ภาครัฐฯ จับมือ ภาคีเครือข่ายภาคเอกชนธุรกิจชั้นนำมากกว่า 100 องค์กรในไทย ร่วมจัดงาน LOVE PRIDE ♡ PARADE 2024 ส่งท้ายเดือนแห่งเทศกาล PRIDE หวังต่อยอดผลักดันกรุงเทพฯ ขึ้นแท่น Entertainment Hub of Asia
นางสาวศุภลักษณ์ อัมพุช ประธานกรรมการบริหาร บริษัท เดอะมอลล์ กรุ๊ป จำกัด ในฐานะ รองประธานภาคีเครือข่ายภาคเอกชน กล่าวว่า จะจัดงาน ”LOVE PRIDE ♡ PARADE 2024 “ ขึ้นในวันที่ 30 มิถุนายนนี้ ภายใต้ความร่วมมือของรัฐบาลโดยกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา กระทรวงมหาดไทย กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ กระทรวงวัฒนธรรม คณะกรรมการพัฒนาซอฟต์พาวเวอร์แห่งชาติ กรุงเทพมหานคร การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย การกีฬาแห่งประเทศไทย พร้อมด้วยภาคีเครือข่ายภาคเอกชนจากธุรกิจต่างๆ ได้แก่
1.กลุ่มธุรกิจรีเทล ประกอบด้วย กลุ่มบริษัท เดอะมอลล์ กรุ๊ปและบริษัทในเครือ, บริษัท สยามพิวรรธน์ จำกัด, ศูนย์การค้าเซ็นทรัลเวิลด์ และเซ็นทรัลรีเทล ภายใต้กลุ่มเซ็นทรัล
2.กลุ่มสถาบันการเงิน ธนาคารต่างๆ เช่น กรุงเทพ, ไทยพาณิชย์, ยูโอบี, กสิกรไทย, อิออน, ทหารไทยธนชาติ, วีซ่า และมาสเตอร์การ์ด
3.กลุ่มธุรกิจพลังงาน อสังหาริมทรัพย์และก่อสร้าง ได้แก่ ช.การช่าง, ชิโน-ไทย เอ็นจีเนียริ่งแอนด์คอนสตรัคชั่น, พี.โอเวอร์ซีส์ สตีล, ปูนซีเมนต์ไทย และคาม่าร่วมทุน
4.กลุ่มธุรกิจอุปโภคบริโภค ได้แก่ ไทยเบฟเวอเรจ, บุญรอดเทรดดิ้ง, ดับเบิ้ล เอ (1991) และเรนวูด เบฟ เป็นต้น
5.กลุ่มธุรกิจสายการบิน รถยนต์ โรงแรม ได้แก่ เจแปน แอร์ไลน์, เวียตเจท, โรงแรมศุโกศล, ดุสิตธานี, อโนมา, อนันตรา, Honda และมิลเลนเนียม กรุ๊ป คอร์ปอเรชั่น (เอเชีย)
6.กลุ่มธุรกิจแฟชั่น ได้แก่ H&M / D’ARK / JASPAL
7.กลุ่มธุรกิจบันเทิง ได้แก่ เมเจอร์ ซินีเพล็กซ์, เอสเอฟ คอร์ปปอเรชั่น, ทิฟฟานี่โชว์ พัทยา และทีพีเอ็น โกลบอล เป็นต้น
และอีกมากกว่า 100 องค์กรชั้นนำ จัดงาน LOVE PRIDE ♡ PARADE 2024 พาเหรดยาวที่สุดในเอเชีย 6 กิโลเมตร เพื่อฉลองส่งท้ายเดือนแห่งเทศกาล PRIDE
สำหรับงาน LOVE PRIDE ♡ PARADE จะเป็นหนึ่งในคอนเทนต์เทศกาล PRIDE ของประเทศไทย ที่จะช่วยปักหมุด Pride Festival Destination สำหรับนักท่องเที่ยวกลุ่ม LGBTQIAN+ อีกทั้งยังเป็นโอกาสอันดีที่จะผลักดันกรุงเทพมหานคร ให้สามารถแข่งขันได้กับประเทศเพื่อนบ้านในเอเชีย สำหรับการก้าวสู่ Entertainment Hub of Asia เมืองหลวงแห่งกิจกรรมและความบันเทิงของเอเชีย เพื่อบรรลุเป้าหมายเศรษฐกิจสร้างสรรค์ ควบคู่กับการสร้างภาพลักษณ์ประเทศไทยในการเป็น LGBTQIAN+ Friendly ดึงนักท่องเที่ยวคุณภาพกลุ่ม LGBTQIAN+ ที่มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นทั่วโลกทุกปี
พร้อมผลักดันกรุงเทพฯ เป็นเจ้าภาพจัด WORLD PRIDE 2030 เพื่อดึงนักท่องเที่ยว เข้ามาท่องเที่ยวในไทยเพิ่มขึ้น นอกเหนือจากเทศกาลสงกรานต์ เพื่อสร้างเม็ดเงินหมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจ 5 วัน ถึง 2.8 พันล้านบาท
สำหรับเทศกาล PRIDE รัฐบาลคาดการณ์ว่า จะมีเม็ดเงินไม่ต่ำกว่าหนึ่งหมื่นล้านบาท โดยงาน LOVE PRIDE ♡ PARADE ในวันที่ 30 มิถุนายนนี้ จะเป็นหนึ่งในอีเว้นท์ที่คาดว่าจะมีส่วนช่วยให้เกิดเม็ดเงินหมุนเวียนในเศรษฐกิจ เพราะคาดว่าจะมีประชาชนทั่วไป ชาวต่างชาติ รวมถึงนักท่องเที่ยวจากทั่วทุกมุมโลก เข้าร่วมชมงานตลอดเส้นทางจากย่านปทุมวัน ย่านสยาม ย่านราชประสงค์ ย่านเพลินจิต ย่านอโศก ย่านสุขุมวิท เส้นทางกรุงเทพฯ ชั้นกลางต่อเนื่องชั้นในที่เป็นเขตศูนย์กลางธุรกิจ การค้า การบริการ การพยาบาล วัฒนธรรม การศึกษา การทูต และศูนย์การค้าชั้นนำ ที่มีความยาวขบวน 6 กิโลเมตรกว่า 1 ล้านคน
โดยการจัดงานครั้งนี้ ได้รับเกียรติจากนายกรัฐมนตรี เศรษฐา ทวีสิน จะเป็นประธานในการปล่อยขบวน LOVE PRIDE ♡ PARADE บริเวณสนามกีฬาแห่งชาติ ศุภชลาศัย ในวันที่ 30 มิถุนายนนี้ ประชาชนสามารถร่วมชมขบวนตลอดเส้นทาง และสามารถชมผ่านเฟชบุคไลฟ์ Facebook: THE MALL, EMPORIUM EMQUARTIER และ EMSPHERE, Youtube: THE MALL พร้อมร่วมกิจกรรมบันเทิง คอนเสิร์ตเฉลิมฉลองส่งท้ายเดือนแห่งเทศกาล PRIDE ภายในอุทยานเบญจสิริ ถนนสุขุมวิท ตั้งแต่เวลา 18.30 น. เป็นต้นไป
นางสาวศุภลักษณ์ กล่าวต่อว่า เศรษฐกิจไทยครึ่งปีหลังมีโอกาสฟื้นตัวหากรัฐบาลจัดกิจกรรมเกี่ยวกับการดึงดูดนักท่องเที่ยว เช่น ดึงนักร้องชื่อดังระดับโลก เทย์เลอร์ แอลิสัน สวิฟต์ เข้ามาจัดคอนเสิร์ตในไทย พร้อมผลักดันให้ไทยกลายเป็นศูนย์กลางเอ็นเตอร์เทนเม้นต์ระดับโลก นอกจากนี้ยังควรเร่งขยายพื้นที่สนามบินรองรับนักท่องเที่ยวที่จะเพิ่มขึ้นในอนาคต และแก้กฎหมายล้าหลังบางฉบับ
“เวลาปิดเปิดและพื้นที่เอ็นเตอร์เทนเม้นต์ของไทยยังถูกจำกัดให้บริการ แม้ที่ผ่านมามีการขยายเวลาปิดบริการถึงตี 4 แต่ก็จำกัดเพียงเฉพาะย่านสีลม พัฒน์พงษ์ อาร์ซีเอ เท่านั้น ดังนั้น รัฐบาลควรเพิ่มพื้นที่ในย่านใหม่ๆ พร้อมขยายเวลาให้นานขึ้น รวมทั้งเปิดเมืองทุกเมืองนอกจากกรุงเทพฯ ภูเก็ต พัทยา ให้มีตลาดโต้รุ่ง การค้าขายจะได้คึกคักมากขึ้น“ นางสาวศุภลักษณ์ กล่าวทิ้งท้าย.