บางจากฯ อัดงบลงทุน 6 ปีข้างหน้า (2568-73) อยู่ที่ 1.2 แสนล้านบาท เน้นธุรกิจ E&P โรงกลั่นน้ำมันและไฟฟ้า ตั้งเป้า EBITDA แตะ 1 แสนล้านบาทในปี 2573 แย้มปีนี้โกยรายได้ 6 แสนล้านบาท และขยับเพิ่มเป็น 1 ล้านล้านบาทในปี 2573 หรือโตขึ้นเฉลี่ยปีละ 20%
นายชัยวัฒน์ โควาวิสารัช ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่มบริษัทบางจาก และกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท บางจาก คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) (BCP) เปิดเผยว่า กลุ่มบางจากมีแผนการลงทุน 5 ปีข้างหน้า (2568-73) อยู่ที่ 120,000 ล้านบาท โดยเน้นไปที่การลงทุนในธุรกิจทรัพยากรธรรมชาติ หรือ E&P สัดส่วน 35% ของงบลงทุนรวมหรือประมาณ 4.2 หมื่นล้านบาท เพิ่มขึ้นจากสัดส่วนเดิมที่เคยกำหนดไว้ที่ 30% ขณะที่ธุรกิจโรงกลั่นและการตลาดมีสัดส่วนการลงทุน 30% และธุรกิจไฟฟ้าสีเขียว (Green Power) สัดส่วน 25% และ Bio-based และธุรกิจใหม่ สัดส่วน 10% เพื่อให้บรรลุเป้าหมายมีกำไรก่อนหักดอกเบี้ย ภาษี และค่าเสื่อมราคา (EBITDA) ระดับใหม่ที่ 100,000 ล้านบาทภายในปี 2573 จากครึ่งแรกปีนี้ บางจากฯ มี EBITDA 26,072 ล้านบาท
ในปี 2568 บางจากฯ ตั้งงบลงทุนไว้ที่ 50,000 ล้านบาท ส่วนใหญ่จะเน้นการลงทุนในธุรกิจทรัพยากรธรรมชาติ อยู่ที่ 20,000 ล้านบาท และธุรกิจ Green Power 20,000 ล้านบาท ส่วนที่เหลือจะใช้สำหรับธุรกิจโรงกลั่นและเทรดดิ้ง ธุรกิจการตลาด ธุรกิจใหม่ และธุรกิจ Bio-based จากปีนี้บางจากฯ ใช้งบลงทุนราว 30,000 ล้านบาท
สำหรับแหล่งเงินทุนเพื่อใช้ในการลงทุน 5 ปีข้างหน้านั้นมาจากการกู้ยืมราว 50% ที่เหลือมาจากกระแสเงินสดจากการดำเนินงานในบริษัทเอง ซึ่งบริษัทมีศักยภาพในการกู้ยืมอีกมาก เนื่องจากมีอัตราหนี้สินต่อทุน (D/E) ต่ำอยู่ที่ 0.8 เท่า
นายชัยวัฒน์กล่าวต่อไปว่า บางจากฯ ได้วางเป้ารายได้จากปีนี้ต่อเนื่องไปถึงปี 2573 เติบโตเฉลี่ยปีละ 20% ส่งผลให้ในปี 2573 บริษัทมีรายได้รวมอยู่ที่ 1 ล้านล้านบาท จากปีนี้ที่คาดว่ามีรายได้รวม 6 แสนล้านบาท โดยในครึ่งปีแรกนี้ทำได้แล้ว 3 แสนล้านบาท
ทั้งนี้ บางจากได้ดำเนินกลยุทธ์ตามแนวคิด Bangchak 100x เพื่อมุ่งสู่เป้าหมาย EBITDA 1 แสนล้านบาทในปี 2573 จากปัจจุบันอยู่ที่ระดับ 4-5 หมื่นล้านบาท และการเติบโตเป็นองค์กรที่ยั่งยืน 100 ปีคู่สังคมไทย โดยในปี 2568 ธุรกิจโรงกลั่นน้ำมันบางจากฯ จะมีกำลังการกลั่นอยู่ที่ 280,000 บาร์เรล/วัน เพิ่มขึ้นจากปีก่อนที่ 266,000 บาร์เรล/วัน เพราะไม่มีการปิดซ่อมบำรุง โดยในปีหน้าโรงงานผลิตน้ำมันอากาศยานยั่งยืน (SAF) กำลังการผลิต 7,000 บาร์เรลต่อวันจะแล้วเสร็จในไตรมาส 2/2568 คาดว่าจะสร้างรายได้ให้บางจากประมาณ 1.8 หมื่นล้านบาท
ส่วนธุรกิจการตลาด ภายใต้แนวคิด “Greenovative Destination” บริษัทมีแผนขยายเครือข่ายสถานีบริการกว่า 2,400 แห่งภายในปี 2573 จากปัจจุบัน 2,214 แห่ง เพิ่มส่วนแบ่งการตลาดเป็น 33% จากปัจจุบัน 28-29% โดยมุ่งเน้นตลาดที่มีความต้องการสูง และในส่วนของธุรกิจตลาดพาณิชยกรรมมุ่งขยายตลาดในภูมิภาค (กัมพูชา ลาว เมียนมา และเวียดนาม) การรวมบริการที่ตอบโจทย์ทุกความต้องการ พร้อมทั้งขยายธุรกิจนอนออยล์เพิ่มขึ้นทั้งร้านกาแฟอินทนิล และสถานีชาร์จรถไฟฟ้า
ส่วนธุรกิจพลังงานสีเขียว ผ่านการดำเนินงานของบริษัท บีซีพีจี จำกัด (มหาชน) หรือ BCPG ยังคงขยายตัวต่อเนื่อง โดยในปี 2573 ตั้งเป้าได้รับการคัดเลือกเป็นหุ้นที่เข้าคำนวณดัชนี SET50 และเป็นหนึ่งในหุ้นยั่งยืนที่ถูกคัดเลือกให้เป็นสมาชิกของดัชนี DJSI ด้วยกลยุทธ์เน้นการขยายการลงทุนในพลังงานสีเขียว นอกจากนี้ บริษัท บีบีจีไอ จำกัด (มหาชน) ผู้นำด้านการผลิตเชื้อเพลิงชีวภาพแบบครบวงจร กำลังมุ่งเน้นไปที่การเพิ่มประสิทธิภาพการใช้สินทรัพย์และขยายธุรกิจหลักไปสู่ตลาดที่มีมูลค่าสูง บีบีจีไอตั้งเป้าที่จะเป็นผู้ผลิต CDMO (Contract Development and Manufacturing Organization) รายแรกในอาเซียนในปี 2568 โดยมีแผนที่จะผลิตมากกว่า 1 ล้านลิตรต่อปีภายในปี 2571
ธุรกิจสำรวจและผลิตปิโตรเลียม (E&P) กลุ่มบริษัทบางจากได้สร้างรากฐานที่แข็งแกร่งด้วยการลงทุนใน OKEA ASA ในประเทศนอร์เวย์ตั้งแต่ปี 2561 โดยมีเป้าหมายการขยายกำลังการผลิต 50,000 บาร์เรลต่อวันภายในปี 2573 ตลอดจนมีแผนที่จะขยายธุรกิจ E&P ไปยังภูมิภาคอื่นๆ ของโลก อาทิ เอเชียแปซิฟิก เพื่อเพิ่มความมั่นคงทางพลังงาน ซึ่งจะเป็นการเพิ่มมูลค่าให้กับธุรกิจ E&P ของกลุ่มบริษัทบางจากอย่างยั่งยืน เพื่อบรรลุเป้าหมายรวมที่ 100,000 บาร์เรลต่อวันภายในปี 2573 ซึ่งขณะนี้บริษัทมีแผนจะทำ M&A แหล่งปิโตรเลียมในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ล่าสุดอยู่ระหว่างทำ Due Diligence อยู่ 1 โครงการ คาดว่าจะมีความชัดเจนในปีหน้า
