xs
xsm
sm
md
lg

บ้านปูมั่นใจผลดำเนินงานครึ่งหลังปี67ดีขึ้น ชี้ราคาถ่านหิน-ก๊าซฯปรับสูงขึ้น

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



“บ้านปู” มั่นใจครึ่งปีหลังมีผลประกอบการดีขึ้น หลังมีสัญญาณราคาถ่านหินและก๊าซธรรมชาติปรับตัวสูง ตั้งเป้ายอดขายถ่านหินปีนี้ 40.8ล้านตัน ลั่นมีความพร้อมนำBKVเข้าระดมทุนในตลาดหุ้นนิวยอร์ก แต่รอจังหวะตลาดหุ้นดี

นายสินนท์ ว่องกุศลกิจ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บ้านปู จำกัด (มหาชน) หรือBANPU เปิดเผยว่าแนวโน้มผลการดำเนินงานบริษัทในครึ่งปีหลัง2567 คาดว่าจะดีขึ้นกว่าครึ่งปีแรกที่มีรายได้จากการขายรวม 2,441 ล้านเหรียญสหรัฐ(ประมาณ 88,425 ล้านบาท) กำไรก่อนหักดอกเบี้ย ภาษี และค่าเสื่อมราคา (EBITDA) รวม 650 ล้านเหรียญสหรัฐ (ประมาณ 23,547 ล้านบาท) และกำไรสุทธิ 69 ล้านเหรียญสหรัฐ (ประมาณ 2,489 ล้านบาท) เนื่องจากราคาถ่านหินตลาดจรได้ปรับตัวสูงเพิ่มสูงขึ้นมาอยู่ที่ 150เหรียญสหรัฐต่อตัน สูงกว่าครึ่งปีแรกที่เฉลี่ย 135เหรียญสหรัฐต่อตัน เช่นเดียวกับก๊าซธรรมชาติที่มีความต้องการใช้ในครึ่งปีหลังที่จะปรับตัวสูงขึ้นจากการเข้าสู่ฤดูหนาว ส่งผลให้ราคาก๊าซปรับตัวสูงขึ้น จากปัจจุบันอยู่ที่ 2 เหรียญสหรัฐต่อล้านบีทียู

ทั้งนี้ ในปี2567 บ้านปูตั้งเป้าหมายการขายถ่านหินอยู่ที่ 40.8ล้านตัน มาจากเหมืองถ่านหินที่อินโดนีเซีย จีนและออสเตรเลีย


ส่วนความคืบหน้าจากโครงการดักจับและกักเก็บก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ (Carbon Capture, Utilization and Sequestration: CCUS) ในสหรัฐฯ ทำให้ได้ผลิตภัณฑ์ที่เป็นก๊าซธรรมชาติที่มีคาร์บอนเป็นกลาง (Carbon Sequestered Gas: CSG) ส่งผลให้ขายก๊าซธรรมชาติได้ในราคาพรีเมียม โดยล่าสุด BKV ได้ลงนามในข้อตกลงซื้อขายก๊าซธรรมชาติที่มีคาร์บอนเป็นกลางกับ ENGIE Energy Marketing NA, Inc. และ Kiewit Infrastructure South Co. โดยคาร์บอนเครดิตที่ได้มาพร้อมกับก๊าซธรรมชาติที่มีคาร์บอนเป็นกลางของ BKV มาจากการดำเนินโครงการ CCUS คาดว่าจะสามารถส่งมอบก๊าซดังกล่าวได้ภายในสิ้นปี 2567

นายสินนท์ กล่าวว่า BKV Corporation (BKV) ซึ่งเป็นบริษัทย่อยของบ้านปูในสหรัฐฯ มีความพร้อมในการขายหุ้นIPOในตลาดหุ้นNew York Stock Exchange (NYSE) นิวยอร์ค ซึ่งเชื่อว่าจะได้รับการตอบรับอย่างดีจากนักลงทุน แต่ทั้งนี้คงต้องดูสภาพตลาดหุ้นในสหรัฐฯก่อนการตัดสินใจคาดว่าจะมีความชัดเจนในปลายปีนี้

เมื่อเร็วๆนี้ BKV ได้ขายสินทรัพย์ในธุรกิจต้นน้ำและกลางน้ำบางส่วนที่ไม่ใช่ธุรกิจหลักในแหล่งก๊าซธรรมชาติมาร์เซลลัส (Marcellus) ในรัฐเพนซิลเวเนีย สหรัฐฯ มูลค่าประมาณ 132 ล้านเหรียญสหรัฐ การขายสินทรัพย์ในครั้งนี้ทำให้ BKV ยังคงวินัยทางการเงินที่ดีและสามารถมุ่งเน้นไปที่การพัฒนาทรัพย์สินที่มีผลตอบแทนสูงกว่า ส่วนโครงการ Ponder Solar โรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ขนาด 2.5 เมกะวัตต์ ตั้งอยู่ในพื้นที่ในแหล่งก๊าซบาร์เนตต์ รัฐเท็กซัส มีกำหนดเริ่มดำเนินการเชิงพาณิชย์ในเดือนสิงหาคม 2567 โครงการนี้ถือเป็นก้าวสำคัญที่ BKV จะบรรลุเป้าหมายลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกใน Scope 2 จากธุรกิจต้นน้ำและกลางน้ำในธุรกิจก๊าซธรรมชาติที่บริษัทเป็นเจ้าของและดำเนินการเอง ช่วยลดการพึ่งพาการซื้อไฟฟ้าจากภายนอก และใช้พลังงานที่ผลิตเองจากแหล่งพลังงานหมุนเวียน เช่น โครงการ Ponder Solar และการดำเนินโครงการ CCUS เพื่อลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกทั้งของบริษัทและของบริษัทอื่นๆ


นายสินนท์ กล่าวว่าผลการดำเนินงานของ 3 กลุ่มธุรกิจหลัก ในช่วงครึ่งปีแรก 2567 กลุ่มธุรกิจแหล่งพลังงาน มีการควบคุมประสิทธิภาพการผลิตอย่างต่อเนื่องเพื่อคงความสามารถในการสร้างกระแสเงินสด โดยตั้งเป้าลดต้นทุนในธุรกิจเหมืองที่ 1.5 - 3.0 เหรียญสหรัฐต่อตัน และในธุรกิจก๊าซธรรมชาติที่ 0.06 - 0.07 เหรียญสหรัฐต่อพันลูกบาศก์ฟุต

กลุ่มธุรกิจผลิตพลังงาน ยังคงสร้างผลกำไรได้อย่างแข็งแกร่ง โดยในธุรกิจผลิตไฟฟ้าจากพลังงานความร้อน โรงไฟฟ้าก๊าซธรรมชาติ Temple I และ II ในสหรัฐฯ มีรายได้จากการขายไฟฟ้า 288 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากมีปริมาณขายไฟฟ้าที่เพิ่มมากขึ้นจากการเข้าซื้อโรงไฟฟ้าพลังงานก๊าซธรรมชาติ Temple II ในช่วงไตรมาส 3 ปี 2566 สำหรับธุรกิจไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียน โรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ทั้งในจีน ญี่ปุ่น เวียดนาม และออสเตรเลีย ยังสามารถสร้างกระแสเงินสดได้อย่างสม่ำเสมอ

และกลุ่มธุรกิจเทคโนโลยีพลังงาน ในครึ่งแรกของปี 2567 ธุรกิจผลิตไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์บนหลังคา ได้ลงนามสัญญาใหม่เพื่อผลิตและจ่ายกระแสไฟฟ้าให้กับพันธมิตรในประเทศไทยในหลากหลายอุตสาหกรรม กำลังผลิตรวม 1.9 เมกะวัตต์ และมีกำลังผลิตที่ดำเนินการแล้วเพิ่มขึ้น 4.1 เมกะวัตต์ ปัจจุบันมีกำลังผลิตตามสัดส่วนการลงทุนรวม 100 เมกะวัตต์ ขณะที่มีการเซ็นสัญญาซื้อขายไฟฟ้าที่ผลิตจากพลังงานแสงอาทิตย์บนหลังคา (Solar Rooftop PPA) ในอินโดนีเซีย จำนวน 10 เมกะวัตต์

ธุรกิจแบตเตอรี่และระบบกักเก็บพลังงาน ได้เริ่มเดินหน้าสายการผลิตแบตเตอรี่ลิเธียมไอออนของโรงงาน SVOLT Thailand และส่งมอบแบตเตอรี่ลิเธียมนิกเกิลแมงกานีสโคบอลต์ออกไซด์ (NMC) ชุดแรกให้กับกลุ่มเชิดชัย ผู้ให้บริการรถบัสรายใหญ่ที่สุดในไทย ซึ่งขณะนี้บริษัทอยู่ระหว่างการศึกษาความเป็นไปได้ในการลงทุนระดับเซลล์แบตเตอรี่ ส่วนการก่อสร้างโครงการแบตเตอรี่ฟาร์มอิวาเตะ โตโนะ (Iwate Tono) ในญี่ปุ่น มีความคืบหน้าตามแผนถึง 97%

นายสินนท์ กล่าวว่าขณะนี้บ้านปูอยู่ระหว่างการจัดทำแผนธุรกิจใหม่ คาดจะมีความชัดเจนภายในเดือนพฤศจิกายนนี้ ส่วนงบลงทุนในปีนี้ตั้งไว้ที่ 350ล้านเหรียญสหรัฐ เพื่อใช้ในธุรกิจก๊าซธรรมชาติ 50%และที่เหลือใช้ในธุรกิจพลังงานหมุนเวียน 50% โดยครึ่งปีแรก บริษัทยังใช้เงินลงทุนไปแล้วไม่มาก

อย่างไรก็ดี การเปิดรับซื้อไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียนรอบ 2 จำนวน 3,668.5 เมกะวัตต์ โดยเปิดให้สิทธิผู้ที่ยื่นเสนอขายไฟฟ้ารอบแรกที่ผ่านเกณฑ์คัดเลือกนั้น บ้านปู เน็กซ์ได้เคยยื่นเสนอขายไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์หลายโครงการ รวมกำลังผลิต 60-70เมกะวัตต์ในโครงการรับซื้อไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียนรอบแรก 5,000เมกะวัตต์แต่ไม่ผ่านการคัดเลือก ดังนั้นบริษัทพร้อมแสดงความจำนงค์เสนอขายไฟฟ้าในโครงการดังกล่าวที่เสนอไปก่อนหน้านี้ และจะยื่นขายไฟฟ้าเพิ่มเติมด้วย


กำลังโหลดความคิดเห็น