การตลาด - สถาบันวิจัยความเป็นอยู่ฮาคูโฮโด อาเซียน (ประเทศไทย) หรือ Hakuhodo Institute of Life and Living ASEAN (THAILAND) เผยผลสำรวจฉบับพิเศษ ฮาคูโฮโด ชี้ภาพรวมครึ่งปีมังกรทอง คนไทยสดใสกว่าที่เคย ครึ่งแรกของปี คนไทยเอ็นจอยประสบการณ์ใหม่ ผ่านเทศกาลและเทรนด์ต่างๆ พร้อมทั้งแนะแบรนด์ปรับตัวตามกระแส เปิดรับสิ่งใหม่ เพิ่มโอกาสในการจับจ่าย
สถาบันวิจัยความเป็นอยู่ฮาคูโฮโด อาเซียน (ประเทศไทย) หรือ Hakuhodo Institute of Life and Living ASEAN (THAILAND) จัดทำผลสำรวจฉบับพิเศษเรื่องการคาดการณ์พฤติกรรมการใช้จ่ายของผู้บริโภคในประเทศไทยประจำเดือนมิถุนายน พ.ศ.2567 โดยในการทำผลสำรวจฉบับพิเศษครึ่งปีแรกนี้ เผยให้เห็นถึงกระแสความต้องการของผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงไปตามเทรนด์ ด้วยมุมมองใหม่และกระแสใหม่นี้ ทำให้ภาพรวมคะแนนความต้องการในการใช้จ่ายของคนไทยในครึ่งปีแรกมีค่าเฉลี่ยที่สูงขึ้นว่าปีที่ผ่านมา โดยอยู่ที่ 66 คะแนน ในขณะที่ช่วงเวลาเดียวกันของปีที่ผ่านมาอยู่ที่ 64 คะแนน
ผลสำรวจฉบับนี้ นับว่าเป็นผลสำรวจฉบับพิเศษที่รวบรวมผลรวมจากครึ่งปีแรก ภาพรวมสดใสกว่าปีที่ผ่านมาเมื่อเทียบกับผลสำรวจประจำเดือนมิถุนายน พ.ศ.2566 โดยเฉพาะในเทศกาลต่าง ๆ ที่คนไทยได้ใช้ชีวิตอย่างเต็มที่ผ่านประสบการณ์ใหม่ ๆ ไม่ว่าจะเป็นเทศกาลตรุษจีนหรือเทศกาลสงกรานต์ที่จัดงานอย่างยิ่งใหญ่
ล่าสุดกับการฉลอง Pride Month ที่จัดขึ้นทั่วประเทศในฐานะ Top Pride Friendly Destination สำหรับชาว LGBTQ+ ทั่วโลก ทั้งที่ กรุงเทพฯ เชียงใหม่ พัทยา ภูเก็ต และเกาะสมุย โดยมีทั้งการเดินขบวนพาเหรด การแต่งตัวอย่างสร้างสรรค์ และการจัดนิทรรศการศิลปะ
ด้วยกระแสใหม่และเทรนด์ใหม่ที่กำลังเป็นที่น่าจับตามอง นายธีรเมศร์ นิติจรรยาวงศ์ ผู้อำนวยการฝ่ายวางแผนกลยุทธ์ สถาบันวิจัยความเป็นอยู่ฮาคูโฮโด อาเซียน (ประเทศไทย) หรือ Hakuhodo Institute of Life and Living ASEAN (THAILAND) ได้ให้คำแนะนำกับแบรนด์ต่าง ๆ เพื่อนำไปปรับใช้ให้เข้ากับความต้องการของผู้บริโภคไว้ 3 ข้อใหญ่ ดังนี้
1. BrandFest: Celebrate the values that brand believes in.
เทศกาลต่างๆ นับว่าเป็นโอกาสสำคัญในการจับจ่าย ด้วยโอกาสนี้แบรนด์สามารถสร้างโอกาสในการขายได้ด้วยการสร้างเทศกาลประจำแบรนด์ขึ้นมา เพื่อสร้างภาพที่น่าจดจำและเปิดประสบการณ์ใหม่ เพื่อสะท้อนค่านิยมและความเชื่อของแบรนด์ เช่น Equlity Festival มหกรรมลดเท่ากันทั้งร้าน โดยเป็นการส่งเสริมความเท่าเทียม
2. Emphasize Thainess: Set brand’s communication mood & tone with Thai identity.
การเชื่อมโยงแบรนด์กับคนไทยด้วยความเป็นไทย โดยแบรนด์สามารถเพิ่มคาแรคเตอร์แบบไทย ๆ ให้กับตัวตนของแบรนด์ได้ เช่น ความเป็นมิตร ความใจดีและอารมณ์ดี หรือการเปิดกว้างในการรับสิ่งใหม่ ๆ เช่น การทำ Realtime Marketing Implication เติมลูกเล่นเพิ่มสีสันในการพูดคุยกับแฟนเพจด้วยศัพท์ใหม่ที่ฮิตติดกระแส
3. New wave of Mutelu: Adopt Mutelu to be one of brand’s signature.
เรื่องมู ๆ เป็นอีกหนึ่งสิ่งสำคัญที่อยู่คู่กับคนไทยสายมูเตลู โดยเฉพาะเมื่อคนไทยยังต้องเจอกับความไม่แน่นอนในสังคม ดังนั้น แบรนด์สามารถใช้โอกาสนี้ในการก้าวไปสู่การเป็นที่พึ่งทางใจให้กับคนไทย ผ่านการเชื่อมโยงเรื่องมู ๆ ให้มาเป็นส่วนหนึ่งของแบรนด์แบบถาวร เช่น Annual Mutelu Trip หรือทริปไหว้ แวะ เที่ยว เสริมความปัง รับนักษัตรใหม่
นอกจากการให้คำแนะนำกับแบรนด์ต่าง ๆ แล้วนั้น การทำผลสำรวจฉบับพิเศษนี้ สามารถชี้มุมมองอินไซด์ของคนไทยผ่านสิ่งใหม่ ๆ ที่ทำให้แนวโน้มหลาย ๆ อย่างของคนไทยมีการปรับเปลี่ยนไป ไม่ว่าจะเป็นเทศกาลต่าง ๆ ที่ประเทศไทยได้จัดขึ้นอย่างยิ่งใหญ่ เพื่อเพิ่มโอกาสในการท่องเที่ยวและการจับจ่ายเพื่อเติมความสุขของคนไทย รวมไปถึงข่าวสารบ้านเมืองที่เกิดขึ้นรายวัน มีส่วนช่วยกระตุ้นความสนใจให้กับคนไทยเป็นอย่างมาก กรรณ ทองศรี ผู้จัดการส่วนวางแผนกลยุทธ์ สถาบันวิจัยความเป็นอยู่ฮาคูโฮโด อาเซียน (ประเทศไทย) หรือ Hakuhodo Institute of Life and Living ASEAN (THAILAND)ได้เผยข้อมูลที่น่าสนใจไว้ดังนี้
1. เปิดประสบการณ์ที่มากกว่า ช่วยกระตุ้นคนไทยใช้จ่ายมากขึ้น
ภาพรวมครึ่งแรกของปีนี้ กลับมามีสีสันและคึกคักกว่าที่เคย ด้วยโอกาสที่เปิดกว้างมากยิ่งขึ้น ทำให้คนไทยสามารถเอ็นจอยกับประสบการณ์ใหม่ ๆ ได้มากขึ้น ไม่ว่าจะเป็น กางเกงช้าง ที่กลับมาฮิตติดกระแสจากการโปรโมทของรัฐบาล รวมไปถึงความฮอตของกระแส Art Toy ที่กำลังเป็นที่นิยมในวงกว้าง ยังรวมไปถึงประสบการณ์ความบันเทิงต่าง ๆ ทั้งจากศิลปินจากไทย เกาหลี และตะวันตก ที่มาจัดแสดงคอนเสิร์ตกันไว้เว้นแต่ละเดือน ส่งผลให้ภาพรวมค่าเฉลี่ยในการช้อปของคนไทยปรับตัวขึ้นมาเป็น 66 คะแนน ในขณะที่ช่วงเวลาเดียวกันของปีที่ผ่านมาอยู่ที่ 64 คะแนน
2. บรรยากาศสดใส แต่ใจยังสุขไม่สุด ภาพรวมคะแนนความสุขคนไทยทรงตัว ไม่เพิ่ม ไม่ลด
ในครึ่งปีแรกนี้ ความสุขของคนไทยยังคงทรงตัว ด้วยปัจจัยหลายอย่างที่เข้ามาช่วยฟื้นฟูจิตใจของคนไทย แต่ก็ยังมีปัจจัยแฝงที่ทำให้คนไทยมีความสุขได้อย่างไม่เต็มที่ ไม่ว่าจะเป็น ความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจและสังคม ข่าวสารบ้านเมืองที่เกิดขึ้นรายวัน ยังนับว่าเป็นความท้าทายหลักของคนไทย โดยเฉพาะค่าครองชีพที่สูงขึ้นและอากาศที่ร้อนจากปรากฎการณ์เอลนีโญ ทั้งหมดนี้ล้วนเป็นปัจจัยสำคัญที่ส่งผลต่อความสุขของคนไทย
3. ต่างวัย ต่างใจ ต่างจ่าย: เทศกาล เป็นโอกาสจับจ่ายสำคัญสำหรับตัวเองและครอบครัว
กว่าครึ่งของคนไทยใช้ช่วงเวลาเทศกาลเป็นโอกาสและเหตุผลพิเศษในการใช้จ่าย และที่น่าสนใจคือ 29% เน้นใช้จ่ายเพื่อ self-love และยังมีอีกจำนวนไม่น้อยที่เลือกใช้จ่ายเพื่อ family-love และเมื่อแยกเป็นภาพรวมความต้องการใช้จ่ายตามช่วงอายุ จะเห็นได้ว่า วัย 40-49 ปี เน้นใช้จ่ายช่วงเทศกาลตามธรรมเนียมประเพณีรวมไปถึงการใช้จ่ายเพื่อคนในครอบครัว และวัย 20-29 ปี มีแนวโน้มหยุดพักการใช้จ่ายเพื่อรอจังหวะที่เหมาะสมหรือช่วงเวลาแห่งโปรโมชัน
ในส่วนท้ายของผลสำรวจในครั้งนี้ สถาบันวิจัยฮาคูโฮโด อาเซียน ประเทศไทย ยังแสดงให้เห็นถึงความสนใจของคนไทยในช่วงครึ่งปีแรก เมื่ออ้างอิงจากกระแส และเทรนด์ใหม่แล้วนั้น ยังมีเรื่องที่ทำให้คนไทยเป็นกังวล ไม่ว่าจะเป็นเรื่องปัญหาอากาศและมลภาวะเป็นพิษที่ยังแก้ไม่หาย ข่าวสารรายวันเรื่องศีลธรรม รวมไปถึงความรุนแรงทางสังคม แต่ในขณะเดียวกันก็ยังมีเรื่องที่ทำให้คนไทยใจฟู ไม่ว่าเทรนด์ใหม่จะมาเยอะแค่ไหนคนไทยก็พร้อมอินทุกกระแส เช่น Art Toy หรือเพลงเมร่อน ที่กำลังมาแรงในตอนนี้
ทั้งนี้ สถาบันวิจัยความเป็นอยู่ฮาคูโฮโด อาเซียน (ประเทศไทย) หรือ Hakuhodo Institute of Life and Living ASEAN (THAILAND) ทำการศึกษาเกี่ยวกับ "การคาดการณ์พฤติกรรมการใช้จ่ายของผู้บริโภคในประเทศไทย" ทุก ๆ สองเดือน โดยผลสำรวจการคาดการณ์พฤติกรรมการใช้จ่ายของผู้บริโภคในประเทศไทยประจำเดือนมิถุนายน พ.ศ. 2567 เป็นผลสำรวจจากการรวบรวมข้อมูลจากวันที่ 17 ถึง 25 เมษายน พ.ศ. 2576 โดยมุ่งเน้นเกี่ยวกับแนวโน้มและพฤติกรรมการบริโภคของคนไทยในอนาคต ผ่านการทำแบบสอบถามเชิงปริมาณและเชิงคุณภาพ จากประชากรเพศชายและหญิงจำนวน 1,200 คน อายุระหว่าง 20-59 ปี จาก 6 ภูมิภาค ทั่วประเทศ
Hakuhodo Institute of Life and Living ASEAN คือศูนย์วิจัยแห่งใหม่ของกลุ่มฮาคูโฮโดในภูมิภาคอาเซียน ก่อตั้งขึ้นในปี ค.ศ. 2014 โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อช่วยเหลือบริษัทต่างๆ ภายในประเทศสมาชิกภูมิภาคอาเซียนในเรื่องของข้อมูลการตลาด รวมทั้งสังเกตไลฟ์สไตล์ใหม่ๆ ที่จะเกิดขึ้น โดยการวิจัยของฮาคูโฮโดจะเป็นการวิจัยที่มุ่งเน้นการศึกษา Sei-katsu-sha หรือ ผู้คนที่ใช้ชีวิตอยู่ในสังคม (Life Living Person) ซึ่งถือเป็นหัวใจสำคัญของปรัชญาของฮาคูโฮโด ที่ไม่เพียงแค่อธิบายผู้คนในฐานะผู้บริโภคที่ขับเคลื่อนเศรษฐกิจ แต่อธิบายถึงความเป็นบุคคลของผู้บริโภคที่มีชีวิต จิตใจ ไลฟ์สไตล์ แรงบันดาลใจ และความฝันที่แตกต่างกันไปในแต่ละบุคคล