- • สมอ. ปคบ. และเอสซีจี ร่วมมือกันทำลายสินค้าไม่ได้มาตรฐานมูลค่ากว่า 235 ล้านบาท
- • สินค้าที่ถูกทำลายถูกยึดอายัดจากทุกช่องทาง รวมถึงแพลตฟอร์มข้ามชาติ
- • การทำลายสินค้านี้เป็นผลจากการตรวจสอบและจับกุมสินค้าด้อยมาตรฐานอย่างต่อเนื่อง
- • นายบรรจง สุกรีฑา รองปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม ยืนยันความมุ่งมั่นในการปกป้องผู้บริโภคจากสินค้าที่ไม่ปลอดภัย
สมอ. ปคบ. เอสซีจี จับมือทำลายสินค้าไม่ได้มาตรฐานกว่า 235 ล้านบาท หลังยึดอายัดสินค้าด้อยมาตรฐานทุกช่องตลาด โดยเฉพาะแพลตฟอร์มข้ามชาติ
นายบรรจง สุกรีฑา รองปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม ในฐานะประธานคณะกรรมการมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม (กมอ.) เป็นประธานการทำลายสินค้าไม่ได้มาตรฐาน ณ บริษัท เอสซีจีซิเมนต์ จำกัด โรงไฟฟ้ามาบตาพุด อีโค่-เอ็นเนอร์ยีแพลนท์ จังหวัดระยอง
การทำลายสินค้าไม่ได้มาตรฐานในครั้งนี้ เป็นการนำของกลางที่คดีถึงที่สุดแล้ว ที่สำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม (สมอ.) และกองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับการคุ้มครองผู้บริโภค (ปคบ.) ได้ยึดอายัดสินค้าที่ไม่เป็นไปตามมาตรฐานทั้งที่จำหน่ายในท้องตลาดและทางออนไลน์ ตั้งแต่ เดือนเมษายน 2566 ถึงวันที่ 23 สิงหาคม 2567 จำนวน 409,705 ชิ้น มูลค่ารวม 235,328,163 บาท ได้แก่ ของเล่น มูลค่า 154,720,000 บาท เครื่องใช้ไฟฟ้าและอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ มูลค่า 63,865,141 บาท และยางรถยนต์ มูลค่า 7,184,000 บาท รวมถึงสินค้าอื่น ๆ อีก 9,559,022 บาท เช่น สุขภัณฑ์ ภาชนะและเครื่องใช้พลาสติก ภาชนะเมลามีน ถุงมือยางทางการแพทย์ ท่อไอเสียรถจักรยานยนต์ หมวกกันน็อก และเครื่องดับเพลิงยกหิ้วชนิดผงเคมีแห้ง เป็นต้น
นายวันชัย พนมชัย เลขาธิการสำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม กล่าวว่า สมอ. ได้ดำเนินการกวาดล้างสินค้าด้อยคุณภาพตามภารกิจ Quick win ของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรมอย่างเข้มข้นและต่อเนื่องทุกช่องทางโดยเฉพาะแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซข้ามชาติที่เข้ามาบุกตลาดสินค้าไทย ที่มีการนำเข้าสินค้าไม่ได้มาตรฐานจากประเทศเพื่อนบ้าน ส่งผลกระทบกับคุณภาพชีวิตของประชาชนและสร้างความเสียหายให้กับระบบเศรษฐกิจของไทย
สมอ. จึงออกมาตรการสกัดกั้นสินค้าไม่ได้มาตรฐานเพิ่มมากขึ้น ดังนี้ 1.ออกมาตรฐานบังคับเพิ่มอีก 58 มาตรฐาน เพื่อควบคุมการนำเข้าสินค้าไม่ได้มาตรฐาน ซึ่งปัจจุบัน สมอ. มีสินค้าควบคุมจำนวน 144 รายการ มีพิกัดศุลกากร 1,985 พิกัด เมื่อออกมาตรฐานควบคุมสินค้าเพิ่ม จะทำให้มีพิกัดศุลกากรเพิ่มมากขึ้นตามไปด้วย 2.ปรับลดเกณฑ์ขั้นต่ำของจำนวนการนำเข้าสินค้าที่ไม่มีวัตถุประสงค์เพื่อการจำหน่าย 3.ร่วมกับกรมศุลกากรพิจารณาแก้ไขปัญหาอุปสรรคจากการบังคับใช้ พ.ร.บ.มาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม ในเขต Free zone และ 4.นำระบบ AI มาช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการตรวจควบคุมการจำหน่ายสินค้าออนไลน์ ซึ่งมาตรการดังกล่าวจะช่วยสกัดสินค้าไม่ได้มาตรฐานก่อนถึงมือผู้บริโภคได้มากยิ่งขึ้น
นอกจากนี้ จะเร่งชี้แจงกับตัวแทนบริษัทนำเข้า-ส่งออก และบริษัทชิปปิ้งต่าง ๆ เพื่อให้การนำเข้าสินค้าควบคุมทั้ง 144 รายการ เป็นไปอย่างถูกต้องตามกฎหมาย
สำหรับการทำลายสินค้าไม่ได้มาตรฐานในครั้งนี้ ได้รับความร่วมมือจาก บริษัท เอสซีจีซิเมนต์ จำกัด โรงไฟฟ้ามาบตาพุด อีโค่-เอ็นเนอร์ยีแพลนท์ ซึ่งเป็นโรงกำจัดกากอุตสาหกรรมและหน่วยผลิตไฟฟ้าที่สามารถรองรับขยะอุตสาหกรรม ทั้งที่เป็นอันตรายและไม่เป็นอันตราย โดยกระบวนการดำเนินงานทุกขั้นตอน เป็นระบบปิด มีระบบการควบคุมมลพิษและของเสียตามมาตรฐานสากล ส่วนเศษวัสดุที่ได้จากการเผาไหม้ เช่น อะลูมิเนียม เหล็ก เถ้าลอย ยังนำกลับไปใช้ใหม่ได้ ส่วนวัสดุที่เผาไหม้ไม่ได้ (Incombustible) สามารถนำไปใช้เป็นวัตถุดิบก่อสร้างถนนได้ จึงทำให้ไม่เหลือขยะอุตสาหกรรมที่ต้องกำจัดเพิ่ม ตามหลักการเศรษฐกิจหมุนเวียน