พท.-ปชน.ดัน พ.ร.บ.ขนส่งทางรางฯ ประกบร่างรัฐบาล ”มนพร“เผยสภาถก 16 ต.ค.นี้

“มนพร”เผย วิป 3 ฝ่าย นัดถกพ.ร.บ. ขนส่งทางรางฯ ดันเข้าสภา 16 ต.ค.นี้ “เพื่อไทย - พรรคประชาชน”เสนอร่างประกบ ชงเพิ่มกองทุนสนับสนุนกิจการขนส่งทางราง

นางมนพร เจริญศรี รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม เปิดเผยว่า หลังจาก ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.)  เมื่อวันที่ 8 ต.ค. 2567 มีนางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เป็นประ ธาน ได้มีมติเห็นชอบ ร่างพระราชบัญญัติการขนส่งทางราง พ.ศ. .... ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอแล้วนั้น คาดว่าจะมีการนำเสนอต่อที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎรเห็นชอบหลักการตามขั้นตอนทางกฎหมาย ซึ่งจะมีการนำเข้าสู่คณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎร (วิป) ในการประชุมวันที่ 16 ต.ค. 2567 นี้ โดย นอกจากจากร่างพ.ร.บ.ขนส่งทางรางฯ ของรัฐบาล ที่เพิ่งผ่านครม. ยังมีร่างพ.ร.บ.ขนส่งทางรางฯ ที่เสนอโดยพรรคเพื่อไทย และทราบว่า ทางพรรคประชาชนได้มีการนำเสนอร่างพ.ร.บ.ขนส่งทางรางฯ เข้ามาประกบด้วย

ซึ่งในการพิจารณาซึ่งในการประชุมหลักการวาระที่ 1 จะมีการตั้งคณะกรรมการวิสามัญ ที่มีตัวแทนจากทุกพรรคการเมืองและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องร่วมกันพิจารณา ทั้ง 3 ร่าง ว่าจะคงรายละเอียดหรือเพิ่มเติมอะไรอย่างไร โดยจะดูระยะเวลาในการพิจารณาประกอบด้วย

นางมนพรกล่าวว่า ร่างพ.ร.บ.ขนส่งทางรางฯของรัฐบาลนั้น มี 166 มาตรา ส่วนร่างฯที่พรรคเพื่อไทยเสนอ 145 มาตรา ภาพรวมร่างฯของพรรคเพื่อไทย จะสอดคล้องกับของร่างฯของรัฐบาล แต่จะเพิ่มเติมในเรื่องการจัดตั้งกองทุน ซึ่งร่างฯของรัฐบาลไม่มี เพื่อให้กฎหมายมีความสมบูรณ์มากขึ้น จะไม่ซ้ำซ้อนกับกองทุนตั๋วร่วม ทั้งนี้เนื่องจากเป็นร่างฯเดิมที่ดำเนินการไว้ตั้งแต่รัฐบาลที่แล้ว หากต้องเพิ่มเติมจะต้องกลับไปทำการรับฟังความคิดเห็นใหม่ ซึ่งทำให้ล่าช้า พรรคเพื่อไทยจึงเสนอร่างในนามพรรคไปด้วยเพื่อให้มีความรวดเร็ว

“ซึ่งในการเสนอกฎหมายนั้น มี 3 ช่องทาง คือ รัฐบาล สส.และภาคประชาชน ซึ่งการที่พรรคประชาชน เสนอด้วยก็เป็นความหลากหลาย ซึ่งจะมีคณะกรรมการวิสามัญ ร่วมกันพิจารณแนวทางที่ดีที่สุด ซึ่งการออกกฎหมายว่าด้วยการขนส่งทางรางนี้ เพื่อควบคุมและกำกับดูแลกิจการขนส่งทางรางของประเทศ ยกระดับมาตรฐานอุตสาหกรรมขนส่งทางรางและการบริหารจัดการการขนส่งทางรางอย่างเป็นระบบ”

ส่วนร่างพ.ร.บ. การบริหารจัดการระบบตั๋วร่วม พ.ศ…คาดว่าจะบรรจุไม่ทันวาระการประชุมสภาสมัยนี้ เนื่องจาก มีเงื่อนไขและข้อกำหนดที่ต้องขอความเห็นเพิ่มเติมจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ก่อนเสนอ ครม. ซึ่งตามไทม์ไลน์จะเสนอครม.ภายในเดือนธ.ค.2567เพื่อให้มีผลบังคับใช้ในปี 2568