xs
xsm
sm
md
lg

ปตท.กำไรครึ่งปีแรกพุ่งกระฉูด34%อยู่ที่ 64,437 ล้านบาท

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



ปตท.โชว์ผลงานครึ่งปีแรก 2567 มีรายได้จากการขายรวม 1,604,222 ล้านบาท โตขึ้น 4.5%จากปีก่อน และมีกำไรสุทธิ 64,437 ล้านบาท โตขึ้นจากปีก่อน 34.4% โดยหลักมาจากรายได้ที่เติบโตขึ้นในธุรกิจE&P ธุรกิจโรงกลั่นและปิโตรเคมี รวมทั้งการรับรู้รายการที่ไม่ได้เกิดขึ้นประจำ (Non-recurring Itens) ราว 10,000 ล้านบาท มาจากกำไรการขายเงินลงทุนใน Alvogen การขายการสินทรัพย์ให้บริษัท พีอี แอลเอ็นจี จำกัด และ กำไรจากการซื้อคืนหุ้นกู้PTTGCและTOP

น.ส.พรรณนลิน มหาวงศ์ธิกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหารการเงิน บริษัท ปตท.จำกัด(มหาชน)(PTT) เปิดเผยผลการดำเนินงานครึ่งแรกของปี 2567ว่า ปตท. และบริษัทย่อยมีรายได้จากการขายจำนวน 1,604,222 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจำนวน 69,254 ล้านบาท หรือร้อยละ 4.5 จากในช่วงครึ่งแรกของปี 2566 ส่งผลให้ปตท. และบริษัทย่อยมีกำไรสุทธิในครึ่งปีแรก2567 จำนวน 64,437 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 16,475 ล้านบาท หรือร้อยละ 34.4 จากข่วงเดียวกันปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ จำนวน 47.962 ล้านบาท จาก EBITDA ที่เพิ่มขึ้น และมีการรับรู้รายการที่ไม่ได้เกิดขึ้นประจำ (Non-recurring Itens) สุทธิภาษีตามสัดส่วนของ ปตท.เป็นกำไรประมาณ 10,000 ล้านบาท โดยหลักจากกำไรจากการขายเงินลงทุนใน Alvogen MalMalta (Out-licensing) Holding Lid. (AMOLH) กำไรจากการจำหน่ายสินทรัพย์ให้ บริษัท พีอี แอลเอ็นจี จำกัด (PE LNG) ของ บริษัท พีทีที แอลเอ็นจี จำกัด (PTTLNG) และ กำไรจากการซื้อคืนหุ้นกู้ของบริษัท พีทีที โกลบอล เคมิคอล จำกัด (มหาชน) (PTTGC) และ บริษัท ไทยออยล์ จำกัด (มหาชน) (TOP)

โดยปตท.และบริษัทย่อยมีรายได้จากกลุ่มธุรกิจการค้าระหว่างประเทศมีรายได้จากการขายเพิ่มขึ้น จากราคาขายเฉลี่ยเพิ่มขึ้นตามราคาน้ำมันอ้างอิง และปริมาณขายสูงขึ้น โดยหลักจากปริมาณการค้าน้ำมันสำเร็จรูปและ LNG ระหว่างประเทศที่เพิ่มขึ้น กลุ่มธุรกิจปิโตรเคมีและการกลั่นมีรายได้เพิ่มขึ้น โดยหลักจากธุรกิจการกลั่นเนื่องจากราคาขายเฉลี่ยปรับตัวเพิ่มขึ้น แม้ว่าปริมาณขายลดลง รวมทั้งธุรกิจปิโตรเคมีมีมีรายได้จากการขายเพิ่มขึ้นจากกลุ่มโอเลฟินส์ ที่มีปริมาณขายและราคาขายเฉลี่ยผลิตภัณฑ์เพิ่มขึ้น นอกจากนี้ กลุ่มธุรกิจสำรวจและผลิตปิโตรเลียมมีรายได้จากการขายเพิ่มขึ้นเช่นกัน จากปริมาณขายเฉลี่ยที่เพิ่มขึ้น แม้ว่าราคาขายเฉลี่ยปรับ
ลดลง


อย่างไรก็ตาม กลุ่มธุรกิจก๊าซธรรมชาติมีรายได้จากการขายลดลง โดยหลักจากธุรกิจจัดหาและ
จัดจำหน่ายก๊าซฯ จากราคาขายเฉลี่ยปรับลดลงตามราคา Pool Gas เนื่องจากราคา Spot LNG ปรับตัวลดลง และการนำ Shortall ของแหล่งก๊าซฯ ในอ่าวไทย จำนวน 4,300 ล้านบาท มาคำนวณเป็นส่วนลดราคา Pool Gas
ตามคำสั่งคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.) รวมถึงมีการปรับอัตราบริการก๊าซธรรมชาติสำหรับผู้รับใบอนุญาตจัดหาและค้าส่งก๊าซธรรมชาติตามมติ กกพ. ซึ่งมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 1 มีนาคม 2567 ประกอบกับราคาขายให้กลุ่มลูกค้าอุตสาหกรรมลดลงตามราคาอ้างอิง แม้ว่าปริมาณขายก๊าซฯ เฉลี่ยเพิ่มขึ้น
ขณะที่ธุรกิจโรงเเยกก๊าซฯ มีรายได้จากการขายเพิ่มขึ้นจากราคาขายเฉลี่ยและปริมาณขายที่เพิ่มขึ้น

นอกจากนี้ ธุรกิจระบบท่อส่งก๊าซฯ มีรายได้เพิ่มขึ้นจากปริมาณการของใช้ท่อส่งก๊าซฯ ของลูกค้าที่เพิ่มขึ้น ธุรกิจน้ำมันและการค้าปลีกมีรายได้จากการขายลดลงเช่นกันจากปริมาณขายที่ปรับลดลง แม้ว่าราคาขาขายปรับสูงขึ้น


ส่งผลให้ครึ่งปีแรก2567 ปตท.และบริษัทย่อยมีกำไรจากการดำเนินงานก่อนค่าเสื่อมราคาและค่าตัดจำหน่ายต้นทุนทางการเงิน และภาษีเงินได้ (EBITDA) จำนวน 234,051 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจำนวน 37,418 ล้านบาท หรือร้อยละ 19.0 จากช่วงเดียวกันปีก่อน โดยหลักจากกลุ่มธุรกิจปิโตรเคมีและการกลั่น ธุรกิจการกลั่นมีผลการดำเนินงานเพิ่มขึ้น ส่วนใหญ่จากกำไรสต๊อกน้ำมันที่เพิ่มขึ้น ซึ่ง ปตท. และบริษัทย่อยมีกำไรสต๊อกน้ำมันอยู่ที่ 5,000 ล้านบาท ดีกว่าช่วงเดียวกันปีก่อนที่มีผลขาดทุนประมาณ 10,000 ล้านบาท 

อย่างไรก็ตาม กำไรขั้นต้นจากการกลั่น (Market GRM) ลดลงจาก 6.3 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรลใน6เดือนแรกปี2566 เป็น 5.4 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรลใน6เดือนแรกปี2567 จากส่วนต่างราคาน้ำมันอากาศยาน น้ำมันดีเซล และน้ำมันเบนซิน กับน้ำมันดิบปรับลดลง รวมทั้งปริมาณขายลดลง ธุรกิจปิโตรเคมีมีผลการดำเนินงานเพิ่มขึ้นเช่นกันโดยหลักจากลุ่มโอเลฟินส์ ส่วนกลุ่มอะไรเมติกส์ จากส่วนต่างราคาผลิตภัณฑ์เบนซีนกับวัตถุดิบเพิ่มขึ้น แม้ว่าปริมาณขายลดลง

 กลุ่มธุรกิจสำรวจและผลิตปิโตรเลียมมีผลการดำเนินงานเพิ่มขึ้นจากปริมาณขายเฉลี่ยที่เพิ่มขึ้น แม้ว่าราคาขายเฉลี่ยปรับลดลง ผลการดำเนินงานของกลุ่มธุรกิจก๊าซธรรมชาติปรับตัวเพิ่มขึ้น โดยหลักจากธุรกิจ NGV มีผลขาดทุนลดลงจากต้นทุนค่าเนื้อก๊าซฯ ที่ปรับลดลงตามราคา Pool Gas ประกอบกับราคาขายที่ทยอยปรับเพิ่มขึ้นในทุกกลุ่มลูกค้า และปริมาณขายโดยรวมที่ลดลงตามปริมาณรถ NGV สะสมที่น้อยลง และ บริษัทย่อยในกลุ่มธุรกิจก๊าซธรรมชาติมีผลการดำเนินงานดีขึ้น โดยหลักจาก บริษัท ปตท.จำหน่ายก๊าซธรรมชาติ จำกัด (PTTNGD) มีผลการดำเนินงานดีขึ้นตามต้นทุนก๊าซฯ ที่ปรับลดลง และราคาขายเฉลี่ยเพิ่มขึ้น แต่ธุรกิจโรงแยกก๊าซฯ มีผลการดำเนินงานลดลงจากต้นทุนขายที่เพิ่มขึ้นมาก เนื่องจากได้มีการเริ่มใช้นโยบาย Single Pool ในการคำนวณราคาก๊าซฯ โดยมีผลย้อนหลังตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2567


น.ส.พรรณนลิน กล่าวถึงผลการดำเนินงานไตรมาส 2 ปี 2567ว่า ปตท. และบริษัทย่อยมีรายได้จากการขายจำนวน 821,943 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจำนวน 43,785 ล้านบาท หรือร้อยละ 5.6 จากไตรมาส 2 ปี 2566 โดยหลักจากกลุ่มธุรกิจการค้าระหว่างประเทศจากราคาขาขายที่เพิ่ม ขณะที่ปริมาณขายลดลงส่วนใหญ่จากการค้าน้ำมันดิบระหว่างประเทศ และ LNGนำเข้า อีกทั้ง กลุ่มธุรกิจปิโตรเคมีและการกลั่น และกลุ่มธุรกิจสำรวจและผลิตปิโตรเลียมมีรายได้เพิ่มขึ้นจากทั้งปริมาณขายเฉลี่ยและราคาขายเฉลี่ยที่เพิ่มขึ้น

กลุ่มธุรกิจก๊าซธรรมชาติมีรายได้จากการขายลดลง โดยหลักจากธุรกิจจัดหาและจัดจำหน่ายก๊าซฯ เนื่องจากราคาขายเฉลี่ยปรับลดลงตามราคา Pool Gas ประกอบกับราคาขายเฉลี่ยให้กลุ่มลูกค้าอุตสาหกรรมปรับลดลงตามราคาอ้างอิง รวมทั้งปริมาณขายลดลง แม้ว่าธุรกิจโรงแยกก๊าซฯ มีรายได้เพิ่มขึ้นจากราคาขายโดยเฉลี่ยปรับเพิ่มขึ้น รวมทั้งปริมาณขายเพิ่มขึ้นตามความต้องการของลูกค้าปิโตรเคมีที่เพิ่มขึ้น ส่วนธุรกิจระบบท่อส่งก๊าซฯ มีรายได้เพิ่มขึ้นจากปริมาณการจองใช้ท่อส่งก๊าซฯ ที่เพิ่มขึ้นตามความต้องการของลูกค้า 

อีกทั้งปตท. และบริษัทย่อยมีกำไรสต๊อกน้ำมันในไตรมาส2/2567 ประมาณ 3,000 ล้านบาท ขณะที่ในไตรมาส2/2566 มีผลขาดทุนประมาณ 4,000ล้านบาท ส่งผลให้ไตรมาส 2/2567 ปตท. มีกำไรสุทธิจำนวน 35,469 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 15,362 ล้านบาท หรือร้อยละ 76.4 จากช่วงเดียวกันปีก่อน โดยมีการรับรู้รายการที่ไม่ได้เกิดขึ้นประจำประมาณ 5,400 ล้านบาท โดยหลักจากกำไรจากการจำหน่ายสินทรัพย์ให้ PELNG ของ PTTLNG และกำไรจากการซื้อคืนหุ้นกู้ของ PTTGC และ TOP


กำลังโหลดความคิดเห็น