SPCG แจงงวด 6 เดือนแรกปี 2567 มีรายได้ที่ 1,229.4 ล้านบาท ลดลงจากช่วงเดียวกันปีก่อน 48% และมีกำไรสุทธิที่ 522.5 ล้านบาท ลดลง58%เป็นผลจากแอดเดอร์โรงไฟฟ้าโซลาร์ฟาร์มทั้ง36โรงสิ้นสุดลง และบริษัทย่อย SPR มีรายได้ลดลง
นางวันดี กุญชรยาคง จุลเจริญ ประธานกรรมการและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท เอสพีซีจี จำกัด (มหาชน) หรือSPCGเปิดเผยว่า ผลการดำเนินงานในไตรมาส 2/2567 กลุ่มบริษัทมีรายได้จากการขายและการให้บริการรวม 493.8 ล้านบาท ลดลง 59% จากงวดเดียวกันของปีก่อน และมีกำไรสุทธิอยู่ที่ 164.0 ล้านบาท ลดลง 72% จากงวดเดียวกันของปีก่อน
ส่วนผลการดำเนินงานงวด 6 เดือนแรกประจำปี 2567 ของบริษัทและบริษัทย่อย มีรายได้รวมจากการขายและให้บริการ จำนวน 1,229.4 ล้านบาท ลดลง 48% จากงวดเดียวกันของปีก่อนที่มีรายได้อยู่ที่ 2,386.7 ล้านบาท และบริษัทฯ มีกำไรสุทธิ จำนวน 522.5 ล้านบาท ลดลง 58% จากงวดเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรอยู่ที่ 1,239.7 ล้านบาท
ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทฯ มีมติอนุมัติจ่ายเงินปันผลระหว่างกาลจากผลการดำเนินงานงวดวันที่ 1 มกราคม – 30 มิถุนายน 2567 ในอัตราหุ้นละ 0.50 บาท เป็นจำนวนเงิน 527,895,000 บาท โดยกำหนดรายชื่อผู้ถือหุ้นที่มีสิทธิได้รับเงินปันผล (Record Date) ในวันที่ 30 สิงหาคม 2567 (วันที่ไม่ได้รับสิทธิปันผล (XD) คือ วันที่ 29 สิงหาคม 2567) และกำหนดจ่ายเงินปันผลในวันที่ 13 กันยายน 2567
นางวันดี กล่าวว่า รายได้ที่ปรับลดลงเป็นผลจากกระแสไฟฟ้าที่ผลิตและจำหน่ายได้ จำนวน 186.1 ล้านหน่วย จากธุรกิจผลิตและจำหน่ายไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ จำนวน 36 โซลาร์ฟาร์ม รวมกำลังการผลิตกว่า 260 เมกะวัตต์ ลดลงจากปีก่อน จำนวน 6.6 ล้านหน่วย หรือคิดเป็นร้อยละ 3 และค่าแอดเดอร์หรือรายได้เงินอุดหนุนส่วนเพิ่มราคารับซื้อไฟฟ้าที่หน่วยละ 8 บาท ของโซลาร์ฟาร์มทั้ง 36 โครงการได้สิ้นสุดลง
ถึงแม้ว่าแอดเดอร์จะสิ้นสุดลง แต่ต้นทุนทางการเงิน หรือภาระหนี้ของบริษัทก็จะหมดลงไปด้วยเช่นกัน โดยในปี 2567 จะเป็นปีที่บริษัทดำเนินการชำระหนี้ทั้งหมดเรียบร้อยตามแผน อย่างไรก็ตามบริษัทฯ ยังคงได้รับเงินจากการขายไฟตามปกติ และยังคงเดินหน้านโยบายปรับลดค่าใช้จ่ายในการบริหารจัดการต้นทุนด้านต่างๆ อย่างมีประสิทธิภาพ ส่งผลให้ต้นทุน O&M (Operating & Maintenance) สำหรับธุรกิจโซลาร์ฟาร์มทั้งในปัจจุบันและอนาคตลดลงอย่างเป็นนัยสำคัญเพื่อเป็นการเสริมสร้างสภาพคล่องและรักษากำไรของบริษัท
นอกจากนี้บริษัท โซลาร์ เพาเวอร์ รูฟ จำกัด หรือ (SPR) ซึ่งเป็นบริษัทในเครือ SPCG ที่ดำเนินธุรกิจด้านการออกแบบและติดตั้งระบบผลิตไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์บนหลังคา (Solar Power Roof System) มีรายได้จำนวน 154.9 ล้านบาท ลดลงร้อยละ 74 เมื่อเทียบกับปีก่อน ทั้งนี้บริษัทฯ ยังคงเดินหน้าขยายการติดตั้งอย่างต่อเนื่อง โดยที่ผ่านมาได้มีการติดตั้งไปแล้วกว่า 200 เมกะวัตต์และได้มีการปรับเปลี่ยนแผนการตลาดและกลยุทธ์ในการขายอยู่ตลอด เพื่อเพิ่มความสามารถในการแข่งขันและทางเลือกให้กับลูกค้ามากยิ่งขึ้น โดยเฉพาะลูกค้าในกลุ่มโรงงานอุตสาหกรรม
ทั้งนี้เมื่อวันที่ 15 พฤษภาคม 2567 บริษัทฯ ได้มีการอนุมัติการลงทุนโครงการโซลาร์ฟาร์ม “Kanoya Ohura Mega Solar” ขนาดกำลังการผลิตติดตั้ง 8.02 เมกะวัตต์ ณ เกาะคิวชู เมืองคาโนยะ ประเทศญี่ปุ่น โดยบริษัทฯ มีสัดส่วนการถือหุ้นร้อยละ 20 เป็นจำนวนเงิน 100 ล้านเยน ซึ่งบริษัทได้มีการชำระทุนทั้งหมดเรียบร้อยแล้ว เมื่อวันที่ 21 มิถุนายน 2567 คาดว่าจะเริ่มดำเนินการจำหน่ายไฟฟ้าเชิงพาณิชย์ (COD) ภายในเดือนเมษายน 2568 ซึ่งโครงการดังกล่าวมีอัตรารับซื้อไฟฟ้าในรูปแบบ FiT 36 เยนต่อหน่วย ระยะเวลารับซื้อไฟฟ้า 18.1 ปี โดยมี Kyushu Electric Power เป็นผู้รับซื้อไฟฟ้า