โอเดโอน (Odeon) ถือเป็นสถานที่สุดพิเศษสำหรับชาวเมืองมิลาน เต็มไปด้วยประวัติศาสตร์อันยาวนานและความมีเสน่ห์ รีนาเชนเต จึงได้สร้าง Rinascente Odeon Beauty Hall ขึ้นที่นี่ เพื่อให้เป็น Destination ใหม่ที่มีเอกลักษณ์ ไม่เหมือนใครในอิตาลี และไม่เคยมีใครเห็นมาก่อน พร้อมทั้งเต็มไปด้วยความมีชีวิตชีวา และความน่าตื่นเต้นอยู่เสมอสำหรับผู้มาเยือนทุกคน
โครงการนี้เป็นการร่วมทุนระหว่างบริษัท Kryalos SGR ในฐานะผู้จัดการกองทุน Aedison Fund และ รีนาเชนเต (Rinascente) ด้วยมูลค่ามากกว่า 40 ล้านยูโร มีกำหนดเปิดในเดือนพฤษภาคม พ.ศ. 2570 โดย รีนาเชนเตจะใช้ความเป็นเจ้าตลาดในด้าน HOUSE OF BRANDS อย่างเต็มที่ ในการสร้างศูนย์กลางแห่งประสบการณ์เหนือระดับ (Experiential Hub) บนพื้นที่มากกว่า 3,000 ตารางเมตร ที่จะนำเสนอความงามในทุกรูปแบบ
• แบรนด์ชั้นนำมากกว่า 300 แบรนด์ ทั้งเครื่องสำอาง สกินแคร์ น้ำหอม และบิวตี้บาร์
• บริการห้องทรีตเมนต์
• บริการการแพทย์ด้านความงามชั้นสูง
• การเปิดตัวสินค้าและกิจกรรมสุดพิเศษ
รีนาเชนเต โอเดโอน (Rinascente Odeon) จะดึงดูดผู้เข้าใช้บริการมากกว่า 3 ล้านคน โดยคาดว่าจะสามารถสร้างรายได้กว่า 80 ล้านยูโรตั้งแต่ปีแรกที่เปิดดำเนินการ และนอกจากด้านความงาม ภายใน Odeon Beauty Hall ยังมีพื้นที่โซนอาหารมากกว่า 700 ตารางเมตร เพื่อมอบประสบการณ์ที่ครบครัน และเชื่อมโยงกับส่วนอาคารหลักได้อย่างสมบูรณ์แบบ สอดคล้องกับจุดยืนในการเป็น MEDIA COMPANY
ที่สำคัญโครงการนี้ยังถือเป็นจุดเริ่มต้นของย่านรีนาเชนเต (Rinascente-district) ซึ่งจะพลิกโฉมการใช้ชีวิตของผู้คนในย่านนั้น และมอบเสน่ห์ใหม่ให้แก่ถนนซานตา ราเดกอนดา (Via Santa Radegonda), ถนน อะเญลโล (Via Agnello) และ ถนนวิตโตริโอ เอมานูเอล (Corso Vittorio Emanuele) โดยย่านนี้จะประกอบไปด้วย 2 อาคารหลัก ได้แก่ Rinascente Annex และ Rinascente Odeon Beauty Hall
THE GRAND FLOOR ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในอิตาลี
การเปิดตัว Odeon Beauty Hall จะเป็นการเปิดประตูสู่ความตื่นเต้นครั้งใหม่ นั่นคือ การพลิกโฉมพื้นที่ชั้นล่างของอาคารหลักให้เป็น GRAND FLOOR พื้นที่สำหรับเครื่องประดับ แบรนด์นาฬิกาลักชูรี และจิวเวอรี่ โดยศูนย์รวมเครื่องประดับของรีนาเชนเตนี้จะได้รับการยกระดับในรูปโฉมใหม่ที่มีบรรยากาศสดใส พร้อมผสมผสานแบรนด์และผลิตภัณฑ์ใหม่ ๆ ที่ไม่เคยมีมาก่อนในตลาดอิตาลี โดยเพิ่มพื้นที่ขายสองเท่าเป็น 2,000 ตารางเมตร บนพื้นที่ 2 ชั้น คือ บริเวณชั้นล่างและชั้นระเบียง
การลงทุนนี้จะสร้างรายได้ให้กับแผนกเครื่องประดับเพิ่มขึ้นจากปัจจุบัน 200 ล้านยูโร เป็น 370 ล้านยูโรในปีแรกที่เปิดดำเนินการ โดยมีเป้าหมายให้ผู้บริโภคได้รับประสบการณ์การช้อปปิ้งที่ดีที่สุดในทุกๆ รายละเอียด ตั้งแต่การออกแบบพื้นที่ให้เข้าถึงสินค้าได้ง่าย ตั้งแต่สินค้าเอ็กซ์คลูซีฟ ไปจนถึงแบรนด์อัญมณีและแบรนด์นาฬิกาชื่อดัง รวมถึงเครื่องประดับลักชูรี ที่จะมารวมกันอยู่ในที่เดียว เพื่อสร้างประสบการณ์ที่สมบูรณ์แบบให้กับลูกค้า
โครงการนี้ยังช่วยให้ความสัมพันธ์ระหว่างรีนาเชนเตและเมืองมิลานมีความเหนียวแน่นยิ่งขึ้น จากการยกระดับสถานที่สำคัญของเมือง แต่ยังคงรักษาคุณค่าทางวัฒนธรรมและสถาปัตยกรรมของพื้นที่รอบๆ ไว้อย่างดี ตามแนวคิดที่รีนาเชนเตยึดมั่น คือ “For the city, with the city, in the city” ซึ่งถือเป็นความมุ่งมั่นที่สานต่อมา ตั้งแต่การเปิดห้างแฟลกชิปแห่งที่สองในโรม Via del Tritone ที่หัวมุมถนนดูเอ มาเชลลี (Via dei Due Macelli) ซึ่งได้รับการปรับปรุงขนานใหญ่กินเวลานานกว่า 11 ปี โดยผลลัพธ์คือ ความสอดประสานกันอย่างสมบูรณ์แบบของห้างรีนาเชนเตกับบริบทของเมืองโรม ที่ช่วยส่งเสริมคุณค่าทางประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมของพื้นที่ได้เป็นอย่างดี
โดยโครงการสถาปัตยกรรมนี้จะได้รับการออกแบบโดยสถาปนิกชื่อดัง มาร์โก กอสตันซี (Marco Costanzi Architects) บนคอนเซปต์ 'Ex Tenebris Vita' ซึ่งหมายถึง การออกจากความมืดมาสู่แสงสว่าง Marco Costanzi จึงจินตนาการให้โครงการนี้เป็นโครงการที่มองไปสู่อนาคตที่เปลี่ยนแปลงอยู่เสมอ แต่ยังให้ความเคารพต่อประวัติศาสตร์ และจะนำผู้บริโภคกลับมาสู่จุดศูนย์กลางของเวทีบน 'โรงละครแห่งความงาม' นี้ที่ในอดีตเคยเป็น ‘โรงละครอลิซาเบธ’ (Elizabethan theatre) อันเป็นที่หวงแหนของชาวเมือง
นายปิแอร์ลุยจิ ค็อคคินี ( Pierluigi Cocchini, CEO of Rinascente)ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ห้างสรรพสินค้ารีนาเชนเต ในเครือบริษัท เซ็นทรัล รีเทล คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า “เราภูมิใจเป็นอย่างยิ่งที่สามารถนำเสนอโปรเจกต์ที่ยิ่งใหญ่นี้ในสถานที่อันเป็นที่รักของชาวเมืองมิลาน ตอกย้ำความมุ่งมั่นของรีนาเชนเตที่ไม่ได้เป็นเพียงห้างสรรพสินค้า แต่เป็นสถานที่ที่เต็มไปด้วยความบันเทิง การออกแบบ ประวัติศาสตร์ แฟชั่น อาหาร และอีกมากมายมารวมกัน เป็น MEDIA COMPANY ที่แท้จริง ด้วยวิสัยทัศน์ของเราที่ยังคงมุ่งไปสู่อนาคตอย่างต่อเนื่อง ดังจะเห็นได้จากโปรเจกต์ Rinascente Odeon Beauty Hall ในครั้งนี้ที่มาพร้อมกับการเปิดตัวสิ่งใหม่ๆ รวมไปถึงการปรับปรุงและขยายพื้นที่ชั้นล่างของ Rinascente Milano Duomo เพื่อมอบความพิเศษที่สุดในอิตาลีให้กับทุกคน เราตื่นเต้นอย่างยิ่งที่จะได้สร้างจุดหมายปลายทางแห่งใหม่ในการช้อปปิ้งและความบันเทิง ให้กับชาวมิลานและผู้มาเยือนทุกคน”
มาริเอลา เอลิอา (Mariella Elia) กรรมการผู้จัดการ และประธานเจ้าหน้าที่บริหารสายการเงินของรีนาเชนเต กล่าวว่า “เรามองเห็นถึงศักยภาพของโครงการนี้ ทั้งในด้านคุณค่าทางวัฒนธรรมของตัวอาคาร และจากการวิจัยเกี่ยวกับกลุ่มลูกค้าที่เราจะสามารถเข้าถึงได้ โดยคาดว่าศูนย์ความงามแห่งนี้จะสามารถสร้างรายได้อยู่ที่ประมาณ 80 ล้านยูโรตั้งแต่ปีแรก ที่สำคัญการขยายพื้นที่เพิ่มในส่วนนี้ ยังช่วยเสริมแกร่งห้างรีนาเชนเต สาขาแฟลกชิปที่ Milan Piazza Duomo ให้มีเอกลักษณ์และยิ่งใหญ่มากขึ้น พร้อมกับสร้างมาตรฐานใหม่ของความเป็นเลิศในด้านค้าปลีกอีกด้วย”
เปาโล บอตเตลลี (Paolo Bottelli) ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของ Kryalos กล่าวว่า “หลังจาก
โปรเจกต์ Starbucks ที่จตุรัส Piazza Cordusio, Fendi Casa ที่ Piazza della Scala และอื่นๆ เรารู้สึกตื่นเต้นที่ได้รวมโปรเจกต์นี้เข้ากับความสำเร็จของ Kryalos อีกหนึ่งโครงการ ซึ่งถือเป็นโครงการใหญ่บนจุดแลนด์มาร์คที่มีคุณค่ามหาศาลของเมืองมิลาน ทำให้ Kryalos ทุ่มเทและตั้งใจที่จะยกระดับอาคารโอเดโอนแห่งนี้ที่มีประวัติศาสตร์ยาวนานเกือบหนึ่งร้อยปีและอยู่ไม่ไกลจากมหาวิหารแห่งนครมิลาน (Duomo di Milano) ให้ออกมาอย่างสมบูรณ์แบบที่สุด ด้วยการเซ็นสัญญาร่วมทุนกับรีนาเชนเต ห้างที่อยู่คู่ประเทศอิตาลีมาอย่างยาวนาน และเป็นสัญลักษณ์แห่งความทันสมัยของเมืองมิลาน เราดีใจที่รีนาเชนเตตัดสินใจพัฒนาโปรเจกต์ Beauty Hall แห่งนี้ในอาคารของเรา โดยให้ความสำคัญกับคุณค่าของสถานที่ทั้งในแง่รูปลักษณ์ ประวัติศาสตร์ และภาพลักษณ์เข้าไว้ด้วยกัน”
โดยระหว่างการดำเนินโครงการนี้ Kryalos ให้ความสำคัญเป็นอย่างยิ่งต่อการรักษาคุณค่าทางประวัติศาสตร์และสถาปัตยกรรมของอาคารเอาไว้ โดยองค์ประกอบการตกแต่งหลักทุกอย่างจะได้รับการบูรณะให้เหมือนกับความงดงามแบบดั้งเดิม ซึ่งจะถูกนำกลับไปวางในตำแหน่งเดิมเมื่อเสร็จสิ้นงาน ดังนั้น Rinascente Odeon Beauty Hall จึงเป็นการสานต่อกลยุทธ์ในการยกระดับสถานที่ และสร้างคุณค่าให้กับนักลงทุนของเรา รวมทั้งสร้างผลกระทบเชิงบวกต่อชุมชนและนักท่องเที่ยวในนครมิลาน
จานการ์โล ตังเกรดี (Giancarlo Tancredi) สมาชิกสภาฟื้นฟูนครมิลาน กล่าวว่า “เป็นเรื่องน่ายินดีที่สถานที่ประวัติศาสตร์ใจกลางเมืองกำลังจะกลับมามีชีวิตให้ชาวเมืองได้มาเยี่ยมเยียนอีกครั้งหลังจากได้ปิดทำการเป็นเวลานาน เป็นหลักฐานที่แสดงถึงพลวัตของเมืองที่มีการเปลี่ยนแปลงอย่างต่อเนื่อง โดยยังคงมีโอกาสสำหรับการพัฒนาใหม่ ๆ ทั้งในด้านการวางผังเมือง การก่อสร้าง และสถาปัตยกรรม โดยเฉพาะโครงการนี้ที่รีนาเชนเตได้เข้ามาฟื้นฟูบูรณะ สะท้อนให้เห็นถึงบทบาทของรีนาเชนเตที่มีจุดกำเนิด และเติบโตมาในเมืองแห่งนี้ พร้อมช่วยยกระดับเมืองมิลานในภาพรวมมาอย่างต่อเนื่อง”
รีนาเชนเต (Rinascente) เป็นห้างสรรพสินค้าเบอร์ 1 ในประเทศอิตาลี ก่อตั้งขึ้นในปี พ.ศ. 2408 เพื่อนำเสนอสินค้าที่ดีที่สุดในประเภทแฟชั่น เครื่องประดับ ความงาม ของใช้ในบ้าน สินค้าออกแบบ และอาหาร โดยรวบรวมแบรนด์ชั้นนำของอิตาลีและต่างประเทศมากกว่า 3,600 แบรนด์
ปัจจุบันห้างรีนาเชนเตมีทั้งหมด 9 สาขา ตั้งอยู่ในศูนย์กลางประวัติศาสตร์ใจกลาง 8 เมืองทั่วประเทศ รวมถึงมีช่องทางออนไลน์ที่เปิดตัวในเดือนมิถุนายน พ.ศ. 2563 และบริการ Chat & Shop แบบ On Demand รีนาเชนเต มีห้างแฟลกชิป 2 แห่ง ในมิลานและใจกลางกรุงโรม ซึ่งเปิดตัวในปี พ.ศ. 2560 นอกจากนี้ยังมีร้านในตูริน ฟลอเรนซ์ และ โรม เปียซซาฟิอุเม ที่ได้รับการปรับปรุงใหม่อย่างสมบูรณ์ในช่วงปี พ.ศ. 2562 ถึง 2566
ในปีพ.ศ. 2564 รีนาเชนเต ได้สร้างสถานะของตนไม่เพียงแต่ในฐานะ House of Brands แต่ยังเป็น House of Values โดยเปิดตัว “Keep It Beautiful” ซึ่งเกิดขึ้นบนหลักการ 5 ประการของบริษัท ได้แก่ RESPECT (ความเคารพ), CREATIVITY (ความคิดสร้างสรรค์), EMOTION (อารมณ์), RESEARCH (การวิจัย) และ DIVERSITY (ความหลากหลาย)
ในปี พ.ศ. 2565 รีนาเชนเต ได้รับการบันทึกไว้ในทะเบียนแบรนด์ประวัติศาสตร์ (Register of Historic Brands) ปัจจุบันรีนาเชนเตยังคงเดินหน้าพัฒนาต่อไปในฐานะ MEDIA COMPANY ซึ่งเปรียบเหมือนพื้นที่ที่แบรนด์ต่าง ๆ สามารถแสดงเอกลักษณ์และเล่าเรื่องราวของตนเองได้ โดยห้างรีนาเชนเตทั้ง 9 สาขา ถือเป็นจุดหมายปลายทางที่แท้จริงที่การช้อปปิ้งและความบันเทิงมาบรรจบกัน เพื่อมอบประสบการณ์ที่ไม่เหมือนใครและดึงดูดใจแก่ผู้มาเยือน
สำหรับ Kryalos SGR มีอสังหาริมทรัพย์ภายใต้การจัดการที่มีมูลค่ามากกว่า 1.3 หมื่นล้านยูโร และทีมงานมืออาชีพจำนวน 125 คน เป็นหนึ่งในผู้เล่นที่มีความเคลื่อนไหวมากที่สุดในตลาดอสังหาริมทรัพย์ของอิตาลี บริษัทให้บริการด้านการจัดการธุรกรรม การจัดการกองทุนอสังหาริมทรัพย์และสินเชื่อ การพัฒนา และการให้คำปรึกษา และเป็นพันธมิตรกับผู้นำทั้งในอิตาลีและต่างประเทศ
ส่วน Marco Costanzi Architects บริษัทสถาปัตยกรรมแบบครบวงจรจากอิตาลีที่มีประสบการณ์ระดับนานาชาติในด้านการพาณิชย์ ที่พักอาศัย และการบริการ ตลอดการดำเนินงานมากว่า 30 ปี บริษัทได้สร้างชื่อเสียงระดับโลกด้านความเป็นเลิศทางการออกแบบและการบริหารจัดการโครงการอย่างมืออาชีพในด้านการก่อสร้าง การปรับปรุงรีโนเวท และการออกแบบภายใน โครงการสำคัญหลายแห่งของบริษัทเป็นผลมาจากความร่วมมือระยะยาวกับแบรนด์แฟชั่นชื่อดัง เช่น Christian Dior, Rimowa, Dolce & Gabbana และ Fendi สำหรับ Fendi บริษัทได้ก่อสร้างสำนักงานใหญ่แห่งใหม่ที่ Palazzo della Civiltà Italiana ในกรุงโรมเมื่อไม่นานมานี้ ปัจจุบัน บริษัทกำลังอยู่ในขั้นตอนการออกแบบสำหรับ Fendi ในโครงการคอมเพล็กซ์ที่พักอาศัยสุดหรูแถบชายหาดไมอามี (Miami Beach), สก็อตส์เดล (Scottsdale) และปุนตาเดลเอสเต (Punta del Este) ซึ่งจะเป็นการกำหนดนิยามใหม่ของความลักชูรี่ในตลาดอเมริกา
เซ็นทรัล รีเทล คอร์ปอเรชั่น หรือ เซ็นทรัล รีเทล เป็นผู้นำธุรกิจค้าปลีกสินค้าหลากหลายประเภทผ่านรูปแบบและช่องทางที่หลากหลาย (Multi-format and Multi-category) ในประเทศไทย และมีการขยายธุรกิจไปต่างประเทศ โดยเป็นผู้นำในประเทศอิตาลีและเป็นหนึ่งในผู้นำในประเทศเวียดนาม เครือข่ายร้านค้าภายใต้แบรนด์ค้าปลีกและค้าส่งทั้งหมด 3,744 ร้านค้า (ข้อมูล ณ วันที่ 30 มิถุนายน 2567) อาทิ ห้างสรรพสินค้า, ร้านขายสินค้าเฉพาะทาง ศูนย์ค้าส่งวัตถุดิบอาหาร, ซูเปอร์มาร์เก็ต, ไฮเปอร์มาร์เก็ต, พลาซ่า และการจำหน่ายสินค้าออนไลน์บนแพลตฟอร์ม Omnichannel โดยธุรกิจของเซ็นทรัล รีเทล ครอบคลุมทั้งหมด 5 กลุ่มธุรกิจ ได้แก่ (1) กลุ่มฟู้ด ซึ่งมุ่งเน้นการจำหน่ายสินค้าอุปโภค-บริโภค และสินค้าที่มักพบได้ทั่วไปในร้านสะดวกซื้อซูเปอร์มาร์เก็ต และศูนย์ค้าส่งวัตถุดิบอาหารภายใต้แบรนด์ค้าปลีกและค้าส่งต่าง ๆ เช่น ท็อปส์ ท็อปส์ ฟู้ดฮอลล์ ท็อปส์ ไฟน์ ฟู้ด ท็อปส์เดลี่ โก โฮลเซลล์ บิ๊กซี / GO! และ ท็อปส์ มาร์เก็ต เวียดนาม มินิ โก (go!) เวียดนาม ลานชี มาร์ท เวียดนาม (2) กลุ่มฮาร์ดไลน์ ซึ่งมุ่งเน้นการจำหน่ายสินค้าตกแต่งและปรับปรุงบ้าน สินค้าอิเล็กทรอนิกส์ เครื่องเขียนและอุปกรณ์สำนักงาน หนังสือ และ e-Book ภายใต้แบรนด์ค้าปลีกต่าง ๆ เช่น ไทวัสดุ บีเอ็นบี โฮม เพาเวอร์บาย ออฟฟิศเมท บีทูเอส เมพ และเหงียนคิม (3) กลุ่มแฟชั่นซึ่งมุ่งเน้นการจำหน่ายสินค้าเครื่องแต่งกายและเครื่องประดับภายใต้แบรนด์ค้าปลีกต่างๆ เช่น ห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัล ห้างสรรพสินค้าโรบินสัน ห้างสรรพสินค้ารีนาเชนเต ซูเปอร์สปอร์ต และ เซ็นทรัล มาร์เก็ตติ้ง กรุ๊ป และ (4) กลุ่มพร็อพเพอร์ตี้ ซึ่งมุ่งเน้นการให้เช่าพื้นที่ สำหรับร้านค้าของกลุ่มบริษัทฯ และร้านค้าและบริการของบุคคลภายนอก เช่น โรบินสัน ไลฟ์สไตล์ ท็อปส์ พลาซ่า และ บิ๊กซี / GO! เวียดนาม (5) กลุ่มเฮลธ์แอนด์ เวลเนส ซึ่งมุ่งเน้นการจำหน่ายและให้บริการด้านสุขภาพคนและสัตว์เลี้ยง เช่น ท็อปส์แคร์ ท็อปส์วีต้า และ เพ็ทแอนด์มี โดย ณ วันที่ 30 มิถุนายน 2567 เซ็นทรัล รีเทล ดำเนินธุรกิจใน 3 ประเทศ ได้แก่ ประเทศไทย ทั้งหมด 61 จังหวัด, ประเทศเวียดนาม ทั้งหมด 42 จังหวัดและประเทศอิตาลี ในเมืองหลักๆ ทั่วประเทศ