กพท. ถก กองด่านควบคุมโรคฯ สธ. และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง หารือแนวปฏิบัติและมาตรการระหว่างประเทศ ในการรองรับการเฝ้าระวังโรค Mpox (ฝีดาษลิง) เพิ่มมาตรการขอให้ผู้โดยสารจากพื้นที่เสี่ยงลงทะเบียนระบบ Thai Health Pass
สำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทย(CAAT) หรือกพท. แจ้งว่า กพท. กองด่านควบคุมโรคระหว่างประเทศและกักกันโรค กระทรวงสาธารณสุข ได้ร่วมหารือแนวปฏิบัติและมาตรการระหว่างประเทศ ในการรองรับการเฝ้าระวังโรค Mpox (ฝีดาษลิง) ผ่านระบบออนไลน์ ร่วมกับผู้ประกอบการสายการบิน ฝ่ายการแพทย์ บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) หรือ ทอท. สมาคมขนส่งทางอากาศระหว่างประเทศ บริษัท บริการภาคพื้น ท่าอากาศยานไทย จำกัด และท่าอากาศยานภูเก็ต เพื่อหามาตรการและแนวทางการคัดกรองผู้เดินทางที่มาจากพื้นที่เสี่ยง
ทั้งนี้ CAAT และกองด่านควบคุมโรคระหว่างประเทศและกักกันโรค กระทรวงสาธารณสุข ได้ร่วมกันติดตามสถานการณ์ของโรคฝีดาษลิงตั้งแต่เกิดสถานการณ์มา โดยกองด่านฯ ได้มีการประเมินความเสี่ยง
และได้วางมาตรการตามสถานการณ์ เนื่องจากการติดเชื้อนั้นมีความแตกต่างจากในอดีต จึงทำให้ต้องวางมาตรการควบคุมอย่างเหมาะสม
ในเบื้องต้นพบว่า พื้นที่ที่มีการติดเชื้อจำนวนมากเป็นพื้นที่เดียวกับ
โรคไข้เหลือง (Yellow Fever) ในทวีปแอฟริกา จึงได้มีการตรวจร่องรอยของโรคฝีดาษลิงในผู้โดยสารกลุ่มที่มากับเที่ยวบินที่บินตรงมาจากในพื้นที่อย่างต่อเนื่อง
และเพื่อให้สามารถบริหารจัดการให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น กองด่านฯ ได้เพิ่มมาตรการให้สายการบินขอความร่วมมือจากผู้โดยสารที่เดินทางออกจากพื้นที่เสี่ยงลงทะเบียนในระบบ Thai Health Pass ซึ่งจะมีการแจ้งวัน เวลา ที่เข้าและออกประเทศ ทำให้สามารถนำมาใช้ในการติดตามและบริหารจัดการกรณีพบผู้ติดเชื้อได้ง่ายขึ้น หากมีผู้โดยสารไม่ได้ลงทะเบียนก่อนเดินทาง สามารถมาลงทะเบียนได้ที่ท่าอากาศยานในไทยได้เช่นกัน
ทั้งนี้ ก่อนจะมีการเริ่มการดำเนินการ CAAT และกองด่านฯ ได้ซักซ้อมความเข้าใจกับสายการบินทั้งหมดที่ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ และท่าอากาศยานภูเก็ต ในวันที่ 22 สิงหาคม 2567 และจะทำการประกาศให้เพื่อให้สายการบินทั้งหมดที่เหลือได้ทราบในวันที่ 23 สิงหาคม ต่อไป โดยจะให้มาตรการนี้เริ่มมีผลใช้ในทันทีที่ได้ประกาศออกไป และจะติดตามสถานการณ์พร้อมปรับมาตรการตามความเหมาะสมต่อไป