ผู้จัดการรายวัน 360- อั้นไม่ไหวแล้ว “อายิโนะโมะโต๊ะ” ประกาศปรับขึ้นราคาผงชูรสเฉลี่ย 4% มีผลตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป ลั่นปี 67 ปักธงกลุ่มเสริมอาหาร พร้อมเปิดตัวธุรกิจใหม่จากผู้นำตลาดอาหารสู่เซอร์วิสสุดล้ำ กับ "แอปพลิเคชัน i-Livewl - แพลตฟอร์มกินดีมีสุขฉบับมนุษย์เงินเดือน" มั่นใจรายได้ปีงบประมาณ 67 จะโตกว่า GDP ของประเทศ จากปีก่อนปิดรายได้ที่ 32,000 ล้านบาท
นายอิชิโระ ซะกะกุระ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท อายิโนะโมะโต๊ะ (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่า จากสภาพอากาศที่ร้อนมากในช่วงที่ผ่านมา ได้ส่งผลต่อผลผลิตมันสำปะหลังและกาแฟลดน้อยลง ซึ่งเป็นวัตถุดิบหลักของบริษัท ทำให้ภาพรวมต้นทุนปีนี้สูงขึ้น ทางบริษัทเองจึงมีการนำระบบการประเมินต้นทุนในระยะยาวมาใช้ พร้อมนำข้อมูลมาปรับใช้ทุกเดือนเพื่อรับมือ บวกกับมุ่งลดต้นทุนด้านการผลิต และลดการใช้จ่ายฟุ่มเฟือยต่างๆ เข้ามาเสริม แต่สุดท้ายแล้วทางบริษัทได้พิจารณาปรับขึ้นราคาในกลุ่มผงชูรสเฉลี่ย 4% มีผลตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป
โดยจะเป็นการปรับราคาในไซซ์ใหญ่เป็นหลัก ส่วนไซซ์เล็กสุดยังคงราคาเดิม เพื่อให้ส่งผลกระทบกับผู้บริโภคน้อยที่สุด ส่วนสินค้ากลุ่มอื่นๆ ยังไม่มีแผนปรับราคา ซึ่งการปรับขึ้นราคาผงชูรสครั้งที่ผ่านมาคือในปี 2565 โดยปีนั้นปรับขึ้น 10%
ทั้งนี้ปัจจุบันตลาดรวมผงชูรสมีมูลค่า 20,000 ล้านบาท โตปีละ 1-3% แนวโน้มการบริโภคจะเป็นกลุ่มร้านอาหารริมทางที่เติบโตขึ้น ส่วนภาคครัวเรือนกลับมาปกติ เพราะกลับมาใช้ชีวิตและรับประทานอาหารนอกบ้านมากขึ้น จากช่วงโควิดที่หันมาทำอาหารกินเอง และเรื่องสุขภาพมีส่วนในการบริโภคผงชูรสลดลง
นายอิชิโระ กล่าวต่อว่า อย่างไรก็ตามกว่า 100 ปีที่ผ่านมา อายิโนะโมะโต๊ะได้ดำเนินธุรกิจด้วยการใช้ "ศาสตร์แห่งกรดอะมิโน" มุ่งส่งเสริมคุณภาพชีวิตของผู้คนทั่วโลกให้กินดีมีสุขตลอดมา ตั้งเป้าภายในปี 2030 จะยืดอายุขัยให้ผู้คนมีสุขภาพดีให้ได้ 1,000 ล้านคนทั่วโลก และลดผลกระทบทางสิ่งแวดล้อมลงอีก 50%
สำหรับประเทศไทย ในปีนี้พร้อมตอกย้ำวิสัยทัศน์การเป็นผู้นำ "กินดีมีสุข" อย่างยั่งยืน ใน 3 ด้าน คือ 1.ผู้บริโภค 2.สังคม/สิ่งแวดล้อม 3.พนักงาน โดยปีนี้จะมีการเปิดตัวสินค้าใหม่ทั้งหมด 10 รายการ และเป็นกลุ่มเสริมอาหาร 2-3 ตัว ซึ่งปีนี้บริษัทจะให้ความสำคัญกับกลุ่มเสริมอาหารเป็นหลัก จากปัจจุบันมีอยู่ 2 แบรนด์ คือ Amino Vital และ Amino House ซึ่งตามแผนถึงปี 2030 จะเปิดตัวผลิตภัณฑ์เสริมออกมาอีกกว่า 10 รายการ หรือใน 6 ปี นับจาก 2024-2030 บริษัทจะใช้งบลงทุนรวมกว่า 4,400 ล้านบาท
ขณะเดียวกันในปีนี้ถือเป็นครั้งแรกที่บริษัทต่อยอดความเชี่ยวชาญจากผู้ผลิตอาหารสู่เซอร์วิส ด้วยการเปิดตัวนวัตกรรมสุขภาพสำหรับองค์กร แอปพลิเคชัน “i-LiveWl”- แพลตฟอร์มกินดีมีสุขฉบับมนุษย์เงินเดือน ร่วมมือกับพันธมิตรผู้เชี่ยวชาญทางด้านเทคโนโลยีเพื่อสุขภาพ Invitrance พัฒนาแอปรุกตลาดการดูแลสุขภาพเชิงป้องกันด้วยโมเดลธุรกิจแบบ B2B เตรียมเจาะ 50 บริษัททั่วไทยที่มีนโยบายเกี่ยวกับการส่งเสริมสุขภาพของพนักงาน เพื่อปลั๊กอินยกระดับสุขภาพพนักงานออฟฟิศด้วยเทคโนโลยีดิจิทัล เสริมไลฟ์สไตล์สร้างความกินดีมีสุข ดูแลสุขภาพกาย-ใจให้ดีแบบองค์รวม
โดยมีฟิเจอร์หลัก คือ 1. A.I. Personal Health คำนวณแคลอรี่ นับก้าวเดิน ทำอาหาร ออกกำลังกาย การประเมินสุขภาพ ที่เชื่อมโยงกับภารกิจของบริษัท 2. Entertainment Activity เกมและอวตาร คอมมูนิตี้ และรางวัลพิเศษ ซึ่งจะช่วยให้องค์กรสามารถป้องกันและดูแลสุขภาพที่ดีแก่พนักงานให้ "กินดีมีสุข" อย่างยั่งยืน ตั้งเป้ามีพนักงานผู้ใช้งานกว่า 3,000 คน ภายในปี 2025 จากแผนที่วางไว้ คาดการณ์ว่าในปีงบประมาณ 2567 (เม.ย 67-มี.ค 68) บริษัทจะมีรายได้เติบโตมากกว่า GDP ของประเทศไทย จากปี2566 ที่ปิดรายได้ที่ 32,000 ล้านบาท มาจาก 1.กลุ่มเครื่องปรุงรส/ ผงชูรส สัดส่วน 40% 2.ยำยำ, เบอร์ดี้ และเสริมอาหาร สัดส่วน 40% 3.B2B สัดส่วน 15% และ4. อื่นๆ 5%
จากปัจจุบันอายิโนะโมะโต๊ะถือเป็นเบอร์ 8 ของกลุ่มธุรกิจผู้ผลิตอาหาร ซึ่งมีผลิตภัณฑ์ที่ทำรายได้หลักและครองส่วนแบ่งทางการตลาดสูงที่สุด คือ 1.ผงชูรสอายิโนะโมะโต๊ะ มีส่วนแบ่งตลาด 93% 2.รสดี มีแชร์ในตลาด 89% 3.กาแฟกระป๋องเบอร์ดี้ มีแชร์ในตลาด 53% และ4.ยำยำ อยู่ในอันดับที่ 2 หรือมีแชร์ในตลาด 21% ทั้งนี้ในอนาคตอาจมีปรับหน่วยธุรกิจใหม่ โดยกลุ่มธุรกิจใหม่จะประกอบด้วย แอป i-LiveWl และกลุ่มเสริมอาหารเข้าด้วยกัน ซึ่งคิด
เป็นสัดส่วนเพียง 5% เท่านั้นในปีนี้.