ส.ก.เพื่อไทยเดินเกมรุกย้าย 'ท่าเรือกรุงเทพ' ยื่น 'คมนาคม' อ้างประชาชนหนุน หวังช่วยแก้ฝุ่น-ปัญหาจราจร นำพื้นที่พัฒนาได้ประโยชน์มหาศาล และยกระดับเมือง “มนพร” ย้ำคำนึงถึงประโยชน์ประชาชน-ประเทศชาติเป็นสำคัญ เผย "นายกฯ" สั่งเพิ่มกฤษฎีกา-สศช.ร่วมคณะกก.ศึกษาทบทวนฯ
นางมนพร เจริญศรี รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม เปิดเผยถึงความคืบหน้าการศึกษาความเหมาะสมและเป็นไปได้ของการย้ายท่าเรือกรุงเทพออกจากพื้นที่คลองเตย ว่า หลังจากมีการแต่งตั้งคณะกรรมการฯ โดยมี นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เป็นประธานแล้ว โดยมีผู้แทนหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเป็นกรรมการ ล่าสุด นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี มีข้อสั่งการให้เพิ่มหน่วยงานกลางอีก 2 แห่ง คือ คณะกรรมการกฤษฎีกา และสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) ซึ่งได้ดำเนินการเรียบร้อยแล้ว คาดคณะกรรมการฯ จะมีการประชุมนัดแรกเร็วๆ นี้
หลักการ จะใช้คำว่าพัฒนาพื้นที่ท่าเรือกรุงเทพให้เหมาะสม ไม่ได้ย้ายซะทีเดียวโดยจะมีการพิจารณาในบางพื้นที่หรือบางโซนนำมาพัฒนาให้เหมาะสม เช่นเดิมมีแนวคิดจะพัฒนาในแนวราบ ก็ปรับเป็นพัฒนาในแนวสูงและนำเทคโนโลยีเข้ามาใช้ในพื้นที่ท่าเรือ เพื่อท่าเรืออัจฉริยะ (Smart Port) เนื่องจากปัจจุบันมีบางพื้นที่วางตู้คอนเทนเนอร์ว่าง ซึ่งไม่ได้มีการสร้างมูลค่าเพิ่มจากพื้นที่นั้นเท่าที่ควร
@ส.ก.เพื่อไทยเดินเกม หนุนย้าย "ท่าเรือคลองเตย" ชี้สร้างมลพิษ ทำรถติด
นางมนพรกล่าวว่า เมื่อวันที่ 8 สิงหาคม 2567 สมาชิกสภากรุงเทพมหานคร (ส.ก.) ได้เข้ายื่นหนังสือแสดงความเห็นด้วยให้ย้ายท่าเรือกรุงเทพ (คลองเตย) ออกจากพื้นที่เดิม เนื่องจาก ส.ก.ได้รับเรื่องจากประชาชนที่สนับสนุนการดำเนินการดังกล่าวเพื่อแก้ไขปัญหาการจราจรติดขัดในพื้นที่ รวมถึงช่วยแก้ปัญหาฝุ่นละออง PM 2.5 อีกทั้งยังสามารถพัฒนาพื้นที่ท่าเรือกรุงเทพให้เกิดประโยชน์สูงสุดด้วย
ทั้งนี้ ได้เร่งรัดให้การท่าเรือแห่งประเทศไทย (กทท.) ดำเนินการจัดทำแผนต่างๆ และจัดทำให้เป็นรูปธรรมโดยเร็วที่สุด ซึ่งขอเน้นย้ำว่าในทุกกระบวนการต้องดำเนินการอย่างรอบคอบเพื่อให้เกิดความเหมาะสมที่สุด อย่างไรก็ตาม ยืนยันว่ากระทรวงคมนาคมพร้อมดำเนินการในทุกเรื่องโดยคำนึงถึงพี่น้องประชาชนและประเทศชาติเป็นสำคัญ
ด้านนายกิตติพงศ์ รวยฟูพันธ์ สมาชิกสภากรุงเทพมหานคร เขตทุ่งครุ พรรคเพื่อไทย กล่าวว่า ตน และ ส.ก. 4 ท่านได้เข้ามายื่นหนังสือต่อนางมนพร เจริญศรีรมช.คมนาคม เพื่อแสดงความเห็นด้วยเป็นอย่างยิ่งที่ กทท.ต้องดำเนินการย้ายท่าเรือกรุงเทพออกจากพื้นที่เดิมในปัจจุบันไปอยู่พื้นที่อื่นที่มีความเหมาะสมมากกว่า เนื่องจากพื้นที่เดิมอยู่ใจกลางเมือง ส่งผลกระทบให้ประชาชนที่เดินทางต้องเผชิญกับปัญหาการจราจรติดขัดจากรถขนส่งที่ต้องเข้า-ออกพื้นที่ท่าเรือกรุงเทพโดยเฉพาะช่วงเวลาเดินทางไปทำงานที่อาจจะต้องเสียเวลาในการเดินทางมากขึ้น ซึ่งพื้นที่เดิมของท่าเรือกรุงเทพนั้นมองว่าสามารถนำมาใช้ประโยชน์ด้านอื่นๆ ได้อย่างมหาศาล ซึ่งมีความเหมาะสมเป็นอย่างมาก และ ส.ก.พร้อมให้ความร่วมมือทุกๆ ด้านของกระบวนการ
“ผม และ ส.ก.พรรคเพื่อไทยต้องการให้กระทรวงคมนาคม โดยการท่าเรือฯ ที่ถือว่าเป็นความหวังของคนกรุงเทพฯ พิจารณาเดินหน้าให้ย้ายท่าเรือกรุงเทพออกจากพื้นที่เดิม ผมมองว่าเอาไปพัฒนาพื้นที่เชิงพาณิชย์อื่นๆ ซึ่งจะสร้างประโยชน์ให้พี่น้องประชาชนในพื้นที่ รวมถึงประชาชนทั่วไปได้มากกว่า ไม่ว่าจะเป็นพื้นที่พักอาศัย, คอมมูนิตีมอลล์, แหล่งท่องเที่ยวหรือแลนด์มาร์กแห่งใหม่ ส่วนท่าเรือฯ ควรไปอยู่ที่อื่น เพราะถ้าอยู่ที่เดิมจะกระทบประชาชน ถ้าอยู่ที่ใหม่เชื่อว่าจะแก้ปัญหารถขนส่งเข้ามาในเมือง ทำให้การจราจรติดขัด ที่สำคัญยังช่วยลดฝุ่นละอองได้อีกด้วย และจะทำให้ยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชนได้เป็นอย่างดี” นายกิตติพงศ์กล่าว
จากการติดตามข้อมูลของ กทท. พบว่าการพัฒนาพื้นที่ท่าเรือกรุงเทพ (คลองเตย) ขนาดพื้นที่ 2,353.2 ไร่ จะช่วยยกระดับคุณภาพชีวิตชุมชนให้มีมาตรฐาน สร้างความสุข ลดความเหลื่อมล้ำและเกิดความเสมอภาคในสังคมตามยุทธศาสตร์ชาติด้านการสร้างโอกาสและความเสมอภาคทางสังคม เนื่องจากในพื้นที่ดังกล่าวจะพัฒนาเป็นเขตเศรษฐกิจพิเศษกรุงเทพมหานคร (Bangkok Special Economic Zone) เพื่อใช้ประโยชน์ในเชิงพาณิชย์หรือประโยชน์ในเชิงสาธารณะด้วยการพัฒนาพื้นที่ให้เป็นเมืองท่าที่ทันสมัย (New City Port) โดยการจัดตั้งเขตเศรษฐกิจพิเศษกรุงเทพมหานครเพื่อดึงดูดนักลงทุนจากทั่วทุกมุมโลก ในการร่วมกันพัฒนาพื้นที่ริมแม่น้ำเจ้าพระยาดังกล่าวโดยการบูรณาการด้านโลจิสติกส์ การท่องเที่ยว และการให้บริการแบบครบวงจรในพื้นที่เดียวกัน
นอกจากนี้ มีแผนพัฒนาพื้นที่อยู่อาศัยแนวสูงและศูนย์ฝึกอาชีพ เพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตของชุมชนคลองเตย การพัฒนาคุณภาพชีวิตของชุมชนโดยรอบท่าเรือ รวม 26 ชุมชน และใต้ทางด่วนอีก 5 ชุมชน ประมาณ 13,000 ครัวเรือนและหน่วยงานราชการ สถาบันการศึกษาในพื้นที่ ไปพร้อมกับการพัฒนาโครงการต่างๆ ของ กทท. โดยจัดพื้นที่บางส่วนสำหรับเป็นพื้นที่พักอาศัยเพื่อชุมชนในแนวสูง (Smart Community) ขณะเดียวกัน มีแผนจัดตั้งศูนย์ฝึกอาชีพในพื้นที่พัฒนาเมืองใหม่ซึ่งเป็นตลาดแรงงานสำคัญของเมืองหลวง เพื่อชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นของชาวชุมชนคลองเตย โดยมีการบริหารจัดการสาธารณูปโภค และสาธารณูปการที่ทันสมัย รวมทั้งสภาพแวดล้อมที่ดีด้วย
รายงานข่าวจาก กทท.ระบุว่า กทท.มีแผนพัฒนาท่าเรือกรุงเทพ (คลองเตย) แบ่งเป็น 5 กลุ่ม ประกอบด้วย 1. กลุ่มพัฒนาพื้นที่ A ได้แก่ อาคารสำนักงานท่าเรือใหม่และอาคารสำนักงานเช่าเอกชน, Retail Mixed Use, โครงการที่พักอาศัย, Medical Hub, อาคารสำนักงาน, Smart Community, อาคารอยู่อาศัยเพื่อสวัสดิการพนักงาน กทท., อาคารอยู่อาศัยประเภทเช่า 2. กลุ่มพัฒนาพื้นที่ B ได้แก่ Smart Port (ท่าเรือกึ่งอัตโนมัติ), ท่าเทียบเรือตู้สินค้าฝั่งตะวันออก, ท่าเทียบเรือสินค้าชายฝั่ง (20G)
3. กลุ่มพัฒนาพื้นที่ C ได้แก่ พื้นที่ Cruise Terminal, Retail Mixed use, อาคารสำนักงาน, พื้นที่พาณิชย์ Duty Free, โรงแรม, ศูนย์อาคารแสดงสินค้า, อาคารสาธารณูปโภค, อาคารจอดรถ, ศูนย์ฝึกอบรม 4. กลุ่มพื้นที่รองรับการพัฒนาในอนาคต X ได้แก่ พื้นที่คลังเก็บสินค้า และสำนักงาน E-Commerce, พื้นที่จอดรถบรรทุก, พื้นที่ ปตท.เช่าใช้ และ 5. กลุ่มพัฒนาพื้นที่ G ได้แก่ Sport Complex, การปรับปรุงสถาปัตยกรรมของพื้นที่ทั้งหมด, สวนสาธารณะ เป็นต้น