- • นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รองนายกรัฐมนตรี ดัน 2 ร่างกฎหมายพลังงานเข้าสภาฯ สิ้นปีนี้
- • กฎหมายกำกับดูแลการประกอบกิจการค้าน้ำมัน
- • กฎหมายการติดตั้งโซลาร์รูฟโดยไม่ต้องขอใบรง.4
- • กฎหมายสำรองน้ำมันยุทธศาสตร์ เตรียมร่างกฎหมายในปีหน้า
“พีระพันธุ์”ดัน2ร่างกฎหมายพลังงานทั้งกฎหมายกำกับดูแลการประกอบกิจการค้าน้ำมัน และกฎหมายการติดตั้งโซลาร์รูฟโดยไม่ต้องขอใบรง.4 เข้าสู่สภาฯสิ้นปีนี้ ส่วนกฎหมายสำรองน้ำมันยุทธศาสตร์ฯเตรียมร่างกฎหมายในปีหน้า
นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน กล่าวปาฐกถาพิเศษ หัวข้อ “รื้อ ลด ปลด สร้าง เพื่อเปลี่ยนผ่านพลังงานสู่ความยั่งยืน”ในงานสัมมนาหัวข้อ "พลังงานสะอาด ความยั่งยืน และทางรอดของธุรกิจยุคใหม่" ว่า กระทรวงพลังงานอยู่ระหว่างการร่างกฎหมายพลังงานจำนวน 3 ฉบับ โดยฉบับแรกได้ที่ดำเนินการร่างเสร็จแล้วและตรวจทานรายละเอียด คือกฎหมายกำกับดูแลการประกอบกิจการค้าน้ำมัน ในเบื้องต้นทั้งหมด 180 มาตรา โดยกฎหมายฉบับนี้จะกำหนดให้การปรับราคาน้ำมันทำได้เดือนละหนึ่งครั้ง ตามความเป็นจริงของต้นทุนน้ำมัน โดยจะนำระบบที่คิดราคาตามต้นทุนที่แท้จริง (Cost Plus) เข้าใช้แทนระบบอ้างอิงราคาน้ำมันต่างประเทศ และจะกำกับดูแลไปถึงเรื่องของการจำหน่ายก๊าซหุงต้มด้วย
พร้อมย้ำว่าประเทศไทยไม่เคยมีเสรีเรื่องน้ำมัน ตามที่ต่างชาติชอบอ้าง มีเพียงอนุญาตให้ลอยตัวตามราคาตลาดโลก แม้แต่สหรัฐฯก็ยังต้องอยู่ภายใต้การกำกับของรัฐ เพื่อไม่ให้ประชาชนเดือดร้อน
ส่วนร่างกฎหมายอีกฉบับ คือกฎหมายกํากับดูแลการติดตั้งระบบไฟฟ้าโซลาร์บนหลังคาบ้าน (โซลาร์รูฟท็อป)เพื่อช่วยให้ประชาชนผลิตไฟฟ้าใช้เอง ทำให้เข้าถึงค่าไฟที่ถูกลง โดยกระทรวงพลังงานจะปลดล็อคขั้นตอนการขออนุญาต เนื่องจากปัจจุบันการติดตั้งโซลาร์รูฟท็อปยังมีขั้นตอนยุ่งยาก ต้องขอใบรง.4 จากกรมโรงงาน ดังนั้นต้องออกเป็นกฎหมายเปลี่ยนจากการขอใบรง.4 เป็นการแจ้งให้ทราบ เชื่อว่าการติดตั้งโซลาร์รูฟท็อปในอาคารบ้านเรือนเพื่อใช้ไฟฟ้าเอง จะช่วยควบคุมลดต้นทุน ค่าใช้จ่าย และลดปริมาณความต้องการไฟฟ้าหลัก เป็นการใช้พลังงานสะอาดด้วย
ทั้งนี้ร่างกฎหมายพลังงานทั้งสองฉบับดังกล่าวคาดว่าจะแล้วเสร็จในสิ้นปีนี้ หลังจากนั้นจะยื่นเข้าสภาฯพิจารณาอนุมัติออกเป็นกฎหมายบังคับใช้ต่อไป
ส่วนร่างกฎหมายฉบับที่สาม เรื่องสำรองน้ำมันทางยุทธศาสตร์เพื่อความมั่นคงของประเทศ (SPR) กระทรวงพลังงานเตรียมร่างกฎหมายต่อไปในปี2568 เบื้องต้นรัฐบาลจะต้องมีคลังจัดเก็บสำรองน้ำมันไม่ต่ำกว่า 90 วัน หรือประมาณ 9,000 ล้านลิตร จากปัจจุบันไทยใช้น้ำมันอยู่ 100ล้านลิตรต่อวัน เพื่อเป็นการรักษาเสถียรภาพราคาน้ำมันให้อยู่ในระดับที่รัฐบาลสามารถควบคุมราคาได้เอง
ส่วนการเจรจาพื้นที่ทับซ้อนทางทะเลไทย-กัมพูชา (OCA) นั้น ขณะนี้ยังไม่การแต่งตั้งคณะกรรมการชุดใหม่ดูแล ซึ่งประธานคณะทำงาน คือรองนายกรัฐมนตรีด้านความมั่นคง
ความคืบหน้านโยบายDirect PPA คงต้องพิจารณาให้ดีค่อยเป็นค่อยไป โดยมีความเห็นแยกเป็นสองกลุ่ม โดยกลุ่มแรกต้องการให้กฟผ.เป็นผู้ดำเนินการ ไม่เอื้อกลุ่มนายทุน อีกกลุ่มเห็นว่าภาคเอกชนควรเป็นผู้ลงทุน