- • IRPC วางแผนเพิ่ม EBITDA ในครึ่งหลังปี 67 เพื่อครอบคลุมต้นทุนการดำเนินงาน, ดอกเบี้ย และค่าเสื่อม
- • IRPC จะพัฒนาสินทรัพย์ (ที่ดินและท่าเรือฯ) ร่วมกับพันธมิตร เพื่อสร้างธุรกิจใหม่
- • กรณี ปตท. ลดการถือหุ้น IRPC ยังไม่มีความคืบหน้า แต่ IRPC มั่นใจในแผนธุรกิจและความแข็งแกร่ง
IRPCเร่งเพิ่มEBITDAในครึ่งหลังปี67 ให้ครอบคลุมต้นทุนการดำเนินงาน ดอกเบี้ยและค่าเสื่อม พร้อมเดินหน้านำสินทรัพย์ทั้งที่ดินและท่าเรือฯมาพัฒนาสร้างธุรกิจร่วมกับพันธมิตร ส่วนกรณีที่ปตท.จ่อลดการถือหุ้นIRPC ลง ยังไม่มีความคืบหน้า แต่เชื่อว่าน่าจะส่งผลเชิงบวก
นางสาวเอธิตา อนันตธุรการ ผู้จัดการฝ่ายอาวุโสการเงินและนักลงทุนสัมพันธ์ บริษัท ไออาร์พีซี จำกัด(มหาชน)(IRPC) เปิดเผยว่า บริษัทจะเร่งBoost Up กำไรก่อนหักดอกเบี้ยจ่าย ภาษีและค่าเสื่อมราคา(EBITDA)ในครึ่งหลังปี2567 เพื่อให้ครอบคลุมค่าใช้จ่ายทั้งต้นทุนการดำเนินงาน ดอกเบี้ยและค่าเสื่อม โดยจะเร่งทำการตลาดมากขึ้น โดยบริษัทมีโครงการ Ultra Clean Fuel (UCF) แล้วเสร็จเมื่อเดือนเมษายน2567ทำให้น้ำมันดีเซลกำมะถันต่ำเน้นจำหน่ายในประเทศเพิ่มมากขึ้นจากเดิมที่ต้องส่งออก
รวมทั้งธุรกิจปิโตรเคมีจะเพิ่มสัดส่วนการผลิตภัณฑ์พลาสติกเกรดพิเศษ(Specialty Product)ในปีนี้เป็น30% และจะเพิ่มเป็น60%ในปี2573 โดยครึ่งปีหลังเตรียมทำตลาดท่อก่อสร้าง RC 100 จำหน่ายทั้งในประเทศและส่งออก รวมถึงการลดค่าใช้จ่ายต่างๆ
ขณะเดียวกัน บริษัทมีแผนนำสินทรัพย์มาพัฒนาต่อเพื่อสร้างธุรกิจใหม่ร่วมกับพันธมิตร เช่นที่ดินและโครงสร้างพื้นฐานอย่างท่าเทียบเรือน้ำลึก โดยบริษัทกำลังศึกษาการนำที่ดินของ IRPC ในพื้นที่จังหวัดระยองมาก่อสร้างโรงพยาบาลร่วมกับเครือโรงพยาบาลปิยะเวท หลังจากช่วงที่ผ่านมาได้ทำข้อตกลง MOU ไปแล้ว คาดว่าจะมีความชัดเจนภายในช่วงปลายปีนี้หรือต้นปีหน้า เชื่อมั่นว่าจะเป็นธุรกิจที่สร้างกำไรและให้ผลตอบแทนต่อกลุ่มธุรกิจของ IRPC ได้เป็นอย่างดี
ส่วนกรณีที่บริษัทแม่ คือ ปตท.จะทบทวนและลดสัดส่วนการถือหุ้นในบริษัทปิโตรเคมีและการกลั่นทั้ง PTTGC TOP และIRPC นั้น ขณะนี้ยังไม่มีความคืบหน้าชัดเจน ซึ่งปตท.ยังไม่มีการดำเนินการใดๆกับทั้ง 3บริษัทดังกล่าว แต่เชื่อว่าหากมีการเปลี่ยนแปลงน่าจะเป็นผลกระทบเชิงบวกต่อบริษัท
สำหรับผลประกอบการครึ่งแรกของปี 67 IRPC มีรายได้สุทธิกว่า 148,710 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 1% เมื่อเทียบกับงวดครึ่งแรกของปี 66 จากราคาขายเพิ่มขึ้น 9% ตามราคาน้ำมันที่สูงขึ้น รวมทั้งมีกำไรจากสต๊อกน้ำมันถึง 2,138 ล้านบาท ทำให้ EBITDA อยู่ที่ 6,118 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 187% และมีกำไรสุทธิ 812 ล้านบาท