xs
xsm
sm
md
lg

‘คิง เพาเวอร์’ เจอดาวดวงใหม่! DS.RU.BAND และ Boy in love คว้าแชมป์เวที THE POWER BAND 2024 SEASON 4

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



เส้นทางของเหล่าคนดนตรีที่เต็มไปด้วยความฝันและความมุ่งมั่นในการก้าวสู่การเป็นศิลปิน เริ่มต้นขึ้นอย่างเข้มข้น และผ่านการพิสูจน์ความสามารถมาแล้วตลอดระยะเวลากว่า 8 เดือน ความฝันของเหล่าคนดนตรีได้มาถึงบทสรุปที่ยิ่งใหญ่ในรอบชิงชนะเลิศของเวที “THE POWER BAND 2024 SEASON 4” เวทีประกวดวงดนตรีสากลคุณภาพระดับประเทศ ที่เกิดจากความร่วมมือระหว่าง คิง เพาเวอร์ ไทย เพาเวอร์ พลังคนไทย วิทยาลัยดุริยางคศิลป์ มหาวิทยาลัยมหิดล ผนึกกำลัง 6 ค่ายเพลงชั้นนำของไทย ได้แก่ Muzik Move, LOVEiS Entertainment, Smallroom, What The Duck, Warner Music Thailand และ XOXO Entertainment ที่กลับมาตอกย้ำความยิ่งใหญ่ระดับประเทศเป็นปีที่ 4 ติดต่อกัน

และเพื่อเปิดโอกาสให้ “ดาวดวงใหม่” ที่มีความสามารถด้านดนตรีจากทั่วประเทศได้แสดงศักยภาพในระดับที่ยิ่งใหญ่กว่าที่เคย ปีนี้ THE POWER BAND 2024 SEASON 4 กลับมาภายใต้คอนเซปต์ใหม่ “Let The Music Power Your World เป็นได้สุด เป็นไปได้ ด้วยพลังแห่งดนตรี” ซึ่งในรอบชิงชนะเลิศมีวงดนตรีที่ผ่านเข้ารอบทั้งสิ้น 29 วงจากทั่วประเทศ โดยมีรางวัลรวมกว่า 2 ล้านบาทรออยู่!


นายอภิเชษฐ์ ศรีวัฒนประภา ผู้ช่วยประธานเจ้าหน้าที่ด้านปฏิบัติการ กลุ่มบริษัท คิง เพาเวอร์ กล่าวว่า กลุ่มบริษัท คิง เพาเวอร์ มุ่งพัฒนาส่งเสริมศักยภาพคนไทยในด้านดนตรี (Music Power) และสร้างแรงบันดาลใจให้คนไทยก้าวสู่เวทีดนตรีในระดับสากล พร้อมตอกย้ำความสำเร็จในการเป็นผู้จัดเวทีการประกวดวงดนตรี ในรุ่นมัธยมศึกษา และ รุ่นบุคคลทั่วไป ผ่านโครงการ THE POWER BAND เวทีประกวดวงดนตรีสากลคุณภาพระดับประเทศ ซึ่งจัดขึ้นอย่างต่อเนื่องเป็นปีที่ 4 แล้ว ที่ผ่านมาเวทีนี้ได้จุดประกายความฝันให้กับนักดนตรีจำนวนมาก เป็นเวทีแห่งโอกาสที่เปิดพื้นที่ให้ทุกคนได้แสดงความสามารถ จนมีวงดนตรีที่เข้าตาค่ายเพลง แล้วถูกดึงตัวไปปั้นให้เป็นศิลปินหน้าใหม่โลดแล่นในวงการเพลงไทยอย่างวง Kryptonyte ซึ่งเปิดตัวไปแล้วเมื่อเร็ว ๆ นี้ และยังมีน้อง ๆ ที่กำลังรอเปิดตัวเป็นลำดับถัดไปอยู่ ซึ่งถือเป็นความสำเร็จอีกขั้นของเวที THE POWER BAND

"ผมได้เห็นแววตาแห่งความมุ่งมั่นจากทุกคนที่ได้มารวมตัวกัน ต้องขอชื่นชมเยาวชนทุกคนที่แสดงพลังผ่านเสียงดนตรีและโชว์ทักษะที่พัฒนาขึ้นอย่างต่อเนื่องในทุก ๆ ปี ซึ่งเป็นเครื่องพิสูจน์ว่า คนไทยมีศักยภาพและสามารถก้าวไปสู่ระดับสากลได้ ในปีนี้เป็นปีที่ 4 ของการจัดการแข่งขัน เราได้เห็นถึงพัฒนาการของผู้เข้าร่วมทุกคนที่ดีมากยิ่งขึ้น ซึ่งคิง เพาเวอร์มีความภาคภูมิใจที่ได้เป็นเวทีสำหรับการแสดงความสามารถและเป็นส่วนหนึ่งในการจุดประกายความฝันให้กับนักดนตรีมากมาย” นายอภิเชษฐ์ กล่าว


“ผมเชื่อมั่นว่า THE POWER BAND จะยังคงเป็นพื้นที่ที่เปิดโอกาสให้เยาวชนและวงดนตรีหลายวงได้แสดงความสามารถ และหวังเป็นอย่างยิ่งว่า จะได้เห็นดาวดวงใหม่เกิดขึ้นอีกมากมายจากเวทีนี้”

“สุดท้ายนี้ ขอเป็นกำลังใจให้กับทุกคนที่ได้เข้าร่วมการแข่งขัน ขอให้รักษาความมุ่งมั่น ความตั้งใจจริงพัฒนาตัวเองต่อไป แล้วความสำเร็จก็จะมาถึงแน่นอน ผมเชื่อว่า ไม่มีอะไรที่ยากเกินความสามารถ ขอเพียงแค่ทุกคนพยายาม” นายอภิเชษฐ์ กล่าวทิ้งท้าย

ซึ่งตลอดระยะเวลา 4 ปี ของการประกวดดนตรีบนเวที THE POWER BAND มีวงดนตรีเข้าร่วมกว่า 800 วง และมีนักดนตรีที่ได้แสดงศักยภาพบนเวทีนี้มากถึง 5,500 คน


ด้าน ดร.ณรงค์ ปรางค์เจริญ คณบดีวิทยาลัยดุริยางคศิลป์ มหาวิทยาลัยมหิดล มองว่า เวที THE POWER BAND ไม่ใช่เวทีการแข่งขันเพื่อเอาชนะซึ่งกันและกัน แต่เป็นพื้นที่เพื่อสร้างแรงบันดาลใจให้กับทุกคน โดยเฉพาะคนที่มีความเชื่อมั่นว่า ทุกความฝันสามารถเป็นจริงได้ด้วยพลังแห่งการร่วมแรงร่วมใจ นอกจากนี้ยังถือเป็นการเปิดโอกาสสร้างประสบการณ์ที่ดีในการเรียนรู้ร่วมกัน ฝึกฝน และเจอกับมิตรภาพ ในขณะเดียวกัน THE POWER BAND ก็มุ่งมั่นที่จะสร้างมาตรฐานใหม่ ๆ พัฒนากลุ่มคนที่มีศักยภาพ เพื่อให้ทุกคนสามารถก้าวสู่เวทีระดับสากล และประสบความสำเร็จในแบบฉบับของตนเอง โดยไม่จำเป็นต้องเป็นเหมือนใคร

“THE POWER BAND 2024 ถือได้ว่า ยิ่งใหญ่กว่าที่เคยผ่านมา นั่นก็เพราะนักดนตรีทุกคนที่เข้าร่วมต่างแสดงความสามารถได้ดีขึ้นกว่าปีที่แล้ว ซึ่งสมควรได้รับคำชื่นชม จากความทุ่มเทในการฝึกฝนและการแสดงที่ยอดเยี่ยม ในฐานะผู้จัดงานก็ดีใจมากที่ได้เข้ามามีส่วนร่วม ซึ่งต้องขอขอบคุณ บริษัท คิง เพาเวอร์ ที่สนับสนุนและมอบโอกาสที่ดีเช่นนี้ให้แก่นักดนตรีทุกคน”

“ทั้งนี้ ขอแสดงความยินดีกับทุกคนที่ผ่านเข้ามาถึงรอบนี้ ซึ่งถ้าไม่มีความสามารถจริง ๆ ผมคิดว่า คงอยู่บนเวทีนี้ไม่ได้ และไม่ว่าใครจะชนะหรือแพ้ ขอให้มีมุทิตาจิตที่ดีต่อกัน ยินดีกับเพื่อน ถึงจะแพ้ก็ไม่เป็นไรเพราะนั่นแปลว่า เรามีโอกาสอีกครั้ง โชคดีที่ปีหน้าจะได้ลองใหม่ ได้กลับเข้าแคมป์อีกครั้ง และแน่นอนว่า เราจะเก่งขึ้นกว่านี้อีกหนึ่งขั้น”


ในรอบชิงชนะเลิศในปีนี้ มีวงดนตรีที่ผ่านเข้ารอบทั้งสิ้น 29 วง แบ่งเป็น 2 รุ่น คือ รุ่นมัธยมศึกษา สุดยอดวงดนตรีระดับมัธยมฯ (High School Class) จำนวน 15 วง และรุ่นบุคคลทั่วไป เส้นทางสู่ศิลปินมืออาชีพ (Professional Class : Road to Artist) จำนวน 14 วง ประกอบด้วย

รุ่นมัธยมศึกษา สุดยอดวงดนตรีระดับมัธยมฯ (High School Class)
จํานวน 15 วง ได้แก่ วง Savvy จาก Horwang and Denla British School กรุงเทพฯ , วง I Love Wednesday โรงเรียนโยธินบูรณะ กรุงเทพฯ , วง Belebt โรงเรียนองค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงราย จ.เชียงราย , วงนิวคลัสเตอร์ แบนด์ สังกัดอิสระ จ.นครราชสีมา , วงสกลพัฒน์ โรงเรียนสกลนครพัฒนศึกษา จ.สกลนคร , วง Hidden Track โรงเรียนศรีสะเกษวิทยาลัย จ.ศรีสะเกษ , วง Heritage โรงเรียนรัตนาเอื้อวิทยา จ.เชียงใหม่ , วง Pongzun (ป๋องสั้น) โรงเรียนดรุณาราชบุรี จ.ราชบุรี , วง E.H.C.B โรงเรียนยุพราชวิทยาลัย และโรงเรียนยุวทูตศึกษาพัฒนาราชพฤกษ์ จ.เชียงใหม่ , วง FUNNY BAND BY KMG โรงเรียนดนตรี KONGMUSICGROUP จ.ภูเก็ต , วง CHADA BAND โรงเรียนภูเก็ตวิทยาลัย และโรงเรียนขจรเกียรติศึกษา จ.ภูเก็ต , วง KC string combo band โรงเรียนสะเดา “ขรรค์ชัยกัมพลานนท์อนุสรณ์" จ.สงขลา , วง DS.RU.BAND โรงเรียนสาธิตมหาวิทยาลัยรามคําแหง (ฝ่ายมัธยม) กรุงเทพฯ , วง Thanks Mom สังกัดอิสระ กรุงเทพฯ และวง JELLY DRY AGED โรงเรียนธรรมศาสตร์คลองหลวงวิทยาคม จ.ปทุมธานี

ซึ่งวงที่คว้าแชมป์ในรุ่นมัธยมศึกษา ได้แก่ วง DS.RU.BAND จากโรงเรียนสาธิตมหาวิทยาลัยรามคําแหง (ฝ่ายมัธยม)


“ตอนนี้ยังตื่นเต้นแล้วก็ตกใจอยู่เลย เพราะพวกเราไม่คาดหวังว่าจะได้ที่ 1 วงเราใช้เวลาฟอร์มทีมตั้งแต่ช่วงกุมภาพันธ์ ซึ่งถือว่า นานมาก ๆ แต่ดีที่มีรุ่นพี่ที่เคยมาแข่งบนเวทีนี้คอยให้คำแนะนำ ซึ่งแนวเพลงที่เลือกมาในปีนี้ก็ถือเป็นอีกหนึ่งจุดเด่นของวงเรานั่นก็คือแนวฟิวชัน (Fusion) ผสมผสานกันเป็นเอกลักษณ์ที่ไม่เหมือนใคร”

“ต้องขอบคุณ THE POWER BAND ที่ให้โอกาสพวกเรา เพราะนอกจากจะได้ประสบการณ์จากการเข้าแคมป์และการขึ้นเวที ยังได้มิตรภาพดี ๆ จากเพื่อนหลายวงกลับบ้าน สำหรับใครที่อยากแข่งแต่รู้สึกกลัว ต้องบอกเลยว่า การเข้ามาแข่งขันมันไม่ใช่เรื่องยาก ทุกคนสามารถทำได้ ไม่ต้องกลัว แค่คุณมีความรักในเสียงดนตรี มีความตั้งใจ และสิ่งสำคัญคือทุกคนในวงต้องมีแพชชั่นในสิ่งที่ทำให้เท่ากันก่อน ทุกอย่างเป็นไปได้แน่นอน” ตัวแทนจากวง DS.RU.BAND ให้กำลังใจทิ้งท้าย

ขณะที่ รุ่นบุคคลทั่วไป เส้นทางสู่ศิลปินมืออาชีพ (Professional Class : Road to Artist) จํานวน 14 วง ได้แก่ วง Sisweet จ.ชลบุรี , วง BLACK COFFEE จ.นครราชสีมา , วง The PicLic Band จ.เชียงใหม่ , วง Fusion Island กรุงเทพฯ, วงอรชร จ.สมุทรปราการ , วงเฉลิมเกษ จ.ศรีสะเกษ , วง 18.00 น. จ.เชียงใหม่ , วง Untoxic จ.ลําพูน , วง Boy in love กรุงเทพฯ , วง Ride จ.มหาสารคาม , วง The Six Sons จ.ภูเก็ต , วง Whales six กรุงเทพฯ , วง Khaenika (เกณิกา) กรุงเทพฯ และวง Banana Grill จ.มหาสารคาม

ซึ่งวงที่คว้าแชมป์ในรุ่นบุคคลทั่วไป ได้แก่ วง ‘Boy in Love’ จากกรุงเทพฯ


“รู้สึกดีใจมากที่ชนะ จริง ๆ ไม่คาดคิดว่า จะได้รางวัลเลยด้วยซ้ำ แต่ก็คุ้มกับที่ฝ่าฟันกันมา ซึ่งต้องบอกว่า วงเราเป็นการรวมตัวเฉพาะกิจเพื่อ THE POWER BAND โดยเฉพาะ ซึ่งแรงบันดาลใจในการสมัครเข้ามาก็เพราะเห็นเพื่อน ๆ พี่ ๆ น้อง ๆ ลงแข่งมาก่อน เลยรู้สึกว่า เวทีนี้น่าจะเป็นเวทีที่เราได้มาโชว์ความสามารถอย่างเต็มที่ ซึ่งเป้าหมายก็คือแชมป์รายการนี้ และวันนี้ก็ทำได้แล้ว”

“เรารวมทีมกันจริง ๆ จัง ๆ ก่อนหมดเขตรับสมัครแค่ 2 อาทิตย์ ถึงเป็นช่วงสั้น ๆ แต่ว่าเราซ้อมเกือบถึงเช้าทุกวัน ปัญหาใหญ่ของทีมคือเรื่องเวลา เพราะแต่ละคนมีงานที่ตัวเองต้องทำ ทำให้เวลาไม่ตรงกัน ต้องใช้เวลาช่วงดึกในการซ้อม แต่ในที่สุดก็ผ่านมาได้”

สิ่งที่ทำให้ประสบความสำเร็จ ผมมองว่า มันเหมือนชื่อวงเลยก็คือ ‘Boy in Love’ เพราะทุกอย่างต้องเริ่มต้นจากความรัก เรารักในเสียงดนตรี ทุกอย่างเลยออกมาเป็นธรรมชาติ ไม่ได้ฝืน เพราะเราสนุกกับมันจริง ๆ จุดเด่นของวงที่เรามักบอกเสมอคือ พวกเราไม่ใช่วงที่สมบูรณ์แบบที่สุด แต่พวกเราเท่ที่สุด(หัวเราะ) และถึงไม่ได้โชว์สกิลมากมาย แต่สิ่งที่เราคิดว่า เราทำได้ดีคือการถ่ายทอดความเป็นศิลปิน ความมั่นใจและพยายามทำให้คนดูรู้สึกถึงความเป็นวง Boy in Love ให้มากที่สุด”

ทั้งนี้ ในฐานะผู้ชนะของปีนี้ วง Boy in Love ได้ถือโอกาสเชิญชวนผู้มีความสามารถด้านดนตรีให้มาร่วมแข่งขันในรายการ THE POWER BAND “อยากให้มาแข่งรายการนี้กันเยอะ ๆ เรารู้อยู่แล้วว่า เวทีนี้เป็นเวทีที่ดีมาก ๆ ระดับประเทศเลยก็ว่าได้ อยากให้มาลองกันสักตั้ง มาลองพยายามกันก่อน อย่ากั๊ก อย่ากลัว อะไรจะเกิดขึ้นมันก็ต้องเกิด สุดท้ายมันจะกลายเป็นก้าวของประสบการณ์เพื่อทำให้เราเดินไปข้างหน้า”


ซึ่งผู้ชนะเลิศทั้ง 2 วงได้แสดงฝีมือและความสามารถด้านดนตรีอย่างโดดเด่น จนสามารถชนะใจกรรมการคว้าแชมป์ไปครอง โดยได้รับเงินรางวัลวงละ 150,000 บาท และถ้วยรางวัลเกียรติ นอกจากนี้ ยังได้รับโอกาสร่วมทำซิงเกิลเพลง และมิวสิกวิดีโอกับค่ายเพลงภายใต้การดูแลของ บริษัท มิวซิกมูฟ จำกัด และมีโอกาสในการร่วมแสดงในเทศกาลดนตรีระดับประเทศ

สุดท้าย THE POWER BAND 2024 SEASON 4 มอบความประทับใจส่งท้ายให้กับผู้เข้าประกวดและผู้เข้าร่วมงานด้วยโชว์มินิคอนเสิร์ตจากศิลปินไอดอลชื่อดัง อิ้งค์ วรันธร และ 4EVE กับการแสดงที่เต็มไปด้วยความสนุกสนาน สร้างบรรยากาศที่อบอวลไปด้วยเสียงเพลงและรอยยิ้ม นับเป็นการปิดฉากความสำเร็จของซีซั่นนี้ได้อย่างสมบูรณ์แบบ

สำหรับผลการประกาศรางวัลรอบชิงชนะเลิศของเวทีประกวดวงดนตรีสากลคุณภาพระดับประเทศ THE POWER BAND 2024 SEASON 4 สามารถติดตามได้ที่ช่องทาง Facebook และ Instagram King Power Thai Power พลังคนไทย


กำลังโหลดความคิดเห็น