- • มนพร สั่งเจ้าท่าตรวจเข้มมาตรการความปลอดภัยเรือทุกประเภททั่วไทยกว่า 1.5 หมื่นลำ
- • เรือภัตตาคาร 108 ลำ ต้องจัดพื้นที่แยกถังแก๊ส LPG ในจุดปลอดภัยสูงสุด
- • เรือภัตตาคารต้องเตรียมอุปกรณ์ดับเพลิง และจัดหลักสูตรอบรมผู้ควบคุมเรือ
"มนพร" สั่งเจ้าท่าตรวจเข้มมาตรการดูแลความปลอดภัยเรือทุกประเภททุกลำทั่วไทยกว่า 1.5 หมื่นลำ เผยเรือภัตตาคาร 108 ลำต้องจัดพื้นที่แยกถังแก๊ส LPG ปรุงอาหารในจุดที่ปลอดภัยสูงสุด-เตรียมอุปกรณ์ดับเพลิง-จัดหลักสูตรอบรมผู้ควบคุมเรือ ย้ำเดินทางทางน้ำต้องปลอดภัย
นางมนพร เจริญศรี รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม เปิดเผยว่า จากสถิติอุบัติเหตุของเรือโดยสารที่เกิดขึ้นบ่อยครั้งในช่วงที่ผ่านมานั้น เพื่อสร้างความปลอดภัยในการเดินทางทางน้ำของพี่น้องประชาชน ดังนั้น จึงได้สั่งการให้กรมเจ้าท่า (จท.) กำหนดมาตรการในการดูแลความปลอดภัยของเรือโดยสาร เพื่ออำนวยความสะดวกในการเดินทางของพี่น้องประชาชนให้มีความสะดวก รวดเร็ว และปลอดภัยสูงสุด
ทั้งนี้ ได้กำชับให้ จท.ดำเนินการตรวจสอบเรือทุกลำ ทั้งเรือโดยสาร เรือโดยสารสาธารณะ และเรือโดยสารทั่วไป ประกอบด้วย เรือโดยสารต่างๆ มีการให้บริการเดินเรือทั้งในลำแม่น้ำ เช่น แม่น้ำเจ้าพระยา และให้บริการชายฝั่งทะเล เพื่อเดินทางไปยังสถานที่ท่องเที่ยวชายฝั่งทะเล หรือเกาะต่างๆ มีจำนวนเรือโดยสารรวมทั้งสิ้น 15,685 ลำ ซึ่งจะใช้น้ำมันเชื้อเพลิงประเภทดีเซลและเบนซิน และสามารถจำแนกออกได้เป็น เรือโดยสารประจำทาง 266 ลำ เรือโดยสารและภัตตาคาร จำนวน 108 ลำ
ขณะที่เรือโดยสารประจำทางที่ให้บริการขนส่งมวลชนสาธารณะทางน้ำในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑล เช่น เรือโดยสารในคลองแสนแสบ จำนวน 60 ลำ ใช้น้ำมันเชื้อเพลิงดีเซล B20 เรือโดยสารในลำแม่น้ำเจ้าพระยา แบ่งเป็น เรือด่วนเจ้าพระยา จำนวน 40 ลำ ใช้น้ำมันเชื้อเพลิงดีเซล B20 และเรือไฟฟ้า จำนวน 35 ลำ 2.3 เรือโดยสารภัตตาคาร จำนวน 52 ลำ ใช้น้ำมันเชื้อเพลิงดีเซล
นางมนพรกล่าวว่า ได้มอบหมายให้ จท. จัดส่งเจ้าหน้าที่ลงพื้นที่ตรวจสอบอย่างเข้มงวดในทุกจังหวัด เพื่อดำเนินการตรวจสอบความมั่นคงแข็งแรงโครงสร้างตัวเรือ, ตรวจสอบระบบท่อส่งน้ำมันเชื้อเพลิง ระบบไฟฟ้า, ตรวจสอบเครื่องยนต์ ระบบกลไกในการขับเคลื่อนเรือ, ตรวจสอบอุปกรณ์ช่วยชีวิตประจำเรือ เช่น พวงชูชีพ เสื้อชูชีพ อุปกรณ์ดับเพลิงให้อยู่ในสภาพพร้อมใช้, ตรวจสอบระบบติดต่อสื่อสาร สัญญาณไฟเดินเรือ
นอกจากนี้ ให้ตรวจสอบใบอนุญาตใช้เรือ ประกาศนียบัตรผู้ควบคุมเรือ และผู้ควบคุมเครื่องจักร รวมถึงเข้มงวดการตรวจตราก่อนเรือออกเดินทางจากท่าเรือต่างๆ ไม่ให้บรรทุกผู้โดยสารเกินกว่ากำหนด ตรวจสอบมิให้เรือบรรทุกผู้โดยสารบรรทุกสิ่งของที่อาจก่อให้เกิดอันตราย เช่น ถังแก๊ส LPG หรือวัตถุอันตรายอื่นๆ เป็นต้น อีกทั้งเข้มงวดกวดขันผู้ควบคุมเรือให้มีความพร้อมในการเดินเรือ และติดตามข้อมูลข่าวสารพยากรณ์อากาศ พร้อมทั้งจัดประชุมประชาสัมพันธ์รณรงค์มาตรการความปลอดภัยในการเดินทางทางน้ำร่วมกับชมรม สมาคมต่างๆ และผู้ประกอบการเรือ
@เข้มเรือภัตตาคาร แยกจุดทำอาหารและถังแก๊ส LPG พร้อมระบบป้องกัน
ในส่วนของเรือโดยสารและภัตตาคารที่มีจำนวน 108 ลำ ได้สั่งการให้เพิ่มมาตรการความปลอดภัยเพิ่มเติม โดยถังแก๊ส LPG ที่ใช้ในการปรุงอาหารให้จัดวางแยกจากพื้นที่ที่บรรทุกผู้โดยสารและอยู่ในพื้นที่ดาดฟ้าเปิด เพื่อไม่ให้มีความเสี่ยงด้านอุบัติเหตุ และเพื่อความปลอดภัยของผู้โดยสาร นอกจากนั้น บริเวณปรุงอาหารมีอุปกรณ์ดับเพลิง มีการติดตั้งวาล์วนิรภัย อีกทั้งยังต้องกำหนดจำนวนถังแก๊สเพื่อปรุงอาหารให้เป็นไปตามขนาดเรือโดยสารและภัตตาคาร
ขณะที่ผนังในห้องครัวส่วนที่ปรุงอาหารต้องเป็นวัตถุโลหะ รวมถึงต้องมีการกำหนดหลักสูตรอบรมและประกาศนียบัตรผู้ควบคุมเรือโดยสารและภัตตาคาร เช่น การดับไฟ การอพยพผู้โดยสารในกรณีฉุกเฉิน การปฐมพยาบาล ตลอดจนการช่วยเหลือผู้ประสบเหตุ อย่างไรก็ตาม หากพบเห็นเหตุไม่ปลอดภัยในการเดินทางทางน้ำ การคมนาคมทางน้ำ แจ้งสายด่วนกรมเจ้าท่า หมายเลข 1199 ได้ตลอด 24 ชั่วโมง