xs
xsm
sm
md
lg

“สุริยะ” ปักธงปี 68 ปิดจ็อบพระราม 2 เปิดมอเตอร์เวย์ ​“บางปะอิน, บางใหญ่” รถไฟฟ้า 20 บาททุกสาย ขับเคลื่อนนโยบาย 9 แนวทาง

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์

  • • 9 แนวทาง - 5 ด้าน - 3 ระยะ นโยบายคมนาคมเพื่อโอกาสประเทศไทย
  • • มุ่งเน้นการสร้างโอกาสให้ประชาชน ผ่านการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานและบริการตามมาตรฐานสากล
  • • ปี 68 เปิดใช้งานมอเตอร์เวย์ บางปะอิน - บางใหญ่
  • • ปี 68 เสร็จสิ้นโครงการทางด่วนพระราม 2
  • • รถไฟฟ้าทุกสาย ราคา 20 บาท


"สุริยะ-มนพร-สุรพงษ์" มอบนโยบาย 9 แนวทาง-5 ด้าน-3 ระยะ "คมนาคมเพื่อโอกาสประเทศไทย" หนุนสร้างโอกาสให้ประชาชนต่อการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน-การให้บริการตามมาตรฐานสากล ทุกคนต้องเข้าถึงได้อย่างเท่าเทียม ราคาเป็นธรรม ปี 68 ปิดจ็อบพระราม 2 เปิดมอเตอร์เวย์ ​“บางปะอิน, บางใหญ่” รถไฟฟ้า 20 บาททุกสาย ยกระดับคุณภาพชีวิตประชาชน

เมื่อวันที่ 16 ก.ย. 67 นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม พร้อมด้วย นางมนพร เจริญศรี และนายสุรพงษ์ ปิยะโชติ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม ได้มอบนโยบายแก่หน่วยงานราชการ และรัฐวิสาหกิจที่อยู่ในการกำกับดูแลของกระทรวงคมนาคม ในรัฐบาล นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี

นายสุริยะกล่าวว่า ภายใต้นโยบาย “คมนาคมเพื่อโอกาสประเทศไทย” มี 9 แนวทางที่จะดำเนินการ ได้แก่ 1. สานต่อโอกาสในโครงการคมนาคม โดยจะเร่งรัดโครงการลงทุนต่างๆ พร้อมสานต่อโครงการที่ได้ดำเนินการมาแล้วอย่างต่อเนื่อง และเดินหน้าโครงการใหม่ๆ อย่างเต็มรูปแบบ 2. ส่งเสริมโอกาสคมนาคมไทย เชื่อมโยงอย่างไร้รอยต่อ โดยการเพิ่มประสิทธิภาพโครงข่ายระบบคมนาคมในทุกมิติและทุกรูปแบบ เพื่อเชื่อมโยงโครงข่ายของประเทศไทยสู่นานาประเทศทั่วโลก

3. สร้างโอกาสในการลงทุน เพื่อเดินหน้าส่งเสริมให้ภาคเอกชนที่มีศักยภาพเข้ามาลงทุนในโครงการต่างๆ ของภาครัฐ เพื่อช่วยประหยัดและลดภาระด้านงบประมาณ ซึ่งจะช่วยสร้างโอกาสให้สามารถนำเม็ดเงินลงทุนไปพัฒนาโครงการอื่นๆ ได้อีกจำนวนมาก 4. เพิ่มโอกาสประชาชนในการเข้าถึงระบบคมนาคมขนส่ง เพื่อขับเคลื่อนนโยบายในการลดต้นทุน การให้บริการในภาคคมนาคมและขนส่ง ทั้งการเดินทางของคน และการขนส่งสินค้า นำไปสู่การสร้างโอกาสในการเข้าถึงระบบขนส่งมวลชนสาธารณะได้อย่างมีประสิทธิภาพ

5. เปิดโอกาสโลจิสติกส์ไทย ในการเพิ่มประสิทธิภาพและลดต้นทุนของระบบโลจิสติกส์ 6. สนับสนุนโอกาสในการใช้พลังงานสะอาดที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม เพื่อมุ่งหวังลดปัญหาฝุ่นละอองขนาดเล็ก (PM 2.5) 7. เปิดโอกาสด้านความปลอดภัยภาคคมนาคมขนส่งอย่างสูงสุด ทั้งในช่วงก่อสร้าง และระหว่างการให้บริการประชาชน โดยมุ่งเน้นการกำกับดูแลให้ได้มาตรฐาน 8. เพิ่มโอกาสในการปฏิบัติหน้าที่ ให้เป็นไปตามมาตรฐาน ระเบียบ กฎหมาย และหลักธรรมาภิบาล ที่โปร่งใส ตรวจสอบได้ และ 9. สร้างโอกาสการมีส่วนร่วมกับประชาชนในทุกมิติ เพื่อให้การดำเนินงานต่างๆ เกิดประสิทธิภาพสูงสุด

โดยได้มอบหมายให้ทุกหน่วยงานเร่งดำเนินโครงการต่อเนื่องให้เกิดผลสัมฤทธิ์ และเป็นไปตามกรอบเวลาที่ได้ให้สัญญากับประชาชนไว้ ทั้งนี้ ได้กำหนดการดำเนินการตามนโยบาย 3 ระยะ ได้แก่ 1.  ระยะเร่งด่วน เร่งสานต่อโครงการต่อเนื่อง และดำเนินการให้แล้วเสร็จตามแผนที่กำหนดไว้ 2. ระยะกลาง (1-3 ปี) ให้ทุกหน่วยงานขับเคลื่อนการลงทุน และกำกับดูแลการก่อสร้างให้สามารถเปิดให้บริการได้ตามแผนงาน และ 3. ระยะยาว (5 ปี) ให้ทุกหน่วยงานขับเคลื่อนโครงการขนาดใหญ่ที่ได้จัดทำแผนแม่บทไว้ เพื่อเป็นรากฐานในการพัฒนาระบบคมนาคมขนส่งของประเทศอย่างยั่งยืน


สำหรับโครงการต่างๆ ที่จะดำเนินการภายใต้นโยบาย “คมนาคมเพื่อโอกาสประเทศไทย” ประกอบด้วย 5 ด้าน คือ

1. ด้านการคมนาคมทางบก เช่น ปิดตำนานถนน 7 ชั่วโคตร หรือถนนพระราม 2 ให้สำเร็จภายในเดือนมิถุนายน 2568, เปิดให้บริการมอเตอร์เวย์ M6 และ M81 ตามกำหนด, มอบหมายให้กรมการขนส่งทางบก (ขบ.) เร่งแก้ไขปัญหาประชาชนรอรถเมล์นานจากกรณีที่มีผู้ประกอบการรายเดียวในแต่ละเส้นทาง, ศึกษาและออกแบบมอเตอร์เวย์สายใหม่ ตามแผนแม่บท MR-MAP, พัฒนาระบบ Feeder, มอบหมายให้องค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ (ขสมก.) และบริษัท ขนส่ง จำกัด (บขส.) จัดหารถพลังงานไฟฟ้ามาวิ่งให้บริการประชาชน เป็นต้น

2. ด้านการคมนาคมทางราง เช่น เร่งขยายผลนโยบายรถไฟฟ้าในอัตรา 20 บาทตลอดเส้นทาง (20 บาทตลอดสาย) ไปเส้นทางรถไฟฟ้าสายอื่นๆ โดยให้กรมการขนส่งทางราง (ขร.) และสำนักงานนโยบายและแผนการขนส่งและจราจร (สนข.) เร่งผลักดันกฎหมาย พ.ร.บ.การขนส่งทางราง และ พ.ร.บ.ตั๋วร่วมฯ ให้ประกาศใช้โดยเร็ว เพื่อเป็นเครื่องมือในการขับเคลื่อนนโยบายให้เกิดผลอย่างเป็นรูปธรรม, เดินหน้ารถไฟทางคู่, รถไฟความเร็วสูง ทั้งระยะที่ 1 และระยะที่ 2, แนวทางการเปลี่ยนถ่ายสินค้าจากถนนสู่ระบบราง, พัฒนาระบบรถไฟฟ้าในภูมิภาค เป็นต้น

3. ด้านการคมนาคมทางน้ำ เช่น เร่งรัดกรมเจ้าท่า (จท.) เปิดให้บริการท่าเรือ Smart Pier พร้อมทั้งเร่งนำเสนอโครงการพัฒนาท่าเรือ Cruise Terminal ที่เกาะสมุย ที่ฝั่งอันดามัน และที่อ่าวไทยตอนบนภายในต้นปี 2568, ให้การท่าเรือแห่งประเทศไทย (กทท.) เร่งก่อสร้างท่าเรือแหลมฉบัง ระยะที่ 3 ให้เป็นไปตามแผนงาน และเร่งแก้ไขปัญหาการจราจรบริเวณโดยรอบท่าเรือแหลมฉบัง, เดินหน้าพิจารณาแนวทางการส่งเสริมและกำกับดูแลเครื่องบินน้ำ และสนามบินน้ำ ร่วมกับสำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทย (กพท.) ให้สามารถเริ่มเปิดให้บริการได้โดยเร็ว เป็นต้น


4. ด้านการคมนาคมทางอากาศ ให้ทุกหน่วยงานทางอากาศขับเคลื่อนนโยบายศูนย์กลางทางการบิน (Aviation Hub) ของรัฐบาล โดยกำหนดเป้าหมายให้ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิเป็นท่าอากาศยานอยู่ใน 20 อันดับของโลก (TOP 20) ภายในปี 2572 เช่น เร่งนำเทคโนโลยีสมัยใหม่ในรูปแบบอัตโนมัติ และระบบ Biometrics มาใช้ในการเช็กอิน การโหลดสัมภาระ และการตรวจคนเข้าเมือง, ปรับปรุงอาคารสถานที่, ให้ความสำคัญการเชื่อมต่อการเดินทางกับการขนส่งภาคพื้น, เตรียมรับการตรวจจาก FAA เพื่อให้ไทยกลับเข้าสู่ Category I และเตรียมความพร้อมในการเข้าตรวจจาก ICAO, ให้ ทอท.เร่งดำเนินการก่อสร้างอาคารส่วนต่อขยาย รวมทั้งพัฒนาท่าอากาศยานต่างๆ และเดินหน้าดำเนินการท่าอากาศยานใหม่ เป็นต้น

5. ภาพรวมของกระทรวงคมนาคม เช่น ให้ สนข.เร่งเดินหน้าโครงการ Landbridge ให้เกิดผลอย่างเป็นรูปธรรมโดยเร็ว, ให้ทุกหน่วยงานให้ความสำคัญสูงสุดต่อความปลอดภัย ทั้งในมิติของความปลอดภัยระหว่างการก่อสร้าง-การให้บริการประชาชน-โครงสร้างพื้นฐาน และในทุกมิติที่เกี่ยวข้อง โดยเฉพาะความปลอดภัยระหว่างการก่อสร้างให้ขยายผลมาตรการสมุดพกผู้รับเหมา โดยให้กรมทางหลวง (ทล.) เป็นหน่วยงานหลักในการขับเคลื่อนประสานกับกรมบัญชีกลาง เพื่อให้นำไปสู่การกำหนดชั้นของผู้รับเหมาต่อไป, ให้ทุกหน่วยงานเร่งรัดการเบิกจ่ายงบประมาณให้เป็นไปตามแผนงานที่กำหนดไว้ เป็นต้น


กรอบแนวคิดการดำเนินงานของกระทรวงคมนาคม ภายใต้นโยบาย “คมนาคมเพื่อโอกาสประเทศไทย” ทั้ง 9 แนวทาง ครอบคลุม 5 ด้านดังกล่าวข้างต้น เพื่อสนองต่อความต้องการของประชาชน และสอดคล้องตามนโยบายของรัฐบาล นำไปสู่การยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชน และขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศไทยได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยให้ทุกหน่วยงาน ทั้งส่วนราชการและรัฐวิสาหกิจ ดำเนินภารกิจที่มอบให้ไป โดยยึดถือประโยชน์ของพี่น้องประชาชน และประเทศชาติเป็นสำคัญ พร้อมทั้งคำนึงถึงประชาชนและประเทศชาติเป็นศูนย์กลาง โดยต้องดำเนินงานอย่างถูกต้องตามระเบียบ กฎหมาย โปร่งใส และตรวจสอบได้ทุกขั้นตอน


กำลังโหลดความคิดเห็น