xs
xsm
sm
md
lg

“ไฮเออร์ สมาร์ทโฮม” รุกขยายตลาดนอกจีน ครึ่งปีแรก67 โกยรายได้ 6.35 แสนล้านบาท

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์

  • • ไฮเออร์ สมาร์ท โฮม รายได้รวมครึ่งปีแรก 2567 เท่ากับ 135,620 ล้านหยวน (หรือ 635,546 ล้านบาท)
  • • รายได้ครึ่งปีแรกของปี 2566 เท่ากับ 131,630 ล้านหยวน (หรือ 617,154 ล้านบาท)
  • • กระแสเงินสดสุทธิจากการดำเนินงานของไฮเออร์ สมาร์ท โฮม เพิ่มขึ้น


ผู้จัดการรายวัน 360 – ไฮเออร์ สมาร์ท โฮม เผยรายได้รวมครึ่งปีแรก2567 เท่ากับ 135,620 ล้านหยวน (หรือ 635,546 ล้านบาท) ขณะที่ครึ่งปีแรกของปี 2566 กวาดรายได้131,630 ล้านหยวน (หรือ 617,154 ล้านบาท) กระแสเงินสดสุทธิจากการดำเนินงานเพิ่มขึ้น 15.14% คิดเป็น 7.82 พันล้านหยวน (หรือ 36,638 ล้านบาท) เดินหน้ารุกขยายตลาดต่างประเทศโดยมุ่งเน้นตลาดท้องถิ่นเป็นหลัก

บริษัท ไฮเออร์ สมาร์ทโฮม จำกัด (“ไฮเออร์ สมาร์ทโฮม” หรือ “บริษัท”) ผู้นำระดับโลกด้านโซลูชันสมาร์ทโฮม ประกาศผลประกอบการครึ่งปีแรกของปี 2567 มีรายได้รวม 135,620 ล้านหยวน คิดเป็นอัตราการเติบโตปีต่อปี (YoY) ที่ 3.03% กำไรสุทธิที่เป็นของบริษัทแม่อยู่ที่ 10,420 ล้านหยวน (48,848 ล้านบาท) เติบโต 16.26% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า และมีกำไรสุทธิทะลุ 1 หมื่นล้านหยวน โดยอัตรากำไรสุทธิอยู่ที่ 7.68% เพิ่มขึ้นจากปีก่อน คิดเป็น 0.87%

การเติบโตในตลาดจีนจากการผสานหลายแบรนด์เพื่อผู้บริโภค
แม้ว่าตลาดเครื่องใช้ไฟฟ้าขนาดใหญ่จะมีแนวโน้มลดลง แต่ไฮเออร์ สมาร์ทโฮม สามารถเพิ่มรายได้ภายในประเทศจีนและปรับปรุงประสบการณ์ของผู้ใช้ได้ โดยการเสริมสร้างความร่วมมือระหว่างแบรนด์ ไฮเออร์ (Haier), คาซาร์เต้ (Casarte) และ ลีดเดอร์ (Leader) พร้อมพัฒนาผลิตภัณฑ์ตามความต้องการเฉพาะบุคคลและเสริมสร้างศักยภาพของแบรนด์ SAN YI NIAO ด้วยผลิตภัณฑ์ซีรีส์ Nebula ซีรีส์ Tranquility และผลิตภัณฑ์อื่น ๆ โดยแบรนด์พรีเมียมอย่าง Casarte ได้นำทางในการผสานผลิตภัณฑ์เครื่องใช้ไฟฟ้าสมาร์ทโฮมเข้ากับสไตล์การใช้ชีวิตภายในบ้าน และมีส่วนแบ่งตลาดของ Casarte ในตลาดพรีเมียมยังคงเติบโตอย่างต่อเนื่องในครึ่งปีแรกของปี 2567 ในประเทศจีน โดยแบรนด์ Casarte มีส่วนแบ่งการตลาดดังนี้
1. หมวดตู้เย็นจากยอดขายปลีกของผลิตภัณฑ์ที่มีราคามากกว่า 10,000 หยวน อยู่ที่ 39.5%
2. หมวดเครื่องซักผ้าฝาหน้าจากยอดขายปลีกของผลิตภัณฑ์ที่มีราคามากกว่า 10,000 หยวน อยู่ที่ 82.3%
3. หมวดเครื่องปรับอากาศที่มีราคามากกว่า 15,000 หยวน อยู่ที่ 32%


นวัตกรรมของไฮเออร์นำไปสู่การเติบโตอย่างยั่งยืน
แบรนด์ไฮเออร์นำเสนอโซลูชันให้กับผู้ใช้งานด้วยนวัตกรรมทางเทคโนโลยีที่ล้ำสมัย อาทิ ชุดเครื่องซักผ้าและเครื่องอบผ้าในซีรีส์ Yunxi ที่ลดเสียงรบกวนได้ ทำให้ส่วนแบ่งการตลาดของเครื่องซักผ้าไฮเออร์ที่มีราคา 4,000 – 8,000 หยวน เพิ่มขึ้น 2.6% ในขณะที่เครื่องปรับอากาศไฮเออร์ซึ่งตอบโจทย์ความต้องการของผู้ใช้ในด้านผลิตภัณฑ์ที่มีความปลอดภัยต่อสุขภาพและมีความทันสมัย มีส่วนแบ่งทางการตลาดภายในประเทศเพิ่มขึ้น 0.8%
นอกจากนี้ Leader แบรนด์ในเครือของไฮเออร์ ยังเข้าถึงความต้องการของผู้ใช้งานสำหรับกลุ่มคนรุ่นใหม่ผ่านนวัตกรรมผลิตภัณฑ์และกลยุทธ์ทางการตลาด โดยได้เปิดตัวผลิตภัณฑ์ยอดนิยม เช่น เครื่องปรับอากาศซีรีส์ Vitality และเครื่องซักผ้าซีรีส์ Cloud ในครึ่งปีแรกของปี 2567 ส่งผลให้ยอดขายปลีกของไฮเออร์ในประเทศจีนเพิ่มขึ้นถึง 31%
ไฮเออร์ สมาร์ทโฮม ยังคงเดินหน้าพัฒนาด้าน ESG อย่างต่อเนื่องในครึ่งปีแรกของปี 2567 ตั้งแต่ไตรมาสที่ 3 ของปี 2566 และได้รับการจัดอันดับ ESG สูงสุดจาก MSCI ในอุตสาหกรรมภายในประเทศ (ESG Rating ระดับ A) สอดคล้องกับค่านิยมด้านความยั่งยืนของบริษัท ไฮเออร์ สมาร์ทโฮม ได้ดำเนินการตามโครงการ “แลกเปลี่ยนของเก่าเป็นของใหม่” โดยมีความมุ่งมั่นในการกระจายไปยังทั่วประเทศ เพื่อช่วยให้ครอบครัวต่าง ๆ สามารถเปลี่ยนเครื่องใช้ไฟฟ้าได้อย่างทั่วถึง และส่งเสริมการจัดการขยะอิเล็กทรอนิกส์อย่างเหมาะสม

การขยายธุรกิจในต่างประเทศในปัจจุบันและอนาคต
ในครึ่งแรกของปี 2567 สภาพตลาดในต่างประเทศมีความแตกต่างกันออกไป แบ่งเป็นด้านความต้องการในตลาดที่พัฒนาแล้ว อาทิ ยุโรป สหรัฐอเมริกา และญี่ปุ่น ที่ได้รับความท้าทายจากสภาวะเศรษฐกิจมหภาค ขณะที่ตลาดเกิดใหม่อย่างเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เอเชียใต้ ตะวันออกกลาง และแอฟริกา ยังคงเติบโตอย่างรวดเร็ว ด้วยการเปิดตัวผลิตภัณฑ์ระดับไฮเอนด์ รวมถึงการปรับปรุงการจัดการห่วงโซ่อุปทาน และการส่งเสริมการเปลี่ยนแปลงในองค์กร
ทั้งนี้ ไฮเออร์ สมาร์ทโฮม สามารถครองส่วนแบ่งตลาดที่สูงขึ้นในประเทศพัฒนาแล้ว และเติบโตอย่างรวดเร็วในตลาดเกิดใหม่ โดยมีบันทึกรายรับรวมในต่างประเทศอยู่ที่ 70,820 พันล้านหยวน เพิ่มขึ้น 3.7% เมื่อเทียบกับปีก่อน แบ่งเป็นส่วนแบ่งตลาดของไฮเออร์ สมาร์ท โฮม ในสหรัฐอเมริกา เพิ่มขึ้น 0.7% ยุโรป เพิ่มขึ้น 0.1% และภูมิภาคโอเชียเนีย เพิ่มขึ้น 2.9 % ในขณะที่สัดส่วนรายได้ของเอเชียใต้ เพิ่มขึ้น 9.9% เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เพิ่มขึ้น 12.4% และตะวันออกกลางและแอฟริกาเพิ่มขึ้น 26.8%

ในเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา ไฮเออร์ ได้เปิดตัวนิคมอุตสาหกรรมไฮเออร์ในอียิปต์อย่างเป็นทางการ โดยมีความสามารถในการผลิตสินค้าในเครือไฮเออร์มากกว่า 1.5 ล้านชิ้นต่อปี ซึ่งช่วยสนับสนุนการเติบโตและความเป็นผู้นำด้านแบรนด์ของไฮเออร์ สมาร์ทโฮม ในตลาดอียิปต์ ตะวันออกกลาง และแอฟริกา ต่อมาในเดือนกรกฎาคม ไฮเออร์ สมาร์ทโฮม ได้ประกาศเจตนารมณ์ที่จะเข้าซื้อกิจการเครื่องทำน้ำอุ่นของอีเลคโทรลักซ์ในแอฟริกาใต้ ซึ่งจะช่วยให้ ไฮเออร์ สมาร์ทโฮม ขยายเข้าสู่ตลาดแอฟริกาใต้สำหรับสินค้าประเภทตู้เย็น เครื่องซักผ้า และเครื่องใช้ไฟฟ้าอื่น ๆ
ในเดือนสิงหาคม ไฮเออร์ สมาร์ทโฮม ได้จัดพิธีวางศิลาฤกษ์ ณ นิคมอุตสาหกรรมเครื่องปรับอากาศชลบุรี ประเทศไทย โดยมีแผนกำลังการผลิตทั้งหมดต่อปี 6 ล้านชิ้น ซึ่งเมื่อเสร็จสมบูรณ์แล้ว จะเป็นฐานการผลิตเครื่องปรับอากาศที่ใหญ่ที่สุดสำหรับแบรนด์จีนในประเทศไทยและเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ด้วยการก่อสร้างโรงงานเหล่านี้ ไฮเออร์ สมาร์ทโฮม จะขยายศักยภาพสู่ตลาดต่างประเทศให้มากยิ่งขึ้นต่อไป

อัตราค่าใช้จ่ายได้รับการปรับปรุงดีขึ้นอย่างต่อเนื่องถึง 0.8%
อัตรากำไรสุทธิของ ไฮเออร์ สมาร์ทโฮม จาก 6.54% ในครึ่งปีแรกของปี 2565 เพิ่มขึ้นเป็น 6.81% ในช่วงเวลาเดียวกันของปี 2566 และเพิ่มขึ้นเป็น 7.68% ณ ช่วงเวลาที่รายงาน
อัตรากำไรที่เพิ่มสูงขึ้นนั้นเป็นผลจากความพยายามอย่างต่อเนื่องของ ไฮเออร์ สมาร์ทโฮม ในการทำให้ห่วงโซ่คุณค่าทั้งหมดของบริษัทเข้าสู่ระบบดิจิทัล ผ่านการเปลี่ยนแปลงสู่ระบบดิจิทัล ไฮเออร์ สมาร์ทโฮม ได้พัฒนาขีดความสามารถในการแข่งขันในด้านต่าง ๆ เช่น ประสบการณ์ของผู้ใช้งาน การวิจัยและพัฒนา ต้นทุน และค่าใช้จ่าย ยกตัวอย่างเช่น ไฮเออร์ สมาร์ทโฮม ได้ปรับปรุงการดำเนินงานด้านการขายแบบดิจิทัลโดยการผสมผสานการใช้งาน TikTok ให้เข้ากับแพลตฟอร์มทรัพยากรสำหรับผู้ใช้งานผลิตภัณฑ์ของบริษัท


ท่ามกลางความเปลี่ยนแปลงอย่างต่อเนื่องของความต้องการในอุตสาหกรรมและสภาพแวดล้อมที่มีการแข่งขันที่ดุเดือดมากขึ้น ไฮเออร์ สมาร์ทโฮม ยังคงมุ่งมั่นที่จะพัฒนาประสบการณ์ของผู้ใช้งานอย่างต่อเนื่องและเพิ่มประสิทธิภาพในการดำเนินงาน โดยอาศัยความได้เปรียบด้านเทคโนโลยี ขนาด และบริการ เพื่อตอบสนองต่อความ ท้าทายต่าง ๆ ของตลาด รวมถึงพฤติกรรมผู้บริโภค เพื่อบรรลุเป้าหมายของบริษัทฯ และเดินหน้าเติบโตอย่างแข็งแกร่งต่อไปในอนาคตอย่างมั่นคง

สำหรับบริษัท ไฮเออร์ ประเทศไทย ทำผลประกอบการในครึ่งปีแรกได้มากกว่า 6 พันล้านบาท เติบโตจากปี 2566 ร้อยละ 8 โดยสินค้าเรือธงอย่างเครื่องปรับอากาศทำรายได้อยู่ที่ 3 พันล้านบาท โดยคิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 13 ของตลาดเครื่องปรับอากาศ สินค้าตู้เย็นอยู่ที่ 1 พันล้านบาท โดยคิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 7 ของตลาดตู้เย็น และสินค้าเครื่องซักผ้าอยู่ที่ 600 ล้านบาท โดยคิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 6 ของตลาดเครื่องซักผ้า

ทั้ง นี้บริษัท ไฮเออร์ สมาร์ทโฮม จำกัด แบรนด์ไฮเออร์ คือหนึ่งในผู้ผลิตเครื่องใช้ในครัวเรือนชั้นนำของโลก โดยมุ่งเน้นที่โซลูชันสำหรับบ้านอัจฉริยะและการผลิตที่ออกแบบตามความต้องการของผู้ใช้ บริษัท ไฮเออร์ สมาร์ทโฮม จำกัด พัฒนา ผลิต และจัดจำหน่ายเครื่องใช้ในครัวเรือนหลากหลายประเภท ได้แก่ ตู้เย็น ตู้แช่แข็ง เครื่องซักผ้า เครื่องปรับอากาศ เครื่องทำน้ำอุ่น เครื่องใช้ในครัว เครื่องใช้ในครัวเรือนขนาดเล็ก และเครื่องใช้ในครัวเรือนอัจฉริยะอีกมากมาย บริษัทจัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์ภายใต้แบรนด์ครัวเรือนชั้นนำ เช่น Haier, Casarte, Leader, Candy, GE Appliances, AQUA และ Fisher & Paykel — บริษัท ไฮเออร์ สมาร์ทโฮม จำกัด ได้เปิดตัว Smart Home Experiential Cloud ในตลาดจีน ซึ่งสามารถเชื่อมโยงบ้าน ผู้ใช้ องค์กร และพันธมิตรในระบบนิเวศ อำนวยความสะดวกในการบูรณาการธุรกิจออนไลน์ ออฟไลน์ และร้านค้าขนาดเล็กของไฮเออร์ พร้อมสนับสนุนการโต้ตอบของผู้ใช้เพื่อพัฒนาและเพิ่มประสิทธิภาพประสบการณ์ผู้ใช้ต่อไปในอนาคต

ไฮเออร์เป็นผู้ผลิตและผู้นำในด้านผลิตภัณฑ์และนวัตกรรมเครื่องไฟฟ้าระดับโลก โดยมีพันธกิจในการสร้างสรรค์เครื่องใช้ไฟฟ้าภายในบ้าน เพื่อความเป็นอยู่ที่ดี และ ตอบสนองความต้องการที่หลากหลาย และมีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วของผู้บริโภค กว่า 100 ประเทศทั่วโลก

ไฮเออร์ครองแชมป์เครื่องใช้ภายในบ้านอันดับ 1 ของโลก ติดต่อกัน 15 ปีซ้อน ตั้งแต่ปี 2552 ถึง 2566 โดยการจัดอันดับของสถาบันยูโรมอนิเตอร์อินเตอร์เนชั่นแนล ซึ่งเป็นสถาบันวิจัยข้อมูลทางการตลาดที่น่าเชื่อถือที่สุดแห่งหนึ่งของโลก

ไฮเออร์ ประเทศไทย ได้คิดค้น และพัฒนาผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ เพื่อจะสามารถให้การบริการที่ดี และตอบสนองต่อไลฟ์สไตล์ในประเทศไทย ซึ่งในปี พ.ศ. 2562 ไฮเออร์ได้กำลังดำเนินทิศทางปรับเปลี่ยนยุทธศาสตร์จากการเป็นเพียงเครื่องใช้ไฟฟ้าสู่ความเป็นผลิตภัณฑ์เครื่องใช้ไฟฟ้า Internet of Things (IoT) และจะดำเนินสู่การเป็นแบรนด์ผู้นำ Ecosystem ในตลาดประเทศไทยต่อไปในอนาคต
กำลังโหลดความคิดเห็น