xs
xsm
sm
md
lg

“กมธ.คมนาคม ส.ว.” หารือ “คมนาคม” แนะเพิ่มมาตรการเชิงรุก กำกับดูแลด้านความปลอดภัย

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์

  • • กมธ.คมนาคม วุฒิสภา หารือ กระทรวงคมนาคม เรื่องความปลอดภัยของระบบคมนาคม
  • • เสนอเพิ่มมาตรการเชิงรุก ในการกำกับดูแลและสุ่มตรวจรถโดยสารสาธารณะ
  • • ชี้ปัญหาหลัก คือ ผู้เกี่ยวข้องไม่ซื่อสัตย์ ไม่ปฏิบัติตามกฎหมาย
  • • สนับสนุนการพัฒนาระบบคมนาคม ทั้งถนน ราง น้ำ อากาศ เพื่อยกระดับบริการ


“กมธ.คมนาคม วุฒิสภา” หารือ “คมนาคม” แนะเพิ่มมาตรการเชิงรุก กำกับดูแล เพิ่มสุ่มตรวจรถบัส ชี้ปัญหาคือผู้เกี่ยวข้องไม่ซื่อสัตย์ไม่ปฏิบัติตามกฎหมาย พร้อมหนุนพัฒนาระบบคมนาคม ถนน ราง น้ำ อากาศ ยกระดับบริการ

นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เปิดเผยภายหลังประชุมร่วมกับคณะกรรมาธิการการคมนาคม วุฒิสภา และคณะ ว่า ได้มีการแลกเปลี่ยนข้อคิดเห็นและพิจารณาแนวทางการพัฒนาระบบคมนาคมในประเด็นสำคัญต่างๆ ทั้งทางบก ทางราง ทางน้ำ และทางอากาศ รวมถึงแนวทางการแก้ไขปัญหากรณีอุทกภัยที่ส่งผลกระทบต่อการเดินทางและการขนส่งสินค้า และการเตรียมความพร้อมอำนวยความสะดวกการเดินทางให้แก่ประชาชนในช่วงเทศกาลปีใหม่ และเทศกาลสงกรานต์ปี 2568 โดยกระทรวงคมนาคมได้ให้ข้อมูลความคืบหน้าในแต่ละโครงการ

ทั้งนี้ กรณีเหตุรถบัสทัศนศึกษาไฟไหม้ กมธ.การคมนาคม วุฒิสภา ได้เคยเรียกกรมการขนส่งทางบกไปให้ข้อมูลและได้มีข้อเสนอต่างๆ รวมถึงความปลอดภัยทางน้ำ เรือท่องเที่ยว ซึ่งมีข้อสังเกตให้เข้มงวดการใส่เสื้อชูชีพและออกสุ่มตรวจเพื่อความปลอดภัย

นายวุฒิชาติ กัลยาณมิตร ประธานกมธ.การคมนาคม วุฒิสภา กล่าวว่า ภาพรวมในการเข้าเผชิญเหตุกรณีอุทกภัย หรืออุบัติเหตุต่างๆ นั้น ถือว่ากระทรวงคมนาคมมีแผนดำเนินงานที่ดีอยู่แล้ว แต่ต้องมาดูเรื่องการกำกับดูแลผู้ประกอบการที่อาจจะไม่ซื่อสัตย์ต่อตนเองและก่อให้เกิดความเดือดร้อนต่อผู้ใช้บริการทั่วไปนั้น ควรมีมาตรการเชิงรุกในการกำกับดูแล และควรจะมีวิธีป้องกันหรือจัดการอย่างไร ซึ่งหน่วยงานที่รับผิดชอบได้ชี้แจง พบว่ากฎระเบียบที่มีค่อนข้างรัดกุมหากทุกคนปฏิบัติตาม และจะไม่มีอุบัติเหตุเกิดขึ้น

“กฎหมายรัดกุมแล้วแต่ต้องมีมาตรการเชิงรุก กรณีรถบัสไฟไหม้ ซึ่งพบว่ามีการดัดแปลงหลังจากตรวจสภาพไปแล้ว ดังนั้นก็ต้องหามาตรการสุ่มตรวจซ้ำอย่างไร ส่วน รมว.คมนาคม ได้ตั้งคณะทำงานขึ้นมาหามาตรการเชิงรุกแล้ว ซึ่งไม่มีผู้มีส่วนได้ส่วนเสียเข้ามาเป็นกรรมการเลย ถือว่าดีเพราะจะได้ทำหน้าที่ตรวจสอบสาเหตุที่แท้จริง ผมเอง เคยเป็นเอ็มดี บขส.และผู้ว่าฯ รฟท.ก็เห็นว่าขณะนี้กระทรวงคมนาคมทำได้ดีอยู่แล้ว” นายวุฒิชาติกล่าว

นอกจากนี้ กมธ.คมนาคม วุฒิสภาได้ให้ข้อคิดเห็นและข้อเสนอแนะในหลายประเด็น เช่น ในการพัฒนาอาจมีข้อจำกัดด้านกฎหมาย ระเบียบต่างๆ ที่วุฒสภาจะช่วยแก้ปัญหาได้ พร้อมสนับสนุน และอาจจะต้องเชิญผู้แทนหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในแต่ละเรื่องเข้าไปให้ข้อมูล รวมไปถึงร่วมเป็นกรรมาธิการฯ เพื่อทำงานร่วมกันแต่ไม่ล้วงลูก เพื่อสร้างประโยชน์ต่อภาพรวมในการให้บริการประชาชน


@“คมนาคม” โชว์ความก้าวหน้าโปรเจกต์บก-น้ำ-อากาศ

ในส่วนของการคมนาคมทางบก กมธ.คมนาคม วุฒิสภา ได้สอบถามถึงแนวทางการนำระบบขนส่งและจราจรอัจฉริยะ (Intelligent Transportation System : ITS) มาใช้ในการแก้ไขปัญหาจราจรในพื้นที่กรุงเทพฯ ปริมณฑล และเมืองใหญ่ในภูมิภาค ความคืบหน้าของโครงการก่อสร้างทางหลวงพิเศษระหว่างเมือง (มอเตอร์เวย์) หมายเลข 6 (สายบางปะอิน-นครราชสีมา) ระยะทาง 196 กม. ซึ่งปัจจุบันมีความก้าวหน้างานโยธา 96% คาดว่าจะเปิดให้บริการเต็มรูปแบบตลอดเส้นทางได้ภายในปี 2569, มอเตอร์เวย์หมายเลข 82 (สายบางขุนเทียน-บ้านแพ้ว) ระยะทาง 25 กม. ซึ่งจะเปิดให้ทดลองใช้บริการฟรีตลอดเส้นทางได้ภายในปี 2568 และให้บริการเต็มรูปแบบตลอดเส้นทางภายในปี 2570, การเชื่อมโยงการเดินทางและการขนส่งกับประเทศเพื่อนบ้าน (สปป.ลาว และมาเลเซีย)

สำหรับการคมนาคมทางราง ได้สอบถามความคืบหน้าและแนวทางการดำเนินโครงการรถไฟความเร็วสูงไทย-จีน (กรุงเทพฯ-นครราชสีมา-หนองคาย) รวมระยะทาง 609 กม. ซึ่งการรถไฟแห่งประเทศไทยอยู่ระหว่างเร่งรัดก่อสร้าง ระยะที่ 1 (กรุงเทพฯ-นครราชสีมา ระยะทาง 250.77 กม.) เพื่อให้สามารถเปิดบริการได้ในปี 2571, โครงการก่อสร้างรถไฟทางคู่ ระยะที่ 1 ระยะที่ 2 และทางคู่สายใหม่ (เด่นชัย-เชียงราย-เชียงของ) (บ้านไผ่-มุกดาหาร-นครพนม), โครงการรถไฟความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบิน (ดอนเมือง-สุวรรณภูมิ-อู่ตะเภา) ระยะทาง 220 กม. อยู่ในระหว่างการก่อสร้าง, โครงการก่อสร้างรถไฟฟ้าสายสีส้มทั้งสายตะวันออกและสายตะวันตก (ตลิ่งชัน-มีนบุรี), โครงการก่อสร้างรถไฟฟ้าสายสีม่วงใต้ (เตาปูน-ราษฎร์บูรณะ) และแนวทางการใช้ประโยชน์เชิงพาณิชย์บริเวณสถานีกลางบางซื่อ ซึ่งอยู่ระหว่างการศึกษาและจัดทำแผนปฏิบัติการด้านการพัฒนา เพื่อส่งเสริมและพัฒนาให้เป็นศูนย์กลางการเชื่อมต่อระดับภูมิภาคของประเทศไทยสู่ศูนย์กลางการเชื่อมต่อในระดับอาเซียนและระดับโลก ซึ่งการศึกษาจะแล้วเสร็จภายในปี 2567

ในส่วนของการคมนาคมทางน้ำ คณะกรรมาธิการได้สอบถามความคืบหน้าของการจัดตั้งสายการเดินเรือแห่งชาติ และการพัฒนาปรับปรุงร่องน้ำเดินเรือ ภายใต้แผนโครงการประกันความลึกร่องน้ำเศรษฐกิจ จำนวน 16 ร่องน้ำ ซึ่งในปี 2567 กรมเจ้าท่าได้เร่งดำเนินการในร่องน้ำที่มีปริมาณการจราจรหนาแน่น 8 ร่องน้ำ ส่วนอีก 8 ร่องน้ำจะดำเนินการในปี 2568

สำหรับการคมนาคมทางอากาศ ได้แก่ การส่งเสริมและเพิ่มศักยภาพการขนส่งสินค้าทางอากาศ การส่งเสริมและพัฒนาการใช้ประโยชน์ของอากาศยานไร้คนขับ (โดรน) การตรวจรับรองมาตรฐานสนามบินต่างๆ ทั่วประเทศ ความคืบหน้าการพิจารณาออกใบรับรองการดำเนินงานสนามบินสาธารณะ การพัฒนาศักยภาพท่าอากาศยานซึ่งไม่มีเที่ยวบินแบบประจำอย่างต่อเนื่อง หรือมีผู้โดยสารในระดับน้อยกว่า 100,000 คนต่อปี โครงการจัดตั้งท่าอากาศยานใหม่ และโครงการพัฒนาท่าอากาศยานอู่ตะเภาและเมืองการบินภาคตะวันออก

ส่วนของการพัฒนาท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) มีกำหนดเปิดให้บริการทางวิ่งเส้นที่ 3 อย่างเป็นทางการในวันที่ 1 พฤศจิกายน 2567 ซึ่งจะช่วยเพิ่มขีดความสามารถการรองรับเที่ยวบินจาก 68 เป็น 94 เที่ยวบินต่อชั่วโมง ลดปัญหาการรอคิวนำเครื่องขึ้นและลง เป็นการพัฒนาคุณภาพการบริการของท่าอากาศยานให้ได้มาตรฐานสากล ก้าวสู่การเป็นศูนย์กลางการบิน (Aviation Hub) ของภูมิภาค สร้างโอกาส สร้างอนาคต และขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยอย่างยั่งยืน โดยมีเป้าหมายผลักดันท่าอากาศยานสุวรรณภูมิให้ติดอันดับ 1 ใน 20 ท่าอากาศยานที่ดีที่สุดในโลก

นอกจากนี้ คณะกรรมาธิการได้สอบถามถึงความคืบหน้า นโยบาย แนวทางการดำเนินงานในด้านกฎหมายต่างๆ เช่น ร่างพระราชบัญญัติการขนส่งทางราง พ.ศ. .... ร่างพระราชบัญญัติการบริหารจัดการตั๋วร่วม พ.ศ. .... ร่างพระราชบัญญัติการส่งเสริมพาณิชยนาวี พ.ศ. .... การปรับปรุงพระราชบัญญัติการเดินอากาศ พ.ศ. 2497 การปรับปรุงพระราชบัญญัติการเดินเรือในน่านน้ำไทย พ.ศ. 2456 การปรับปรุงพระราชบัญญัติรถยนต์ พ.ศ. 2522 และพระราชบัญญัติการขนส่งทางบก พ.ศ. 2522 ซึ่งมีความสำคัญอย่างยิ่งต่อการพัฒนาระบบคมนาคมขนส่งของประเทศให้มีความสะดวก ปลอดภัย รวดเร็ว และมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น


นายสุริยะกล่าวว่า สำหรับมาตรการความปลอดภัยรถโดยสารสาธารณะ ได้ตั้งคณะกรรมการโดยเชิญผู้เชี่ยวชาญมาช่วยตรวจสอบกฎระเบียบ และวางมาตรการระยะสั้น-ระยะยาว พร้อมตรวจสอบให้เป็นไปตามกฎระเบียบที่วางไว้เพื่อให้ประชาชนได้รับความปลอดภัยอย่างสูงสุด

ทั้งนี้ กระทรวงคมนาคมจะนำข้อหารือในครั้งนี้ไปใช้ประกอบการพิจารณาในการขับเคลื่อนภารกิจการดำเนินงานของกระทรวงฯ เพื่อสนองตอบความคาดหวังและความต้องการของประชาชนทั้งด้านการเดินทางและการใช้บริการที่เชื่อมโยงกันในทุกมิติ เพื่อให้ประเทศไทยเป็นประตูและเป็นศูนย์กลางการเดินทางของภูมิภาค ส่งเสริมศักยภาพทางเศรษฐกิจ การค้า การลงทุน การท่องเที่ยว และยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชน ภายใต้ “คมนาคมเพื่อโอกาสประเทศไทย” ต่อไป


กำลังโหลดความคิดเห็น