“สุริยะ” ยันไม่เอื้อเอกชน เจรจาลดค่าทางด่วนเหลือ 50 บาทตลอดสายได้ใช้ปีนี้ พร้อมสร้าง Double Deck แลกต่อสัมปทาน 22 ปี 5 เดือน ช่วยลดภาระประชาชนและแก้รถติด มั่นใจทุกขั้นตอนโปร่งใส เป็นธรรมต่อทุกฝ่าย ชี้ปรับส่วนแบ่งรายได้ กทพ.ไม่เสียเปรียบ
นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เปิดเผยว่า จากที่ให้นโยบายการทางพิเศษแห่งประเทศไทย (กทพ.) ไปพิจารณาแก้ไขปัญหาจราจรติดขัดบนทางพิเศษในพื้นที่ชั้นในกรุงเทพมหานคร (กทม.) รวมถึงการปรับปรุงระบบค่าผ่านทางด่วนขั้นที่ 1 และขั้นที่ 2 ช่วงงามวงศ์วาน-พระราม 9 ให้เหลือไม่เกิน 50 บาทตลอดสายนั้น ขณะนี้ กทพ.ได้เจรจากับบริษัท ทางด่วนและรถไฟฟ้ากรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือ BEM ผู้รับสัมปทานเรียบร้อยแล้ว โดยจะขยายสัญญาออกไปอีก 22 ปี 5 เดือน พร้อมกับลงทุนก่อสร้างโครงการทางพิเศษยกระดับชั้นที่ 2 สายงามวงศ์วาน-พระราม 9 (Double Deck) และได้ส่งร่างสัญญาที่จะมีการแก้ไขเพิ่มเติมไปให้สำนักงานอัยการสูงสุดตรวจสอบแล้ว คาดว่าจะใช้เวลาประมาณ 1 เดือน กระบวนการจากนั้น กทพ.จะเสนอมาที่กระทรวงคมนาคมเพื่อพิจารณาและเสนอคณะรัฐมนตรี (ครม.) เห็นชอบต่อไป
ทั้งนี้ เมื่อแก้สัญญาเรียบร้อย คาดว่าจะเริ่มจัดเก็บค่าผ่านทางไม่เกิน 50 บาทตลอดสายภายในปี 2567 โดยตามเงื่อนไขผลเจรจาสัญญาต่อขยายใหม่จะมีการปรับค่าผ่านทางทุก 10 ปี โดยคำนวณตามดัชนีผู้บริโภค (CPI) ซึ่งในภาพรวมประชาชนจะประหยัดค่าใช้จ่ายลง เพราะไม่ต้องจ่ายค่าผ่านทางซ้ำซ้อน
นอกจากนี้ การก่อสร้างทางด่วนชั้นที่ 2 ช่วงงามวงศ์วาน-พระราม 9 (Double Deck) เพื่อแก้ปัญหาการจราจรให้มีประสิทธิภาพสูงสุดนั้น รัฐบาลไม่ต้องลงทุนเอง ให้เอกชนผู้รับสัมปทานเป็นผู้ลงทุนทั้งหมด เดิมมีการเจรจากับเอกชนโดยแลกกับการขยายสัญญาทางด่วนขั้นที่ 1 และขั้นที่ 2 อยู่แล้ว พอมีนโยบายลดค่าผ่านทางเหลือ 50 บาทจึงนำมาเจรจาร่วมกัน และสรุปขยายสัญญาออกไปอีก 22 ปี 5 เดือน มีรายละเอียดทางการเงิน ผลตอบแทนการลงทุน (IRR) ที่สามารถอธิบายได้ว่าการลงทุนกับสิ่งที่ให้แลกเปลี่ยนกับเอกชนสมเหตุสมผล ไม่ได้มากเกินไป
@ลดค่าผ่านทางเพื่อประชาชน ปรับส่วนแบ่งรายได้ กทพ.ไม่เสียเปรียบ
ส่วนกรณีที่พนักงาน กทพ.แสดงความกังวลว่า การปรับลดส่วนแบ่งรายได้จะส่งผลทำให้ กทพ.มีรายได้ลดลงและกระทบไปถึงการส่งเงินเข้ากระทรวงการคลังด้วยนั้น นายสุริยะกล่าวว่า ตนเห็นใจพนักงานแต่อยากให้มองในแง่ที่ กทพ.เป็นหน่วยงานรัฐวิสาหกิจมีหน้าที่ดำเนินงานเพื่ออำนวยความสะดวกแก่ประชาชน และค่าผ่านทางที่ไม่สูงไป ซึ่งการเจรจาลดค่าผ่านทางเหลือ 50 บาท ตลอดสายจะเป็นประโยชน์ต่อประชาชน กรณีที่ กทพ.อาจจะลดส่วนแบ่งรายได้ ผู้ว่าฯ กทพ.ตรวจสอบแล้วว่าเป็นข้อเสนอและการเจรจาที่กทพ.ไม่เสียเปรียบแน่นอน
“ยืนยันว่าการแก้สัญญาไม่มีการเอื้อประโยชน์ให้เอกชน ผมในฐานะที่เป็นนักการเมืองมาจากการเลือกตั้ง สิ่งสำคัญที่สุดต้องดูเรื่องผลประโยชน์ที่ประชาชนจะได้รับ ตอนนี้เสียงสะท้อนประชาชนรอให้ลดค่าทางด่วน อยากให้พนักงานเข้าใจเพราะที่สุดแล้วรายได้ กทพ.จะไม่หาย ส่วนก่อสร้าง Double Deck โครงการใหญ่ สร้างในพื้นที่จำกัดทำงานค่อนข้างลำบาก คงต้องใช้เวลากว่า 3 ปีจึงจะแล้วเสร็จ”
นายชยธรรม พรหมศร ปลัดกระทรวงคมนาคม กล่าวเพิ่มเติมว่า การขยายสัญญาแลกกับลดค่าผ่านทางและก่อสร้าง Double Deck นั้น วัตถุประสงค์ของเรื่องนี้ คือ เพื่อแก้ปัญหาจราจรติดขัดบนทางด่วน แต่เนื่องจากทางด่วนขยายพื้นที่ไม่ได้จึงต้องก่อสร้าง Double Deck หรือทางด่วนชั้นที่ 2 เพื่อเพิ่มช่องจราจร ซึ่งหาก กทพ.ลงทุนก่อสร้างเอง แล้วเกิดมีผลกระทบต่อทางด่วนด้านล่าง ซึ่งมีเอกชนเป็นผู้รับสัมปทานจะมีประเด็นฟ้องร้องได้ จึงต้องเจรจากับเอกชนให้เข้ามาดำเนินการแทน กทพ. ไม่ได้เป็นการเอื้อประโยชน์แต่อย่างใด
ประกอบกับนโยบาย รมว.คมนาคม ที่เห็นว่าการจัดเก็บค่าผ่านทางซ้ำซ้อน ไม่เป็นธรรมต่อประชาขน พอมีสัญญาใหม่หรือต่อขยายเส้นทางก็เก็บเพิ่ม จึงให้ กทพ.แก้ปัญหาไปพร้อมกัน โดยให้พิจารณาสูงสุด 50 บาทตลอดสาย
สำหรับผลการเจรจาระหว่าง กทพ.กับเอกชนให้ก่อสร้างทางด่วนชั้นที่ 2 (Double Deck) และลดอัตราค่าทางด่วนเหลือ 50 บาทจะขยายสัญญาสัมปทานออกไปอีก 22 ปี 5 เดือน โดยนับต่อจากวันสิ้นสุดสัญญาเดิมปี 2578 ซึ่งจะทำให้สัญญาสัมปทานกรณีมีการลงทุน Double Deck ไปสิ้นสุดในปี 2601และลดส่วนแบ่งรายระหว่าง กทพ.กับเอกชน จากปัจจุบัน กทพ. 60 เอกชน 40 เป็น 50 ต่อ 50
