- • เข้าทำงานวันแรก
- • ให้นโยบายเชิงรุก
- • มีแผนจัดตั้งกองทุนปฏิรูปอุตสาหกรรม
- • ช่วย SMEs ก้าวทันโลก
- • เดินทางไประยองเก็บข้อมูลกากของเสียรั่วไหล
“เอกนัฏ” รมว.อุตสาหกรรม เดินทางเข้ากระทรวงฯวันแรก พร้อมให้นโยบายเชิงรุกมีแผนจัดต้้งกองทุนปฏิรูปอุตสาหกรรม เพื่อช่วยSMEให้ก้าวทันการเปลี่ยนแปลงของโลก และเดินทางลุยเก็บข้อมูลกากของเสียรั่วไหลที่ระยอง
เมื่อเวลา 8.19 น.วันที่ 11 กันยายน 2567 นายเอกนัฏ พร้อมพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม พร้อมคณะ เดินทางเข้ากระทรวงอุตสาหกรรมเป็นวันแรก และสักการะองค์พระนารายณ์ ไหว้ศาลพระภูมิโดยมีนายณัฐพล รังสิตพล ปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม และผู้บริหารกระทรวงอุตสาหกรรมให้การต้อนรับ
หลังจากนั้นนายเอกนัฏ ได้เขียนคติเตือนใจในการทำงาน ก่อนที่จะหารือร่วมกับคณะผู้บริหารระดับสูง เพื่อซักซ้อมการทำงาน แลกเปลี่ยนมุมมองโดยมีนายณัฐพล รังสิตพล ปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม นำเสนอภาพรวมการดำเนินงาน
นายเอกนัฏ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม กล่าวว่า ภาระกิจเร่งด่วนที่ต้องเร่งทำคือการปฏิรูปอุตสาหกรรมไทยให้เท่าทันการเปลี่ยนแปลงของโลกท่ามกลางวิกฤติย่อมมีโอกาส เราต้องวางแผนให้ดี ปรับตัวให้ทันการเปลี่ยนแปลงของโลกไม่ว่าจะเป็นด้านเทคโนโลยี การดิสรัปชั่น และการเข้าสู่สังคมผู้สูงวัย หลายเรื่องที่ต้องแก้ไขเพื่อช่วยอุตสาหกรรมโดยเฉพาะอุตสาหกรรมขนาดกลางและขนาดเล็ก(SME) จำเป็นต้องมีกองทุนปฏิรูปอุตสาหกรรมช่วยเหลือ
โดยมีแนวคิดจัดตั้ง “กองทุนเพื่อการปฏิรูปอุตสาหกรรม” แบบครบวงจร เพื่อเพิ่มขีดความสามารถผู้ประกอบการไทย อัพสกิลผลิตแรงงานคุณภาพสูง ส่งเสริมการเปลี่ยนผ่านอุตสาหกรรมด้วยเครื่องมือและเทคโนโลยี บริหารจัดการค่าจับปรับด้านสิ่งแวดล้อมแบบไม่ต้องพึ่งพางบกลาง
ปัจจุบันกระทรวงอุตฯมีกองทุนเยอะ มีภาระกิจหลากหลายที่ทับซ้อน แยกต่างกัน แต่ไม่มีการบูรณาการ ดังนั้นก็จะรวบรวมกองทุนต่างๆเหล่านี้ รวมเป็นกองทุนเดียว พร้อมกำหนดภาระกิจที่ชัดเจน โดยนำเงินจากกองทุนเหล่านี้มาใช้ในการปฏิรูปอุตสาหกรรม ถือเป็นอาวุธสำคัญของกระทรวงอุตสาหกรรม ช่วยเซฟอุตสาหกรรมไทยและปกป้องSME
นายเอกนัฏ กล่าวว่า การปฏิรูปอุตสาหกรรมไทย (Industrial Reform)“ เพื่อรับโอกาสใหม่ที่เกิดขึ้นจากการเปลี่ยนแปลงของโลกใน 3 พันธกิจสำคัญเร่งด่วน คือ 1. จัดการกากอุตสาหกรรมตกค้างทั้งระบบอย่างเข้มงวด
2. ปกป้องอุตสาหกรรมไทยจากการทุ่มตลาด เพื่อช่วยผู้ประกอบการรายย่อย ที่รับผลกระทบจากการทะลักเข้าของสินค้าที่ไม่ได้มาตรฐาน และยกระดับขีดความสามารถSMEไทย
3. สร้างอุตสาหกรรมแห่งอนาคต สร้าง new S-Curve กับประเทศ ด้วยสินค้าเกษตรเทคโนโลยีสูง พลาสติกชีวภาพ โอลีโอเคมี น้ำมันเชื้อเพลิง อุตสาหกรรมยานยนต์EV ชิพเซมิคอนดักเตอร์ อุตสาหกรรมป้องกันประเทศ
โดยเตรียมที่จะรื้อปรับปรุง กฏหมาย กฏกระทรวงที่เกี่ยวข้อง พร้อมผสานความร่วมมือกับภาคประชาชน เอกชน ท้องถิ่น และกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อบูรณาการงานให้สำเร็จตามเป้าหมายภายในระยะเวลาที่ชัดเจน
จากนั้น ในช่วงบ่ายวันที่ 11 กันยายน นายเอกนัฏ และคณะทีมงาน เดินทางลงพื้นที่ที่มีการร้องเรียนจากประชาชนเกี่ยวกับสารเคมีรั่วไหลจากการลักลอบทิ้งและการจัดการไม่ถูกต้อง ของบริษัท วิน โพเสส จำกัด ที่อ.บ้านค่าย จังหวัดระยอง