได้ส่งผลให้โครงการ CFP ต้องเลื่อนเปิดดำเนินการออกไปอย่างไม่มีกำหนดแต่อย่างใด
ทั้งนี้ ขอยืนยันว่า ไทยออยล์ ได้มีการจ่ายค่าตอบแทนให้กับ UJV - Samsung, Petrofac และ Saipem ตามเงื่อนไขที่ระบุในสัญญา EPC อย่างครบถ้วนถูกต้องมาอย่างต่อเนื่อง แต่ UJV - Samsung, Petrofac และ Saipem ยังไม่จ่ายค่าตอบแทนค้างจ่ายให้กับบริษัทผู้รับเหมาช่วง อย่างไรก็ดี ไทยออยล์ตระหนักถึงความเดือดร้อนของสหพันธ์ จากการไม่ได้รับค่าตอบแทนค้างจ่าย จาก UJV - Samsung, Petrofac และ Saipem ซึ่งไทยออยล์ ได้พยายามอย่างเต็มที่ในการผลักดันให้ UJV - Samsung, Petrofac และ Saipem ชำระค่าตอบแทนค้างจ่ายกับผู้รับเหมาช่วงตามสัญญาระหว่าง UJV - Samsung, Petrofac และ Saipem กับผู้รับเหมาช่วงแต่ละรายมาโดยตลอด เช่น การยินยอมให้ UJV - Samsung, Petrofac และ Saipem เรียกเก็บเงินค่าตอบแทนจากไทยออยล์ตามความสำเร็จของงานที่เกิดขึ้นจริง แทนการจ่ายตามการส่งมอบงานเมื่อแล้วเสร็จในแต่ละส่วนตามแผนงานที่ระบุไว้ในสัญญา ตั้งแต่กลางปี พ.ศ. 2563 ถึงต้นปี พ.ศ. 2567 รวมถึงการจ่ายค่าจ้างให้เร็วที่สุดภายในระยะเวลาที่กำหนดไว้ในสัญญา เพื่อสนับสนุนสภาพคล่องทางการเงิน ตั้งแต่กลางปี พ.ศ. 2565 ถึงกลางปี พ.ศ. 2567
นอกจากนี้ ไทยออยล์ได้หารือและเรียกร้องให้ UJV - Samsung, Petrofac และ Saipem ยินยอมให้ไทยออยล์หักค่าตอบแทนตามสัญญา EPC ตามมูลค่าที่ UJV - Samsung, Petrofac และ Saipem มีสิทธิ์จะได้รับจากไทยออยล์ตามงวดงาน เพื่อชำระให้กับผู้รับเหมาช่วงโดยตรง แต่ UJV - Samsung, Petrofac และ Saipem ยังไม่ให้ความยินยอม อย่างไรก็ตาม การให้ความช่วยเหลือต่อผู้รับเหมาช่วง ไทยออยล์ยังคงต้องคำนึงถึงว่า ไทยออยล์ มิได้เป็นคู่สัญญากับผู้รับเหมาช่วงโดยตรง จึงไม่สามารถก้าวล่วงดำเนินการใดๆ ในสัญญาระหว่างผู้รับเหมาช่วงและ UJV - Samsung, Petrofac และ Saipem ได้ รวมถึง UJV - Samsung, Petrofac และ Saipem ยังได้ระบุเป็นลายลักษณ์อักษรแจ้งไม่ให้ไทยออยล์เข้ามายุ่งเกี่ยวกับสัญญาระหว่าง UJV - Samsung, Petrofac และ Saipem กับผู้รับเหมาช่วง
อย่างไรก็ดี ไทยออยล์ ขอยืนยันว่าบริษัทมีความมุ่งมั่นในการดำเนินธุรกิจโดยยึดมั่นตามหลักบรรษัทภิบาล และมุ่งหวังให้การดำเนินโครงการ CFP แล้วเสร็จโดยเร็วที่สุด โดยให้ความสำคัญต่อผู้มีส่วนได้เสียทุกกลุ่ม และไทยออยล์จะดำเนินการผลักดันให้ UJV - Samsung, Petrofac และ Saipem ชำระค่าตอบแทนค้างจ่ายกับผู้รับเหมาช่วงตามสัญญาระหว่าง UJV - Samsung, Petrofac และ Saipem กับผู้รับเหมาช่วงแต่ละรายต่อไป