"คมนาม"ดันท่าเทียบเรือ Cruise Terminal มูลค่า 1.2 หมื่นล้าน คาดเริ่มสร้างปี 72 เปิดให้บริการปี 75 หนุนสร้างผลประโยชน์เศรษฐกิจกว่า 4.6 หมื่นล้าน หวังกระตุ้นการท่องเที่ยว - เพิ่มประสิทธิภาพการเดินทาง
นางมนพร เจริญศรี รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม เปิดเผยภายหลังลงพื้นที่ เกาะสมุย จ.สุราษฎร์ธานีว่า ขณะนี้กรมเจ้าท่า (จท.) ได้สรุปการศึกษาและพัฒนาโครงการท่าเทียบเรือรองรับเรือสำราญขนาดใหญ่ (Cruise Terminal) บริเวณแหลมหินคม เกาะสมุย มูลค่าการลงทุนรวม 12,172 ล้านบาท และเสนอรายงานผลการศึกษาและวิเคราะห์การให้เอกชนร่วมลงทุน (PPP) ไปยังสำนักงานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ (สคร.) เพื่อนำเสนอคณะกรรมการนโยบายร่วมลงทุนระหว่างรัฐและเอกชน (คณะกรรมการ PPP) แล้วคาดว่าจะเสนอคณะรัฐมนตรี (ครม.) เพื่ออนุมัติโครงการได้ในปี 2567 เริ่มก่อสร้างได้ในปี 2572 และเปิดให้บริการในปี 2575
ทั้งนี้ จท. ได้วิเคราะห์แล้วเห็นว่า การร่วมลงทุนในรูปแบบ PPP Net Cost มีความเหมาะสม และเกิดประโยชน์สูงสุดต่อภาครัฐ โดยมีเอกชนเป็นเจ้าของรายได้และเป็นผู้รับความเสี่ยงที่อาจจะเกิดขึ้นทั้งหมดโดยได้เร่งรัดให้ดำเนินการให้แล้วเสร็จตามแผน เพื่อเป็นการส่งเสริมรายได้เข้าจังหวัดและเข้าประเทศมากยิ่งขึ้น รวมถึงยกระดับการท่องเที่ยวเรือสำราญที่เข้ามาเทียบท่าเกาะสมุย ซึ่งในแต่ละปีมีจำนวนมาก สามารถสร้างรายได้ให้กับจังหวัดสุราษฎร์ธานีและประเทศชาติอย่างมหาศาล
ซึ่งจากการวิเคราะห์โครงการพบว่า พื้นที่บริเวณแหลมหินคม ตำบลตลิ่งงาม มีความเหมาะสมมากที่สุด ทั้งด้านวิศวกรรมที่มีกำบังคลื่นลมโดยธรรมชาติ อยู่ใกล้เขตน้ำลึก และมีพื้นที่เพียงพอสำหรับการพัฒนาท่าเรือ ขณะที่ในด้านสิ่งแวดล้อม และสังคม จะช่วยอำนวยความสะดวกในการเข้าถึง ไม่มีพื้นที่อ่อนไหว และไม่ส่งผลกระทบต่อชุมชน ส่วนด้านเศรษฐศาสตร์ เป็นพื้นที่มีศักยภาพเชิงพาณิชย์และมีความพร้อมด้านสาธารณูปโภค มีความลึกร่องน้ำ 12 เมตรพื้นที่ รวม 47-38-6 ไร่ เป็นพื้นที่บนชายฝั่ง มีขนาดพื้นที่รวม 15-1-23 ไร่ เป็นพื้นที่ของกรมป่าไม้ ประมาณ 10 ไร่ ซึ่งได้เจรจา กรมป่าไม้ยินยอมให้ใช้พื้นที่แล้ว และเป็นที่ดินของเอกชนประมาณ 8 ไร่ คาดจะมีกาตั้งงบเวนคืนประมาณ 148 ล้านบาท ในปี 2569
ต้นทุนและค่าใช้จ่ายของโครงการตลอดระยะเวลา 37 ปี มีความคุ้มค่าในการลงทุนด้านเศรษฐกิจ โดยมีผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจตลอดอายุโครงการประมาณ 46,000 ล้านบาท และมีอัตราผลตอบแทนทางเศรษฐศาสตร์มากกว่า 15% เบื้องต้น มีนักลงทุนให้ความสนใจ ทั้งเอกชนในประเทศ และต่างประเทศ