xs
xsm
sm
md
lg

“อินโนพาวเวอร์”ชี้ทางรอดธุรกิจมุ่งGo Green ชิงความได้เปรียบการแข่งขัน

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์

  • • การลงทุนพลังงานสะอาดทั่วโลกพุ่งสูง: คาดการณ์ว่าจะแตะ 4-6 ล้านล้านเหรียญในปี 2030
  • • เพิ่มขึ้นจากปีที่ผ่านมาอย่างมาก: จาก 1.7 ล้านล้านเหรียญสหรัฐ
  • • อินโนพาวเวอร์ แนะผู้ประกอบการไทย: มุ่งสู่ Go Green เพื่อชิงความได้เปรียบในการแข่งขัน
  • • ปลดล็อคข้อจำกัดสู่ตลาดโลก: การลงทุนพลังงานสะอาดจะเปิดโอกาสใหม่ให้กับผู้ประกอบการไทย


“อินโนพาวเวอร์” เผยแนวโน้มการลงทุนพลังงานสะอาดทั่วโลกพุ่งแตะ 4-6 ล้านล้านเหรียญในปีค.ศ2030 จากปีก่อนอยู่ที่ 1.7ล้านล้านเหรียญสหรัฐ แนะผู้ประกอบการไทยมุ่งสู่Go Green ชิงความได้เปรียบในการแข่งขันและปลดล็อคข้อจำกัดสู่ตลาดโลก

นายอธิป ตันติวรวงศ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท อินโนพาวเวอร์ จำกัด กล่าวในหัวข้อเสวนาเปิดกลยุทธ์สู่ความยั่งยืนให้ธุรกิจไทยแข่งขันในเวทีโลก ว่า แนวโน้มการลงทุนในพลังงานสะอาดและเทคโนโลยีสีเขียวจะเพิ่มขึ้นอย่างมาก ข้อมูลจาก Energy Transition Investment Trends 2024 ของบลูมเบิร์กคาดว่าจากมูลค่าทั่วโลกประมาณ 1.7 ล้านล้านเหรียญสหรัฐในปี 2023 จะเพิ่มเป็น 4 – 6 ล้านล้านเหรียญสหรัฐ ในปี 2030 มาจาก 2 ปัจจัยหลักคือ ภาวะโลกร้อน (Global Warming) และเหตุผลทางธุรกิจ

ปัจจัยแรก ผลกระทบจาก Global Warmingได้ส่งผลต่อตัวเลขทางเศรษฐกิจ การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศกำลังสร้างความเสียหายให้กับโลกคิดเป็นมูลค่าราว 2.8 ล้านล้านเหรียญสหรัฐในรอบ 20 ปีที่ผ่านมา (ปี 2000 – 2019) ไม่ว่าจะเป็นภาคเกษตรกรรมที่ต้องปรับตัวตามสภาพอากาศ น้ำท่วมที่มีความถี่เพิ่มขึ้น และที่น่ากังวลประการหนึ่งคือ ประเทศไทยติดอันดับ TOP 10 ประเทศที่จะได้รับผลกระทบจาก Global Warming มากที่สุดในโลกด้วย


ปัจจัยที่สอง เหตุผลทางธุรกิจ ปัจจุบันจะเริ่มเห็นนโยบายที่ทำให้ภาคธุรกิจต้องเริ่มลดปริมาณคาร์บอนและก๊าซเรือนกระจกจากกิจกรรมที่ดำเนินการ เช่น การออกมาตรการปรับคาร์บอนก่อนข้ามพรมแดนของสหภาพยุโรป CBAM (Carbon Border Adjustment Mechanism) ที่ผลักดันเก็บภาษีในผลิตภัณฑ์ที่มีการปล่อยคาร์บอนเข้มข้น เช่น เหล็ก ซีเมนต์ และไฟฟ้าบางชนิด ที่นำเข้าไปยังสหภาพยุโรปหรือ CORSIA เริ่มออกนโยบายให้อุตสาหกรรมการบินต้องเริ่มใช้พลังงานทางเลือกที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมมากขึ้น

ปัจจุบัน บริษัทขนาดใหญ่ เช่น Tesla, Apple ต่างมีเป้าหมายในการเข้าถึง Net ZeroEmissions ทั้งห่วงโซ่การผลิตภายในปี 2030นั่นหมายความว่า ธุรกิจที่จะเข้าร่วมกับบริษัทขนาดใหญ่ๆ เหล่านี้จะต้องใช้พลังงานสะอาดทั้ง 100% ด้วย ดังนั้นจึงไม่ได้เป็นสิ่งที่ไกลตัวอีกต่อไป ซึ่งประเทศไทยก็เริ่มมีการกล่าวถึงเรื่องการจัดเก็บภาษีคาร์บอน และการเตรียมออกกฎหมายพ.ร.บ.การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศประเทศไทย เหล่านี้จะเริ่มมีผลกระทบต่อผู้ประกอบธุรกิจในไทยอย่างแน่นอน

“การทลายกำแพงความคิดในเรื่อง Go Green เป็นสิ่งสำคัญที่ผู้ประกอบการจะต้องเปลี่ยนผ่านให้สำเร็จ และที่สำคัญ Green จะช่วยเพิ่มความสามารถในการแข่งขันและปลดล็อคข้อจำกัดเข้าสู่ตลาดสำคัญได้” นายอธิปกล่าว


นายโทบี้ วอร์คเกอร์ ผู้เชี่ยวชาญด้านนโยบายของ RE 100 จากลอนดอน สหราชอาณาจักร กล่าวว่า การสัมมนามุ่งนำเสนอทฤษฎีแห่งการเปลี่ยนแปลงของ RE 100 ที่เน้นความร่วมมือกันขับเคลื่อนภารกิจเร่งการเปลี่ยนแปลง การขยายสู่โครงข่าย เพื่อให้ของการปล่อยคาร์บอนเป็นศูนย์ โดยส่งเสริมนโยบายด้านการตลาดที่สำคัญ ทั้งเพิ่มสนับสนุนความพร้อม และความสามารถในการจ่ายพลังงานหมุนเวียน โดยมีกรณีศึกษาระดับภูมิภาคเอเชียจากญี่ปุ่น อินโดนีเซีย และเกาหลีใต้ ซึ่งจะร่วมแบ่งปันประสบการณ์ที่เป็นบทเรียนเพื่อนำมาประยุกต์กับการเปลี่ยนผ่านด้านพลังงานของประเทศไทย

สำหรับ RE 100 เป็นโครงการเครือข่ายที่เริ่มเริ่มด้านพลังงานทดแทนระดับองค์กรระดับโลกของ Climate Group โดยรวบรวมธุรกิจขนาดใหญ่กว่า 400 รายที่มุ่งมั่นจะใช้พลังงานไฟฟ้าจากเชื้อเพลิงที่เป็นพลังงานหมุนเวียน 100% ภารกิจคือการเร่งให้เกิดการเปลี่ยนแปลงสู่โครงข่ายคาร์บอนเป็นศูนย์ภายในปี 2040 และเพื่อสนับสนุนภารกิจดังกล่าว กิจกรรมของกลุ่มจะเน้นส่งเสริมไปในพื้นที่ที่องค์กรยังไม่มีการผลิตและใช้ไฟฟ้าจากพลังงานสะอาด หรือมีแต่ยังค่อนข้างน้อยในการเข้าร่วมเป็นสมาชิก ซึ่งการเข้าร่วมจะเป็นเสมือนการส่งสัญญาณความต้องการต้องที่ชัดเจนไปยังภาครัฐของแต่ละประเทศให้ตระหนักถึงศักยภาพในการลงทุนที่เกี่ยวข้อง และพร้อมเร่งขจัดอุปสรรคด้านนโยบายเพื่อบริษัทต่างๆ สามารถจัดหาพลังงานไฟฟ้าหมุนเวียน 100% ได้อย่างรวดเร็วและราคายุติธรรม โดยมีพื้นที่ในภูมิภาคที่สำคัญ อาทิ เกาหลีใต้ ญี่ปุ่น อินโดนีเซีย อินเดีย แอฟริกาใต้ และสำหรับในประเทศไทย ก็หวังจะดึงความร่วมมือจากสมาชิกทั่วโลกที่มีสาขาสำนักงานใหญ่ในประเทศไทยด้วย


กำลังโหลดความคิดเห็น