“บางกอกเคเบิ้ล”ขยายกำลังการผลิตสายไฟฟ้าเพิ่มขึ้นแตะ 6หมื่นตัน รองรับความต้องการใช้สายไฟฟ้าเพิ่มจากการพัฒนา Smart City การเปลี่ยนผ่านสู่พลังงานสะอาดและการรุกตลาดส่งออกอาเซียนเพิ่ม ขึ้น หนุนรายได้ปี67โต 30%อยู่ที่ 1.6หมื่นล้านบาทพร้อมเปิดตัวสายไฟฟ้าแรงสูง 230kV รองรับการนำสายไฟลงดิน-อัปเกรดสู่พลังงานหมุนเวียน ตั้งเป้าในอนาคตสู่ผู้ให้บริการด้านพลังงานครบวงจร
นายพงศภัค นครศรี กรรมการบริหาร บริษัท สายไฟฟ้าบางกอกเคเบิ้ล จำกัด (BCC) ผู้นำด้านการผลิตและพัฒนาสายไฟฟ้าและสายเคเบิลชั้นนำของไทย เปิดเผยว่า การเปลี่ยนผ่านจากพลังงานฟอสซิลสู่พลังงานสะอาดเพื่อมุ่งสู่ Net-Zero ลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ ทำให้ทั่วโลกมีความต้องการใช้สายไฟฟ้าเพิ่มขึ้น 80ล้านกิโลเมตร เพื่อใช้อัปเกรดสายไฟฟ้าเดิมและรองรับความต้องการผลิตไฟฟ้าทั่วโลกที่เพิ่มขึ้นถึง 3 เท่าตัวที่เปลี่ยนผ่านไปเป็นพลังงานทดแทนถึง91% ภายในปี ค.ศ.2050 ซึ่งประเทศไทยก็มีแนวโน้มไปในทิศทางเดียวกัน ทำให้ความต้องการสายไฟฟ้าเพิ่มมากขึ้นจากหลากหลายปัจจัยทั้งนโยบายการพัฒนาเมืองอัจฉริยะ( Smart City)แผนพัฒนาโครงข่ายไฟฟ้าให้มีความทันสมัย (Grid Modernization ) การขยายการผลิตไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียนเพิ่มขึ้น และโครงการ Data Center เป็นต้น
ทั้งนี้ในปี2566 บริษัทได้มีการลงทุนราว 500ล้านบาท ขยายกำลังการผลิตสายไฟฟ้าจาก 55,000 ตันต่อปีในปัจจุบั สู่ 60,000 ตันต่อปีภายในสิ้นปีนี้ ช่วยเพิ่มส่วนแบ่งตลาดสายไฟในไทยจาก 25% เป็น 35% โดยปีนี้บริษัทมั่นใจว่าจะมีรายได้เติบโตขึ้น 30%จากปี2566ที่มีรายได้ 12,800 ล้านบาทเพิ่มเป็น16,000ล้านบาทในปี2567
รวมทั้ง บริษัทได้พัฒนาสินค้าใหม่ๆ ที่ตอบโจทน์การขยายของเมืองในอนาคต โดยระยะสั้นบริษัทได้พัฒนาสายไฟฟ้าแรงดันสูงพิเศษ (Extra High Voltage) ชนิด 230 กิโลวัตต์ รุ่น 230kV CE(CAS) รองรับการยกระดับโครงสร้างพื้นฐานทางไฟฟ้า การนำสายไฟลงดินเพิ่มสุนทรียภาพของเมือง การพัฒนาเมืองอัจฉริยะ (Smart City) ลดผลกระทบสิ่งแวดล้อม โดยตัวนำอะลูมิเนียมคอมโพสิตหลัก (ACCC® Conductor) ซึ่งบริษัทเป็นผู้ผลิตรายแรกในไทย เพื่อใช้อัปเกรดระบบไฟฟ้าให้รองรับพลังงานหมุนเวียน ลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก
ส่วนระยะกลาง 3ปีนี้ (พ.ศ.2567-2569) บริษัทวาง 3กลยุทธ์หลักเพื่อมุ่งสู่การเป็นผู้นำธุรกิจสายไฟฟ้าและสายเคเบิลในภูมิภาคอาเซียน ดังนี้ คือ 1.การขยายสู่ตลาดภูมิภาค (Global Expansion) โดยส่งออกสายไฟคุณภาพในภูมิภาคอาเซียนเพิ่มในประเทศสิงคโปร์ อินโดนีเซียและมาเลเซีย รวมทั้งเจาะตลาดออสเตรเลียและนิวซีแลนด์ จากปัจจุบันทำตลาดส่งออกในเมียนมา ลาวและกัมพูชา 2.การพัฒนาโรงงานอัจฉริยะ (Smart Factory) บูรณาการเทคโนโลยีใหม่ๆ และปัญญาประดิษฐ์ (AI) เข้ามาช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตสายไฟ มุ่งสู่อุตสาหกรรม 4.0 และ 3.การเติบโตอย่างยั่งยืน (Sustainable Growth) ฉลอง 60 ปีบางกอกเคเบิ้ล ด้วยการยึดมั่นบริหารจัดการอย่างมีธรรมาภิบาล ให้ความสำคัญกับความรับผิดชอบต่อสังคม ลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม
ในอนาคตบริษัทมีแผนก้าวสู่การเป็นผู้ให้บริการด้านพลังงานแบบครบวงจรจากที่เป็นผู้ผลิตสายไฟฟ้าและสายเคเบิล โดยจับมือกับพันธมิตรเพื่อจัดหาอุปกรณ์เกี่ยวเนื่อง และให้บริการติดตั้งสายไฟฟ้าแรงสูง
นายพงศภัค กล่าวว่าขณะนี้บริษัทได้รับผลกระทบจากสินค้าสายไฟฟ้าและเคเบิลนำเข้าจากจีนค่อนข้างน้อย เนื่องจากสินค้าสายไฟเป็นสินค้าควบคุมต้องได้รับมาตรฐานอุตสาหกรรมมอก.เพื่อความปลอดภัย ทำให้มีสินค้าสายไฟฟ้าจีนเข้าทำตลาดในไทยไม่มาก อีกทั้งบริษัทมีช่องทางจัดจำหน่ายที่เข้มแข็งและเป็นแบรนด์สินค้าที่ได้รับการยอมรับมาตรฐานคุณภาพชั้นนำระดับนานาชาติ ขณะเดียวกันบริษัทมองโอกาสเจาะตลาดยานยนต์ไฟฟ้า(อีวี) ไม่ว่าจะเป็นสายไฟที่ใช้ในรถอีวี หากค่ายรถอีวีจีนต้องใช้ซัพพลายเชนในประเทศ รวมทั้งสถานีชาร์จอีวี
ตลอด 60 ปีบริษัท สายไฟฟ้าบางกอกเคเบิ้ล มีการผลิตและพัฒนาสายไฟฟ้าและสายเคเบิลครอบคลุมทุกความต้องการใช้งานของลูกค้าทั้ง 7 กลุ่มการใช้งาน ได้แก่ 1.ระบบผลิตและส่งพลังงานไฟฟ้า (Transmission) 2.ระบบจำหน่ายพลังงานไฟฟ้า (Distribution) 3.ระบบไฟฟ้าภายในบ้านพักและอาคาร 4.ระบบขนส่งและคมนาคม (Transportation and Mobility) 5.ระบบไฟฟ้าในโรงงาน และภาคอุตสาหกรรม 6.พลังงานหมุนเวียน และ 7.ระบบไฟฟ้าในรถยนต์ (Automotive) เพื่อสร้างความปลอดภัยและขับเคลื่อนเมืองสู่อนาคต ปัจจุบัน มีลูกค้าโครงการขนาดใหญ่ของทั้งภาครัฐและเอกชนจำนวนมากที่ใช้สายไฟฟ้าของบางกอกเคเบิ้ล อาทิ โครงการวัน แบงค็อก (One Bangkok) สนามบินสุวรรณภูมิ