xs
xsm
sm
md
lg

รฟฟท.เซ็นเอ็มโยู "รถไฟฟ้าโฮจิมินห์ ซิตี้" ร่วมถ่ายทอดองค์ความรู้ด้านการเดินรถ

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



รถไฟฟ้า ร.ฟ.ท.ลงนามความร่วมมือกับ "Ho Chi Minh City Urban Railways No.1" หรือรถไฟฟ้านครโฮจิมินห์ ประเทศเวียดนาม พร้อมถ่ายทอดองค์ความรู้ด้านการเดินรถไฟฟ้า ส่งเสริมความร่วมมือในการพัฒนาระบบขนส่งทางรางอย่างยั่งยืน

นายสุเทพ พันธุ์เพ็ง กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท รถไฟฟ้า ร.ฟ.ท. จำกัด (รฟฟท.) หรือผู้ให้บริการรถไฟฟ้าชานเมืองสายสีแดง เปิดเผยว่า วันที่ 23 กันยายน 2567 รฟฟท.ได้มีการลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือกับ บริษัท Ho Chi Minh City Urban Railways No.1 จำกัด เพื่อเป็นการแสดงเจตนารมณ์ร่วมกันในการแลกเปลี่ยนความรู้และทักษะต่างๆ เสริมสร้างศักยภาพในการบริหารจัดการเดินรถไฟฟ้า โดยภายในพิธีฯ มีการลงนามความร่วมมือกันระหว่างทั้งสองหน่วยงาน ประกอบด้วย นายสุเทพ พันธุ์เพ็ง กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท รถไฟฟ้า ร.ฟ.ท. จำกัด และ Mr. Le Minh Triet ประธานคณะกรรมการและกรรมการ HO CHI MINH CITY URBAN RAILWAYS NO.1 COMPANY LIMITED โดยมีคณะผู้บริหาร บริษัท รถไฟฟ้า ร.ฟ.ท. จำกัด และสื่อมวลชน ร่วมเป็นสักขีพยาน ณ นครโฮจิมินห์ ประเทศเวียดนาม


ทั้งนี้ บันทึกข้อตกลงความร่วมมือฉบับนี้ ถือเป็นก้าวแรกที่สำคัญที่ทั้งสองหน่วยงาน ได้มีโอกาสแลกเปลี่ยนประสบการณ์ด้านการพัฒนาระบบขนส่งทางรางของทั้งสองประเทศ รวมถึงแลกเปลี่ยนแนวคิดในด้านการเดินรถไฟฟ้า ด้านการสื่อสาร และการตลาด ด้านธุรกิจเชิงพาณิชย์ รวมถึงด้านความต้องการของผู้ใช้บริการ โดยบริษัท รถไฟฟ้า ร.ฟ.ท. จำกัด มีความยินดีเป็นอย่างยิ่งที่จะถ่ายทอดองค์ความรู้ และประสบการณ์ดำเนินงานในด้านต่างๆ จากประสบการณ์มากกว่า 14 ปี ที่บริษัทฯ ได้ดำเนินกิจการในฐานะผู้ให้บริการเดินรถไฟฟ้า เริ่มจากการบริหารโครงการระบบขนส่งมวลชนทางรถไฟเชื่อมท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ และสถานีรับส่งผู้โดยสารท่าอากาศยานกรุงเทพมหานคร หรือรถไฟฟ้าแอร์พอร์ตเรลลิงก์ จนมาถึงการบริหารการเดินรถโครงการรถไฟฟ้าชานเมืองสายสีแดง


ปัจจุบัน HO CHI MINH CITY URBAN RAILWAYS NO.1 (HURC1) ซึ่งเป็นรถไฟฟ้าสายแรกของเมืองโฮจิมินห์ โดยรัฐบาลเป็นผู้ลงทุนก่อสร้างทั้ง 100% และตั้งบริษัทขึ้นมาเดินรถ อยู่ระหว่างการทดลองเดินรถไฟฟ้า ยังไม่เปิดให้บริการอย่างเต็มรูปแบบ ซึ่งทางบริษัท Ho Chi Minh City Urban Railways No.1 จำกัด คาดว่าจะเปิดให้บริการได้ในเดือน ธ.ค. 2567 ส่วนอัตราค่าโดยสารอยู่ระหว่างการพิจารณา คาดที่ประมาณ 14-35 บาท (8,000-25,000 ด่ง)


บริษัทฯ หวังเป็นอย่างยิ่งว่าการลงนามดังกล่าวจะเป็นประโยชน์ในการเดินรถไฟฟ้าในประเทศเวียดนาม และมีความพร้อมที่จะเปิดให้บริการเชิงพาณิชย์ในอนาคต ซึ่งความร่วมมือในครั้งนี้ถือเป็นบทบาทสำคัญในการพัฒนาระบบขนส่งทางรางทั้งในประเทศไทยและเวียดนาม อันจะส่งผลให้ช่วยสร้างความสะดวกสบายแก่ประชาชน และเสริมสร้างศักยภาพการคมนาคมได้อย่างยั่งยืน


บริษัทฯ ยังคงมุ่งมั่นพัฒนาองค์กรสู่การเป็นผู้นำในการให้บริการเดินรถไฟฟ้าด้วยมาตรฐานระดับสากล สร้างความพึงพอใจสูงสุดแก่ผู้ใช้บริการ รักษามาตรฐานการปฏิบัติงานในด้านการเดินรถและซ่อมบำรุง พัฒนาบุคลากรให้มีศักยภาพอยู่เสมอ รวมถึงรับผิดชอบต่อสังคม และสิ่งแวดล้อมที่เกี่ยวเนื่องกับธุรกิจขององค์กร อีกทั้งสามารถเชื่อมโยงทุกการเดินทางกับระบบขนส่งสาธารณะอื่นๆ ได้อย่างสะดวก รวดเร็ว และปลอดภัย




กำลังโหลดความคิดเห็น