xs
xsm
sm
md
lg

MINT ยิ้มโชว์กำไรโต74% ครึ่งปีแรก รับท่องเที่ยวดีดขึ้น“โรงแรม-อาหาร”โตพุ่ง

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



ผู้จัดการรายวัน 360 - บริษัท ไมเนอร์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) (“MINT”) ประกาศกำไรสุทธิสำหรับครึ่งปีแรกของปี 2567 ที่จำนวน 3,969 ล้านบาท ซึ่งเติบโตร้อยละ 74 จากช่วงเดียวกันของปีก่อน เป็นการเติบโตอย่างแข็งแกร่งนี้จากฐานที่สูงของกำไรสุทธิในปีก่อนสะท้อนถึงรูปแบบโมเดลทางธุรกิจที่แข็งแกร่งของ MINTและความยืดหยุ่นของอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวโลก ใน 6 เดือนแรกของปี 2567 มีกำไรสุทธิจากผลการดำเนินงาน (ไม่รวมรายการพิเศษที่เกิดขึ้นเพียงครั้งเดียว) เติบโตอย่างแข็งแกร่งที่ร้อยละ 22 จากช่วงเดียวกันของปีก่อน


บริษัท ไมเนอร์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) (MINT) รายงานถึงผลประกอบการของไตรมาส 2 ปี 2567 ว่า MINT มีกำไรสุทธิจากการดําเนินงานสร้างสถิติใหม่ด้วยจำนวน 3,230 ล้านบาท เติบโตจากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่ร้อยละ 8 โดยหลักมาจากความสำเร็จของโรงแรมในทวีปยุโรปและอเมริกาที่เข้าสู่ฤดูการท่องเที่ยว ความต้องการการเดินทางเพื่อพักผ่อนและเพื่อธุรกิจยังคงแข็งแกร่งในส่วนของพอร์ตโฟลิโอธุรกิจโรงแรมทั้งในยุโรปและอเมริกา ส่งผลให้รายได้เฉลี่ยต่อห้องต่อคืน (RevPar) ในไตรมาส 2 ปี 2567 สำหรับโรงแรมที่บริษัทเป็นเจ้าของและเช่าบริหารในภูมิภาคนี้เติบโตที่ร้อยละ 8 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน แม้ว่าปีที่แล้วจะมีฐานที่สูง การเติบโตนี้เป็นผลมาจากการเพิ่มราคาห้องพักเฉลี่ย (ADR) ที่ร้อยละ 7 และการเติบโตของอัตราการเข้าพักของพอร์ตโฟลิโอโดยรวมร้อยละ 1 จากช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยได้รับประโยชน์อย่างมีนัยสำคัญจากโรงแรมในมาดริด เวนิส และเมืองสำคัญและเมืองรองในเยอรมนี ซึ่งได้รับประโยชน์จากฟุตบอล ยูฟ่า ยูโรเปี้ยนแชมเปี้ยนชิปในเดือนมิถุนายน 2567

นอกเหนือจากความสําเร็จในยุโรปและอเมริกาแล้ว โรงแรมที่ MINT เป็นเจ้าของในประเทศไทยยังมีการเติบโตอย่างมีนัยสําคัญ โดยในไตรมาส 2 ปี 2567 รายได้เฉลี่ยต่อห้องต่อคืนมีการเติบโตที่ร้อยละ 14 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน การเติบโตนี้สะท้อนให้เห็นถึงกระแสการเพิ่มขึ้นของนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เดินทางมายังประเทศไทย โดยมีการเพิ่มขึ้นอย่างเห็นได้ชัดจากตลาดหลัก เช่น สหรัฐอเมริกา จีน ยุโรป อินเดีย และออสเตรเลีย อัตราการเข้าพักที่เติบโตร้อยละ 5 และ ราคาห้องพักเฉลี่ยที่เติบโตร้อยละ 4 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน เน้นย้ำถึงความน่าสนใจของประเทศไทยในฐานะจุดหมายปลายทางการท่องเที่ยวชั้นนําและความแข็งแกร่งของพอร์ตสินทรัพย์ของ MINT โรงแรมในสมุย ภูเก็ต และกรุงเทพฯ มีส่วนแบ่งการตลาดเพิ่มขึ้นและทําผลงานได้เหนือความคาดหมาย ด้วยการเติบโตของรายได้เฉลี่ยต่อห้องต่อคืนร้อยละ 32 10 และ 11 จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ตามลําดับ ธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับโรงแรมภายใต้ ไมเนอร์ โฮเทลส์ ซึ่งได้รวมหน่วยธุรกิจ ค้าปลีก ได้เห็นความสำเร็จจากป๊อป มาร์ทที่ขณะนี้มีถึง 6 สาขาในกรุงเทพฯ และเป็นส่วนสําคัญที่ช่วยเสริมความสามารถในการทํากําไรของกลุ่มธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับโรงแรม


ในช่วงไตรมาส 2 ปี 2567 ไมเนอร์ ฟู้ดยังคงรายงานผลประกอบการที่แข็งแกร่ง โดยส่วนใหญ่มาจากการดําเนินงานในประเทศไทยและสิงคโปร์ ยอดขายโดยรวมทุกสาขา (Total-System-Sales) ในประเทศไทยซึ่งเป็นศูนย์กลางที่ใหญ่ที่สุดเติบโตร้อยละ 7.4 ในขณะที่สิงคโปร์เพิ่มขึ้นที่ร้อยละ 12.8 ซึ่งสะท้อนถึงการเป็นผู้นำส่วนแบ่งทางการตลาดของไมเนอร์ฟู้ดในทั้งสองตลาด

การเติบโตนี้ได้รับแรงหนุนจากโปรแกรมความภักดีที่ประสบความสําเร็จและการนําเสนอผลิตภัณฑ์ที่เป็นนวัตกรรมใหม่ในช่วงที่ความต้องการรับประทานอาหารในร้านฟื้นตัว เช่น ซิซซ์เลอร์นำเสนอเมนูคอมโบสลัดบาร์บุฟเฟ่ต์และโปรตีนที่ขายดีที่สุด และเดอะ พิซซ่า คอมปะนี นำเสนอ BiTE ซึ่งเป็นอาหารจานเดียว ที่เหมาะสําหรับการจัดส่ง ความพยายามเหล่านี้เพิ่มความน่าสนใจของแบรนด์สามารถสร้างฐานลูกค้าที่กว้างขึ้นและเพิ่มโอกาสในการรับประทานอาหารที่หลากหลาย ส่งผลให้ยอดขายต่อร้านเดิมเติบโตอย่างแข็งแกร่งที่ร้อยละ 7.1 และ 2.8 สําหรับซิซซ์เลอร์ และ เดอะ พิซซ่า คอมปะนี ตามลําดับ

การได้รับประโยชน์จากการดำเนินธุรกิจขนาดใหญ่ช่วยทำให้อัตรากําไรดีขึ้น ผลการดําเนินงานที่แข็งแกร่งของกิจการร่วมค้าหนุนให้ ไมเนอร์ ฟู้ด สามารถบรรลุการเติบโตอย่างมีนัยสําคัญทั้งในส่วนของรายได้และผลกำไร ด้วยกําไรสุทธิจากการดำเนินงานเพิ่มขึ้นร้อยละ 36 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน


จากผลการดำเนินงานและส่วนของผู้ถือหุ้นที่แข็งแกร่งของ MINT บริษัทยังคงสามารถลดอัตราส่วนหนี้สินที่มีภาระดอกเบี้ยสุทธิต่อทุนลดลงจาก 1.01 เท่า ณ สิ้นปี 2566 เป็น 0.96 เท่า ณ สิ้นเดือนมิถุนายน ปี 2567 การลดลงนี้ถือเป็นผลสำเร็จถึงแม้ว่าจะมีการขยายการลงทุนอย่างต่อเนื่อง ทั้งการยกระดับอสังหาริมทรัพย์ การ รีแบรนด์ รวมถึงมีการจ่ายเงินปันผลที่ 0.32 บาทต่อหุ้นในช่วงไตรมาสที่ 2 ของปี 2567
MINT เปิดตัวโรงแรม ในช่วง 6 เดือนแรกของปี 2567 โดยมีทั้งโรงแรมในประเทศฟินแลนด์ที่บริษัทเช่าบริหาร และโรงแรมภายใต้สัญญารับจ้างบริหารในแอฟริกาใต้ มัลดีฟส์ ศรีลังกา และไทย ซึ่งรวมถึงโรงแรมเอ็นเอช แห่งแรกใน โยฮันเนสเบิร์ก แอฟริกาใต้ และการเปิดตัวโรงแรมภายใต้สัญญารับจ้างบริหารของ เอ็นเอช และ เอ็นเอช คอลเลคชั่น จำนวน 4 โรงแรม ในประเทศ ศรีลังกาและมัลดีฟส์ ซึ่งทาง ไมเนอร์ โฮเทลส์ ได้มีการดำเนินธุรกิจในรูปแบบที่บริษัทเป็นเจ้าของเองอยู่แล้ว
นอกจากนี้ การที่บริษัทได้เล็งเห็นศักยภาพและโอกาสในการเติบโตของประเทศอินโดนีเซีย MINT ได้ขยาย แดรี่ ควีน ไปยังเมืองใหม่ๆ ในประเทศอินโดนีเซีย เช่น บาหลีและบันเติน ในช่วงต้นปีที่ผ่านมา

ทั้งนี้ กลยุทธ์ในการขยายธุรกิจทั้งในส่วนของธุรกิจโรงแรมและธุรกิจร้านอาหาร เป็นการตอกย้ำความมุ่งมั่นของ MINT ในการบรรลุเป้าหมายการเติบโตโดยเฉพาะอย่างยิ่งภายใต้โมเดลธุรกิจแบบลดการถือครองสินทรัพย์ หรือ Asset-Light และเน้นการเพิ่มความหลากหลายของธุรกิจเป็นสำคัญ


นายดิลิป ราชากาเรีย ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่ม MINT มีความมั่นใจในความแข็งแกร่งของธุรกิจของ MINT สำหรับช่วงที่เหลือของปี 2567 “จากการที่ยุโรปเตรียมเข้าสู่ ไฮซีซั่นอีกครั้งในเดือนกันยายนและตุลาคม ซึ่งจะมีทั้งกิจกรรมความบันเทิงต่างๆ และกีฬา รวมถึงการประชุมทางธุรกิจ ในขณะที่แถบเอเชียจะเข้าช่วงไฮซีซั่นใน ไตรมาสที่ 4 ซึ่งเราพร้อมที่จะขับเคลื่อนการเติบโตอย่างต่อเนื่องด้วยกลยุทธ์ที่นำความริเริ่มสร้างสรรค์สิ่งใหม่ ประกอบกับแบรนด์ระดับพรีเมียมและสินทรัพย์ต่างๆ ใน พอร์ตโฟลิโอเป็นสิ่งสำคัญที่ทำให้มั่นใจได้ว่าเราสามารถได้รับประโยชน์อย่างเต็มที่จากโอกาสที่จะเข้ามา สามารถเพิ่มส่วนแบ่งทางการตลาดในตลาดเป้าหมาย และส่งต่อผลลัพธ์อันยอดเยี่ยมนี้ให้กับทั้งผู้ถือหุ้นและผู้มีส่วนได้ส่วนเสียของเราต่อไป ทั้งนี้ ในช่วงครึ่งหลังของปีคาดว่าจะมีกระแสเงินสดที่แข็งแกร่ง และสภาพคล่องอยู่ในเกณฑ์ที่ดี ส่งผลให้อัตราส่วนหนี้สินต่อทุนของเราจะลดลงอย่างต่อเนื่อง ในช่วง 6 เดือนหลังของปี 2567”

บริษัท ไมเนอร์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) (MINT) เป็นผู้นำในการดำเนินธุรกิจระดับสากล ประกอบด้วย 2 ธุรกิจหลัก ได้แก่ ธุรกิจโรงแรมและธุรกิจร้านอาหาร MINT ดำเนินธุรกิจโรงแรมทั้งในรูปแบบเป็นเจ้าของเอง บริหารจัดการ และร่วมลงทุน โดยมีโรงแรมและเซอร์วิส สวีทมากกว่า 550 แห่ง ภายใต้แบรนด์อนันตรา, อวานี, โอ๊คส์, ทิโวลี, เอ็นเอช คอลเลคชั่น, เอ็นเอช, นาว, เอเลวาน่า, แมริออท, โฟร์ซีซั่นส์, เซ็นต์ รีจิส, เรดิสัน บลู และโรงแรมในกลุ่มไมเนอร์ อินเตอร์เนชั่นแนล ใน 57 ประเทศในเอเชียแปซิฟิก ตะวันออกกลาง แอฟริกา คาบสมุทรอินเดีย ยุโรป อเมริกาใต้ และอเมริกาเหนือ

นอกจากนี้ MINT ยังเป็นผู้นำในธุรกิจร้านอาหาร ซึ่งมีขนาดใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งในเอเชีย โดยมีร้านอาหารกว่า 2,600 สาขา ใน 24 ประเทศ ภายใต้แบรนด์เดอะ พิซซ่า คอมปะนี, เดอะ คอฟฟี่ คลับ, ริเวอร์ไซด์, เบนิฮานา, ไทย เอ็กซ์เพรส, บอนชอน, สเวนเซ่นส์, ซิซซ์เลอร์, แดรี่ ควีน, เบอร์เกอร์ คิง, คอฟฟี่ เจอนี่ และกาก้า นอกเหนือจากร้านอาหารพันธมิตรเชิงกลยุทธ์กว่า 1,000 สาขา (เช่น S&P และเบรดทอล์ค)













กำลังโหลดความคิดเห็น