NSL Foods ร่วมงาน THAIFEX - ANUGA 2024 ตอกย้ำผู้นำอุตสาหกรรมอาหารจาก Innovation ตอบโจทย์คนยุคใหม่ใส่ใจความยั่งยืนผ่านการใช้ซ้ำ พร้อมเดินหน้าขยายตลาดเอเชียเพิ่ม มั่นใจปีนี้รายได้แตะ 5,600 ล้าน โต 19% ระยะยาวส่งออกสำคัญ เชื่อรายได้ทะลุ 6,000 ล้านใน 3 ปี
นายสมชาย อัศวปิยานนท์ กรรมการผู้อำนวยการ บริษัท เอ็นเอสแอล ฟู้ดส์ จำกัด (มหาชน) หรือ NSL Foods ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์เบเกอรี อาหารรองท้อง รวมไปถึงนำเข้าและจัดจำหน่ายอาหารทะเล เนื้อสัตว์แช่แข็ง เปิดเผยว่า การเข้าร่วมงาน THAIFEX - ANUGA 2024 ส่วนหนึ่งเพื่อช่วยขยายตลาดให้กว้างขึ้น โดยงาน THAIFEX - ANUGA 2024 ปีนี้มาพบกันได้ที่อิมแพ็ค เมืองทองธานี Challenger 2 Booth 2-W01 ซึ่ง NSL Foods ได้ขนสินค้าทั้งแบรนด์ของบริษัทเอง และสินค้าร่วมทุนกับพันธมิตรไปโชว์ในงานมากมาย
นายสมชายกล่าวต่อว่า แผนการดำเนินงานของบริษัทยังคงมุ่งตอกย้ำความเป็นผู้นำในอุตสาหกรรมอาหารด้วยการเน้นพัฒนาสินค้านวัตกรรม ทั้งรูปแบบสินค้า และนวัตกรรมการผลิต เพื่อตอบสนองความต้องการผู้บริโภคยุคใหม่ให้ครอบคลุมในหลายมิติ จากสินค้าปัจจุบันที่รู้จักในร้านสะดวกซื้อเซเว่นอีเลฟเว่น อาทิ แซนด์วิชอบร้อน รวมทั้งสินค้าแบรนด์ใหม่ ข้าวแท่ง อาหารพร้อมรับประทาน ผ่านการสร้างสรรค์นวัตกรรมการรับประทานข้าวด้วยการใช้มือเพียงข้างเดียว เช่น ข้าวกะเพราไก่คลุก ข้าวเหนียวหมูย่าง ข้าวเหนียวทุเรียน ข้าวเหนียวอัญชันมะพร้าวลำไย
นอกจากนี้ ได้ให้ความสำคัญต่อความยั่งยืน (Sustainability) ทั้งในส่วนของกระบวนการผลิต การจัดจำหน่ายสินค้า และลดการสูญเสียต่างๆ เช่น วัตถุดิบของเหลือจากการผลิต และการเลือกใช้แพกเกจจิ้งที่รักษ์โลก สามารถนำกลับมาใช้ใหม่ได้ เช่น แพกเกจจิ้งของข้าวแท่ง
ปัจจุบัน NSL Foods ดำเนินธุรกิจแบ่งออกเป็น 3 กลุ่มหลัก คือ 1. OEM กับสินค้าประเภทเบเกอรีที่จำหน่ายอยู่ใน 7-11 ทำรายได้ 85% 2. โอนแบรนด์ กับสินค้าเบเกอรี แบรนด์ NSL ที่จำหน่ายตามร้านสะดวกซื้ออื่นๆ และซูเปอร์มาร์เกต และ 3. ฟูดเซอร์วิส กับอาหารแช่แข็งประเภทปลา เนื้อ ให้บริการเชนสโตร์ต่างๆ ซึ่งกลุ่มที่ 2 และ 3 นี้ทำรายได้รวมกันที่ 15% โดยทั้ง 3 กลุ่มนี้คาดว่าจะทำรายได้ 5,600 ล้านบาท โต 19% ในปีนี้
อย่างไรก็ตาม ในส่วนของธุรกิจส่งออกนั้น ในปี 2566 ที่ผ่านมาบริษัทยังได้จัดตั้งบริษัทย่อยในชื่อ บริษัท เอ็นเอสแอล อินเตอร์เทรด (2023) จำกัด ด้วยทุนจดทะเบียน 20 ล้านบาท ใช้ในการส่งสินค้าออกไปจำหน่ายในภูมิภาคเอเชีย และเริ่มส่งออกไปจีนและฮ่องกง กับสินค้านวัตกรรมที่น่าสนใจ เช่น ข้าวแท่ง ที่มีทั้งขายผ่านหน้าร้าน 5 สาขา ส่งออกไปยังฮ่องกง และให้บริการบนสายการบิน ไลออน แอร์ และอาหารรีพอร์ตที่เก็บได้ถึง 1-2 ปี ทำให้ช่วงปีที่ผ่านมาทำรายได้อยู่ที่ 100 ล้านบาท ซึ่งมองว่าอนาคตธุรกิจส่งออกจะสำคัญมากขึ้น จึงเน้นการเติบโตแบบคู่ขนาน เชื่อว่าใน 3-4 ปีรายได้รวมจะแตะที่ 6,000 ล้านบาทได้
