- • ส.อ.ท. เตรียมหารือปรับลดเป้าหมายการผลิตรถยนต์ปี 67 อีกครั้ง หลังจากลดลงมาอยู่ที่ 1.7 ล้านคัน
- • คาดว่าจะปรับลดอีกเฉียดแสนคัน
- • ยอดผลิตรถยนต์เดือนกันยายน 67 ลดลง 25.48% อยู่ที่ 122,277 คัน
- • ยอดขายเดือนกันยายน 67 อยู่ที่ 39,048 คัน ต่ำสุดในรอบ 4 ปี 5 เดือน
ส.อ.ท.เตรียมหารือปรับลดเป้าหมายการผลิตรถยนต์ในปี 67 อีกครั้งหลังหั่นลงมาเหลือแค่ 1.7 ล้านคัน คาดปรับลดอีกเฉียดแสนคัน หลังยอดรถยนต์ในเดือน ก.ย. 67 จำนวนผลิตรถยนต์ลด 25.48% อยู่ที่ 122,277 คัน และยอดขาย 39,048 คัน ต่ำสุดในรอบ 4 ปี 5 เดือน ลดลง 37.11% การส่งออก 80,254 คัน ลดลง 17.67%
นายสุรพงษ์ ไพสิฐพัฒนพงษ์ ที่ปรึกษาประธานกลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์และโฆษกกลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์ สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) เปิดเผยว่า ส.อ.ท.เตรียมปรับลดเป้าผลิตรถยนต์ในปี 2567 ใหม่อีกครั้ง หลังจากได้ปรับลดลงมาอยู่ที่ 1,700,000 คัน แบ่งเป็นการผลิตเพื่อส่งออก 1,150,000 คัน และการผลิตจำหน่ายในประเทศ 550,000 คันเมื่อเดือนกรกฎาคม 2567 โดย ส.อ.ท.จะหารือร่วมกันในปลายเดือนตุลาคมนี้ และจะประกาศเป้าหมายการผลิตและจำหน่ายรถยนต์ในปี 2567 ใหม่ในเดือนหน้า คาดว่าจะมีการปรับลดลงหลายหมื่นคันหรือเฉียดหลักแสนคัน ซึ่งเป็นการลดลงทั้งการผลิตเพื่อการส่งออกและจำหน่ายในประเทศ
ทั้งนี้ สืบเนื่องจากยอดผลิต ยอดขายรถยนต์ทั้งภายในประเทศ และการส่งออกในเดือน ก.ย. 2567 ยังคงลดลงต่อเนื่อง เป็นผลจากสถาบันการเงินเข้มงวดการปล่อยสินเชื่อซื้อรถยนต์และยอดส่งออกไปยังประเทศคู่ค้าชะลอตัวลงเกือบทุกประเทศ เนื่องจากปัญหาภาวะเศรษฐกิจที่ส่งผลให้ผู้บริโภคเพิ่มความระมัดระวังเรื่องค่าใช้จ่ายจากความกังวลต่อสถานการณ์สู้รบในตะวันออกกลางที่ขยายวงกว้าง
ซึ่งยอดส่งออกรถยนต์สำเร็จรูปในเดือน ก.ย. 2567 อยู่ที่ 80,254 คัน ลดลง 17.67% จากเดือน ก.ย. 2566 ขณะที่มีมูลค่าการส่งออก 74,836.78 ล้านบาท ลดลง 11.88% จากเดือน ก.ย. 2566 เช่นกัน ส่งผลให้ยอดส่งออกในช่วง 9 เดือนแรกของปีนี้ (ม.ค.-ก.ย. 2567) อยู่ที่ 768,887 คัน ลดลง 6.45% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน และมีมูลค่ารวม 724,945.92 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 3.15% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน
นายสุรพงษ์กล่าวต่อไปว่า ในเดือนก.ย. 2567 จำนวนรถยนต์ทั้งหมดที่ผลิตได้มีทั้งสิ้น 122,277 คัน ลดลง 25.48% จากช่วงเดียวกันปีก่อน โดยเป็นการลดลงจากการผลิตเพื่อส่งออก 15.78% และการผลิตเพื่อขายในประเทศลดลง 42.31% ตามจำนวนส่งออกและขายในประเทศที่ลดลง แต่เพิ่มขึ้น 2.17% จากเดือน ส.ค. 2567 ส่งผลให้ยอดผลิตรถยนต์ในช่วง 9 เดือนแรกของปีนี้อยู่ที่ 1,128,026 คัน ลดลง 18.61% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน
"ดูตัวเลขเดือนกันยายนแล้วตกใจ ยอดผลิตลดลงทั้งในส่วนที่จะส่งออกและขายในประเทศ โดยส่วนยอดขายรถยนต์ในประเทศเดือน ก.ย. 2567 อยู่ที่ 39,048 คัน ต่ำสุดในรอบ 53 เดือน ลดลง 13.59% จากเดือน ส.ค. 67 และลดลง 37.11% จากเดือน ก.ย. 2566 เนื่องจากความเข้มงวดในการอนุมัติสินเชื่อให้ผู้ซื้อรถยนต์ หลังสัดส่วนหนี้ที่ต้องจับตาเป็นพิเศษ (SM) อยู่ในระดับสูงที่ 208,575 ล้านบาท หนี้เสียรถยนต์อยู่ที่ 259.330 ล้านบาท ในเดือน ก.ค. 2567และการเติบโตของเศรษฐกิจในประเทศไตรมาส 2/2567 ที่โตแค่ 2.3% และคาดว่าทั้งปี 2567 จะเติบโตแค่ 2.7-2.8% เท่านั้น และดัชนีผลผลิตภาคอุตสาหกรรมเดือน ส.ค. 2567 หดตัว 1.91% แสดงถึงรายได้คนทำงานยังคงอ่อนแอ ส่งผลให้ยอดขายรถยนต์ในประเทศช่วง 9 เดือนแรกอยู่ที่ 438,659 คัน ลดลง 25.25% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน”
นายสุรพงษ์กล่าวว่า ความต้องการรถ EV ของผู้บริโภคยังมีต่อเนื่อง แต่แนวโน้มที่ลดลงเนื่องจากความเข้มงวดในการปล่อยสินเชื่อ รวมถึงขาดความเชื่อมั่นที่จะตัดสินใจซื้อ เพราะมีความลังเลว่าจะมีการปรับลดราคาหรือไม่ ยอดขายในขณะนี้ส่วนใหญ่ยังเป็นรถ EV ที่นำเข้า เนื่องจากโรงงานที่เข้ามาลงทุนเพิ่งเริ่มการผลิตจึงยังไม่เต็มกำลัง
ดังนั้น ยอดจดทะเบียน EV ประเภท BEV เดือน ก.ย. 2567 มีจดทะเบียนใหม่จำนวน 6,606 คัน ลดลง 25.81% จากเดือน ก.ย. 2566 และช่วง 9 เดือนแรกของปีนี้มียอดจดทะเบียนใหม่สะสมจำนวน 75,653 คัน เพิ่มขึ้น 11.67% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ปัจจุบันมีจดทะเบียนทั้งสิ้น 206,631 คัน เพิ่มขึ้น 107.18% จากปีที่แล้ว
รถยนต์ EV ประเภท HEV เดือน ก.ย. 2567 มีจดทะเบียนใหม่จำนวน 9,403 คัน เพิ่มขึ้น 51.00% จากเดือน ก.ย. 2566 และช่วง 9 เดือนแรกของปีนี้มียอดจดทะเบียนใหม่สะสมจำนวน 104,197 คัน เพิ่มขึ้น 59.27% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ปัจจุบันมีจดทะเบียนทั้งสิ้น 446,816 คัน เพิ่มขึ้น 37.79% จากปีที่แล้ว และประเภท PHEV เดือน ก.ย. 2567 มีจดทะเบียนใหม่จำนวน 734 คัน ลดลง 27.76% จากเดือน ก.ย. 2566 และช่วง 9 เดือนแรกของปีนี้มียอดจดทะเบียนใหม่สะสมจำนวน 7,310 คัน ลดลง 23.33% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ปัจจุบันมีจดทะเบียนทั้งสิ้น 61,150 คัน เพิ่มขึ้น 17.95% จากปีที่แล้ว