- • ผลิตไฟฟ้า ประกาศขายหุ้น 49% ในโรงไฟฟ้า RISEC (กำลังผลิต 609 เมกะวัตต์) ในสหรัฐฯ ให้กับ Shell Energy North America (US), L.P. (SENA)
- • นโยบายนี้เป็นไปตามกลยุทธ์การบริหารจัดการพอร์ตการลงทุนเพื่อประสิทธิภาพสูงสุด
- • บริษัทจะนำรายได้จากการขายไปลงทุนในธุรกิจอื่นๆ
ผลิตไฟฟ้าประกาศขายหุ้นทั้งหมดในสัดส่วน 49% ในโรงไฟฟ้า RISEC กำลังผลิต 609 เมกะวัตต์ในสหรัฐอเมริกา ให้กับ Shell Energy North America (US), L.P. (SENA) ตามกลยุทธ์การบริหารจัดการพอร์ตการลงทุนให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด โดยบริษัทจะนำรายได้จากการขายหุ้นดังกล่าวไปแสวงหาโอกาสการลงทุนใหม่ที่จะสร้างการเติบโตอย่างต่อเนื่องในระยะยาว
นางสาวจิราพร ศิริคำ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ผลิตไฟฟ้า จำกัด (มหาชน) หรือ EGCO เปิดเผยว่า EGCO RISEC II, LLC ซึ่งเป็นบริษัทย่อยที่ EGCO ถือหุ้นทั้งหมดและจดทะเบียนในสหรัฐอเมริกา ได้ลงนามในสัญญาซื้อขายหุ้นทั้งหมด 49% ใน RISEC Holdings, LLC (RISEC) ซึ่งเป็นเจ้าของโรงไฟฟ้าพลังความร้อนร่วมที่ใช้ก๊าซธรรมชาติเป็นเชื้อเพลิง กำลังผลิต 609 เมกะวัตต์ ตั้งอยู่ในรัฐโรดไอแลนด์ สหรัฐอเมริกา ให้กับ Shell Energy North America (US), L.P. (SENA)
และบริษัทย่อย 2 บริษัทของ Carlyle Group (Carlyle) ได้แก่ Cogentrix RISEC CPOCP Holdings, LLC และ Cogentrix RISEC CPP II Holdings, LLC เมื่อวันที่ 18 ตุลาคม 2567 ก็จะขายหุ้นของตนเองในสัดส่วน 51% ใน RISEC ให้แก่ SENA เช่นกัน เมื่อการทำรายการดังกล่าวแล้วเสร็จ SENA จะเป็นเจ้าของ RISEC ในสัดส่วน 100% ในขณะที่ EGCO และ Carlyle จะสิ้นสุดการเป็นผู้ถือหุ้นของ RISEC การขายหุ้นครั้งนี้ คาดว่าจะดำเนินการแล้วเสร็จภายในไตรมาสที่ 1 ปี 2568 หลังจากที่ SENA ได้รับการอนุมัติจากหน่วยงานกำกับดูแลที่เกี่ยวข้อง
“การขายหุ้นทั้งหมดในโรงไฟฟ้า RISEC เป็นส่วนหนึ่งในกลยุทธ์ของ EGCO ด้านการบริหารจัดการพอร์ตการลงทุนในส่วนของการบริหารจัดการสินทรัพย์ให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด โดยบริษัทยังคงเดินหน้าเพิ่มกำลังผลิตไฟฟ้าใหม่อย่างต่อเนื่อง ทั้งในประเทศและต่างประเทศ และทั้งจากโครงการโรงไฟฟ้าที่ใช้ก๊าซธรรมชาติและพลังงานหมุนเวียน ซึ่งเป็นสินทรัพย์ที่มีคุณภาพสูง เพื่อสนับสนุนการเปลี่ยนผ่านทางด้านพลังงาน EGCO มีแผนจะนำรายได้จากการขายหุ้นครั้งนี้ไปใช้สำหรับการลงทุนใหม่ในสหรัฐอเมริกา ซึ่งเป็นการสร้างการเติบโตอย่างต่อเนื่องในระยะยาว” นางสาวจิราพรกล่าวเสริม
EGCO ได้ลงทุนในโรงไฟฟ้า RISEC ช่วงต้นปี 2566 ซึ่งโรงไฟฟ้าแห่งนี้จำหน่ายไฟฟ้าในตลาดกลางซื้อขายไฟฟ้านิวอิงแลนด์ (ISO-NE) และทำสัญญาขายกำลังผลิตพร้อมจ่ายทั้งหมดและให้บริการเสริมความมั่นคงและระบบไฟฟ้า Blackstart กับ ISO-NE รวมทั้งได้ทำสัญญาจำหน่ายไฟฟ้าที่ผลิตได้ทั้งหมดและให้บริการเสริมความมั่นคงระบบไฟฟ้าอื่นๆ กับ SENA ภายใต้สัญญาซื้อขายไฟฟ้าแบบรับจ้างแปลงพลังงาน (Energy Tolling Agreement)
ปัจจุบัน EGCO มีกำลังผลิตตามสัดส่วนการถือหุ้นรวมทั้งสิ้น 6,993 เมกะวัตต์ (รวมโรงไฟฟ้าที่เดินเครื่องเชิงพาณิชย์แล้วและโครงการที่อยู่ระหว่างการก่อสร้าง) โดยมีกำลังผลิตจากพลังงานหมุนเวียนรวม 1,437 เมกะวัตต์ หรือคิดเป็น 21% ของกำลังผลิตทั้งหมดทั้งจากชีวมวล พลังน้ำ พลังงานแสงอาทิตย์ พลังงานลมทั้งบนบกและนอกชายฝั่ง เซลล์เชื้อเพลิง และระบบกักเก็บพลังงานด้วยแบตเตอรี่ ทั้งนี้ โรงไฟฟ้าและโครงการต่างๆ ตั้งอยู่ใน 8 ประเทศ ได้แก่ ไทย สปป.ลาว ฟิลิปปินส์ อินโดนีเซีย ออสเตรเลีย เกาหลีใต้ ไต้หวัน และสหรัฐอเมริกา นอกจากนี้ ยังมีธุรกิจพลังงานที่เกี่ยวเนื่อง ได้แก่ บริษัท เอ็กโก เอ็นจิเนียริ่ง แอนด์ เซอร์วิส จำกัด “ESCO” ให้บริการงานเดินเครื่อง บำรุงรักษา วิศวกรรม ก่อสร้าง อนุรักษ์พลังงาน และการฝึกอบรมแก่โรงไฟฟ้าและโรงงานอุตสาหกรรมประเภทต่าง ๆ บริษัทโครงสร้างพื้นฐานและสาธารณูปโภค “CDI” ในอินโดนีเซีย ระบบขนส่งน้ำมันทางท่อไปยังภาคตะวันออกเฉียงเหนือ “TPN” โครงการนิคมอุตสาหกรรมเอ็กโกระยอง “ERIE” บริษัทด้านการวิจัยเพื่อพัฒนานวัตกรรม “Innopower” และบริษัทเทคโนโลยีด้านการเงิน “Peer Power”