xs
xsm
sm
md
lg

เปิดสูตรสำเร็จ “บังโต” สร้างตำนาน แองกัสเนื้อแท้

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



การตลาด - เปิดวิชัน แนวคิด วิธีการ “บังโต-วีรชน ศรัทธายิ่ง” หรือโต อดีตนักร้องนำวง Silly Fools ผู้ผันตัวจากนักร้องสู่นักธุรกิจ ร้านอาหาร เนื้อแท้ และเครือข่าย กว่าสิบปี ล่าสุดอัปเกรดสู่ผู้นำเข้าเนื้อวัวแองกัสออสเตรเลียรายใหญ่ที่สุดในไทย ด้วยกลยุทธ์ครบวงจร พร้อมแผนธุรกิจรุกตลาดร้านอาหาร


“วีรชน ศรัทธายิ่ง” หรือปัจจุบันรู้จักกันในชื่อ “บังโต เนื้อแท้” จากอดีตศิลปินนักร้องนำวง Silly Fools ที่หลงใหลในการรับประทานเนื้อวัว ผู้ที่ใช้ทักษะความเป็นศิลปินในการบริหารธุรกิจเพื่อสังคม กับความฝันที่อยากเห็นประเทศไทยมีเนื้อวัวดีๆ ที่มีคุณภาพ ผันตัวสู่การทำธุรกิจเนื้อวัวเต็มรูปแบบ ด้วยการเป็นผู้ก่อตั้งและดำรงตำแหน่ง CEO ของบริษัท คอมพานี บี จำกัด เมื่อเกือบสิบปีที่ผ่านมา หรือที่คนทั่วไปคุ้นหูกับชื่อร้าน “เนื้อแท้” ซึ่งเป็นหนึ่งในแบรนด์ธุรกิจร้านอาหารของบังโต

จากประสบการณ์และความพยายามในการพัฒนาธุรกิจเนื้อวัวกว่าหนึ่งทศวรรษ เพื่อให้ได้ผลิตภัณฑ์ที่ดีที่สุดซึ่งเป็นปณิธานอันแรงกล้าของบังโตที่จะไม่ยอมทรยศต่อความตั้งใจของตนเองเป็นอันขาด วันนี้ เนื่องในโอกาสครบรอบ 10 ปี ของการก่อตั้งบริษัท บังโตยินดีที่จะประกาศให้คนไทยทุกคนรู้ถึงความตั้งใจอันแน่วแน่ เมื่อความใฝ่ฝันคือเนื้อวัวคุณภาพที่ดีที่สุด และวันนี้มันเกิดขึ้นแล้วกับผลิตภัณฑ์ใหม่ในชื่อ “แองกัสของเนื้อแท้”

“บังโต วีรชน ศรัทธายิ่ง” พูดถึงความเป็นมาของผลิตภัณฑ์ใหม่ไว้ว่า “เนื้อวัวสายพันธุ์แองกัส คือเนื้อวัวที่ผมใฝ่ฝันมาตลอดตั้งแต่เริ่มก่อตั้งบริษัท คอมพานี บี ขึ้นมา แต่ด้วยข้อจำกัดในหลายๆ ด้าน ทั้งเรื่องค่าใช้จ่ายในการนำเข้าที่มีมูลค่าสูง รวมไปถึงจำนวนการนำเข้าที่ก่อนหน้านี้ผมไม่มีความสามารถ และอุปสรรคที่สำคัญที่สุดคือวัวสายพันธุ์แองกัสแท้ไม่สามารถนำมาเลี้ยงในสภาพอากาศเมืองไทยได้”


“แต่ด้วยประสบการณ์ ความรู้ที่สั่งสมและโอกาสต่างๆ ที่เข้ามาซึ่งทำให้ปัจจุบันนี้ข้อจำกัดต่างๆ ได้พังทลายลง ทำให้ตอนนี้ซึ่งครบ 10 ปีที่ทำธุรกิจพอดี ผมมีความสามารถที่จะนำเนื้อวัวในฝันของผมมานำเสนอให้คนไทยได้ลิ้มรสชาติความอร่อยในแบบฉบับที่ผมให้ความมั่นใจ ด้วยกับผลิตภัณฑ์ใหม่ในชื่อ “แองกัสของเนื้อแท้”

ทั้งนี้ “แองกัสของเนื้อแท้” จะเป็นเนื้อวัวที่แตกต่างออกไปจากเนื้อวัวสายพันธุ์ก่อนหน้านี้ที่เนื้อแท้เคยทำและแตกต่างจากเนื้อนำเข้าในตลาดทั่วๆ ไป ทั้งในเรื่องของคุณภาพที่เนื้อจะมีความนุ่มละมุน ไขมันแทรกกำลังดี กลิ่นหอมชัดเจนเป็นเอกลักษณ์ รวมไปถึงความแตกต่างในด้านของกระบวนการผลิต เพราะ “แองกัสของเนื้อแท้” ไม่ใช่เนื้อวัวอะไรก็ได้หรือแองกัสอะไรก็ได้เหมือนผู้นำเข้าเนื้อวัวรายอื่นๆทั่วไป แต่เป็นเนื้อวัวแองกัสที่ผมคัดเลือกตั้งแต่น้ำเชื้อจากฟาร์มเมอร์ซึ่งเป็น 1 ใน 3 ผู้พัฒนาสายพันธุ์แองกัสแท้ที่ใหญ่ที่สุดในประเทศออสเตรเลีย เรียกได้ว่า “วัวตัวไหนที่ไม่ได้มาจากพ่อพันธุ์ตัวที่ผมกำหนดผมไม่เอา” เพื่อให้เกิดความมั่นใจว่าวัวทุกตัวที่เราคัดสรรเป็นเลือดแองกัสแท้ 100% อีกทั้งเรายังใส่ใจในเรื่องของการพัฒนามัดกล้ามเนื้ออย่างถูกต้อง วัดผลได้ด้วยตัวเลขทางวิทยาศาสตร์ ใส่ใจรายละเอียดตั้งแต่การกิน การนอน การใช้ชีวิต เพื่อเป็นการควบคุมให้วัวถูกพัฒนาและเติบโตด้วยกับสุขภาพร่างกายและสุขภาพจิตใจที่ดี ซึ่งกระบวนการนี้จะส่งผลโดยตรงต่อคุณภาพของเนื้อวัว และเรายังคัดเลือกโรงขุนที่มีคุณภาพสูงเป็นลำดับต้นๆ ของออสเตรเลียเพื่อให้มั่นใจว่าวัวแองกัสแท้ทุกตัวที่เราได้คัดเลือกจะถูกขุนด้วยธัญพืชอย่างดีที่สุด (Grain Fed 120 days)

ขั้นตอนสุดท้ายเราคัดเลือกโรงงานที่ได้รับมาตรฐานฮาลาลและมาตรฐานต่างๆ ตามหลักสากลและนำเข้ามาประเทศไทยด้วยวิธีการแช่เย็น (Chilled) ไม่ใช้วิธีการแช่แข็ง (Freez) เพื่อให้มั่นใจว่าผลิตภัณฑ์ “แองกัสของเนื้อแท้” จะยังคงมีคุณภาพเนื้อสัมผัสที่ดีและมีความสดใหม่อยู่ตลอดเวลา... สำหรับลูกค้าในกลุ่มธุรกิจโรงแรมและร้านอาหารหรือแม้กระทั่งลูกค้ารายย่อยทั่วไป

ในส่วนของเนื้อสด บังโตย้ำว่าจะเริ่ม kick off เต็มรูปแบบในเดือนมิถุนายนที่จะถึงนี้ พร้อมกับการทำโปรโมชันอย่างน่าสนใจ ดึงดูดสายเนื้อที่ต้องการลองผลิตภัณฑ์ใหม่ “แองกัสของเนื้อแท้” ช่วงเปิดตัว เนื้อสเต๊กไพรม์คัตลด 10% และเนื้อสเต๊กสเปเชียลคัตลด 20% เริ่มตั้งแต่วันนี้ ไปจนถึง 31 พฤษภาคม 67


ขณะที่ธุรกิจร้านอาหารนั้น ก็มีความเคลื่อนไหวเพื่อรองรับกับการเคลื่อนทัพสู่ผู้นำเข้าเนื้อวัวแองกัสจากออสเตรเลียด้วยเช่นกัน และถือเป็นดีมานด์ที่ใช้เองที่สำคัญ ไม่แพ้กับการเป็นซัปพลายเออร์ให้กับร้านค้าส่ง ร้านอาหารอื่นๆ ด้วย

นายนภศูล รามบุตร ผู้ร่วมก่อตั้งและผู้ดูแลหลักทางด้านการเงินและบัญชี ตำแหน่ง Operating Executive บริษัท คอมพานี บี จำกัด กล่าวว่า เบื้องต้นนี้ร้านอาหารในเครือทั้งหมดของเนื้อแท้ได้หันมาใช้เนื้อวัวแองกัสนำเข้าจากออสเตรเลียแล้ว 100% แต่ในแง่ของเน้อวัวเดิมที่มีอยู่ในสต๊อก คาดว่าภายใน 4-5 เดือนจากนี้จะสามารถระบายและจำหน่ายได้หมด

ส่วนทางด้านธุรกิจร้านอาหารนั้น บริษัทฯ มีแผนที่จะขยายธุรกิจทางด้านร้านอาหารอย่างต่อเนื่อง เพราะเป็นอีกหนึ่งธุรกิจหลัก ควบคู่ไปกับการเป็นผู้นำเข้าเนื้อวัวแองกัสจากออสเตรเลีย เนื่องจากต้องการทำธุรกิจครบวงจร ตั้งแต่ ต้นน้ำ กลางน้ำ และปลายน้ำ

โดยปีนี้มีแผนที่จะขยายสาขาร้านขนาดใหญ่หรือร้านเนื้อแท้ อีกไม่ต่ำกว่า 4 สาขา และสาขาร้านอาหารแบรนด์อื่นในขนาดเล็กประมาณ 3-4 สาขา


โดยเฉพาะอย่างยิ่งในปีนี้จะมีการเปิดตัวแบรนด์ใหม่อย่างเป็นทางการในเร็วๆ นี้ หลังจากที่ได้มีการทดลองเปิดบริการไปบ้างแล้ว แบรนด์นี้จะมาในโมเดลใหม่คือ ร้าน Wok กะ Steak ที่จะมีทั้งอาหารที่มีเนื้อวัวแองกัสเป็นหลักกับเมนูหลักอย่างกะเพราเนื้อแองกัส ผัดกะเพรา และสเต๊ก จำหน่ายด้วย แตกต่างจากร้าน เนื้อแท้ Wok ที่เน้นขายเมนูข้าวเป็นหลัก ซึ่งแบรนด์เนื้อแท้ Wok ก็เปิดตามฟูดคอร์ตเป็นหลักประมาณ 8 แห่ง

ทั้งนี้ แบรนด์เนื้อแท้ Wok และร้าน Wok กะ Steak จะเป็นแบรนด์หลักอีกแบรนด์หนึ่งในการขายแฟรนไชส์ได้ด้วย และมีแผนการขยายออกต่างประเทศด้วยเช่นกัน เนื่องจากเป็นแบรนด์ที่ลงทุนไม่สูงมากเกินไป ใช้พื้่นที่ไม่มาก มีความคล่องตัวในการมองหาทำเล ส่วนเมนูหลักก็คือกะเพรา ซึ่งเป็นเมนูยอดฮิตของคนไทยอยู่แล้วเหมือนสตรีทฟูดทั่วไป ขณะนี้เปิดสาขาแรกแล้วที่ โลตัสอ่อนนุช ส่วนสาขาที่สองเตรียเปิดที่สุขาภิบาล 1

ปัจจุบัน เนื้อแท้ มีร้านอาหารในเครือรวม 7 แบรนด์ ประกอบด้วยแบรนด์ เนื้อแท้ เป็นแบรนด์หลัก, ร้านเนื้อแท้ Wok, ร้านเนื้อแท้ Wok กะ Steak ( เป็นโมเดลใหม่ที่กำลังจะเปิดตัวในเร็วๆ นี้), ร้าน The Beef Maste, ร้านเซียนเตี๋ยว แบ่งเป็น 21 สาขาใหญ่ 8 สาขาย่อย รวมเป็น 29 สาขา และมีธุรกิจขายเนื้อสดอีก 1 แบรนด์ คือเนื้อแท้บุชเชอรี่


กับเป้าหมายรายได้รวมปีนี้ที่ 750-800 ล้านบาท เติบโตจากปีที่แล้วที่ทำยอดขายรวมได้ 500 ล้านบาท ซึ่งนภศูลมั่นใจว่า จะทำได้ เพราะพิจารณาจากปริมาณการนำเข้าผลิตภัณฑ์เนื้อวัวแองกัสแท้ของบริษัทเองประมาณ 700 ตัน ซึ่งจะเป็นทั้งการซัปพลายให้กับผู้ประกอบการรายอื่น ในธุรกิจอาหาร ร้านอาหาร โรงแรม ร้านค้าส่ง เป็นต้น ซึ่งได้มีการเจรจาหาลูกค้าแล้วซึ่งส่วนใหญ่ก็เป็นกลุ่มลูกค้าเดิมที่ป้อนเนื้อวัวให้มาก่อนหน้านี้ และใช้เองด้วย

ขณะที่ปี 2566 มีปริมาณการนำเข้าเนื้อวัวประมาณ 400 ตัน และเมื่อปี 2565มีปริมาณการนำเข้าอยู่ที่ 360 ตัน ซึ่งตัวเลขนำเข้าปีนี้ที่ 700 ตันต่อปี ถือได้ว่าเป็นผู้นำเข้าเนื้อวัวแองกัสแท้จากออสเตรเลียที่มีการควบคุมเองมากที่สุดในไทย

อย่างไรก็ตาม แผนการขยายสาขาในอนาคตจากนี้ไป จำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องใช้เงินลงทุนค่อนข้างมาก จึงมีแผนที่จบนำบริษัทฯ เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ด้วยในอนาคต ซึ่งปัจจุบันบริษัทฯ มีทุนจดทะเบียน 137 ล้านบาท คาดว่าจะต้องมีการเพิ่มทุนโดยเมื่อถึงวันนั้นควรมีรายได้ขั้นต่ำที่ 1,500 ล้านบาทและมีกำไรระดับ 100 กว่าล้านบาท

บังโตกล่าวย้ำว่า แม้ว่าจะต้องเข้าตลาดหุ้นเพื่อระดมเงินมาขยายกิจการ แต่วันนั้นก็ยังคงต้องเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ เพื่อให้สามารถควบคุณภาพมาตรฐานได้ทั้งหมด


หลักๆ ตามแผนงานคือ การขยายความสามารถหรือกำลังผลิตในการซัปพลายที่โรงงานรามคำแหง

ทั้งนี้ ไตรมาสแรกปีนี้ทำยอดขายได้แล้วกว่า 150 ล้านบาท ขณะที่สัดส่วนรายได้ 70% จะมาจากร้านอาหาร ส่วน 30% คือเนื้อ ส่วนปีที่แล้าทำยอดขายรวมได้ 500 ล้านบาท

โดยปี 2561 มีรายได้ประมาณ 110 ล้านบาท และปี 2562 มีรายได้ประมาณ 169 ล้านบาท ส่วนปี 2563 มีรายได้ประมาณ 203 ล้านบาท และปี 2564 มีรายได้ประมาณ 216 ล้านบาท

อีกประการที่ท้าทาย เนื้อแท้ของ บังโต คือเป้าหมายที่อยากจะทำให้เนื้อแท้เป็นรีจินัลแบรนด์ หรือแบรนด์ระดับภูมิภาคให้ได้ภายในปี 2570 ซึ่งจะเป็นไปได้หรือไม่นั้น สิ่งที่สำคัญคือ การหาพาร์ตเนอร์ที่มีความสามารถและเข้ากันได้กับเรา ซึ่งที่ผ่านมาก็มีผู้สนใจแล้วในตลาด อินโดนีเซีย มาเลเซีย ตะวันออกกลาง เป็นต้น ที่สนใจจะนำแฟรนไชส์ร้านอาหารในเครือไปลงทุน

ประเด็นนี้บังโตย้ำว่า “เหมือนกับว่าเราตอนเป็นนักร้อง เราก็อยากจะดังระดับโลก เมื่อเรามาทำแบรนด์หรือร้านอาหารของเรา เราก็ต้องทำให้คนไทยทั้งประเทศชอบ และเราก็อยากจะเป็นแบรนด์ระดับโลกด้วย ที่คนทั้งโลกควรจะได้รับรู้และชิมเนื้อวัวแองกัสที่ดีมีคูุณภาพ

บทรุกจากนี้ของเนื้อแท้ของ บังโต ต้องจับตาดูว่า แนวทาง วิธีคิด และการทำพร้อมกลยุทธ์ของเขา จะผลักดันให้ เนื้อแท้ และเครือข่าย รวมทั้ง แองกัสของเนื้อแท้ ประสบความสำเร็จและติดตลาดอย่างไร






กำลังโหลดความคิดเห็น