“ผอ.สุวรรณภูมิ”ยืนยันผู้โดยสาร”สิงคโปร์แอร์ไลน์”เสียชีวิต 1 ราย บาดเจ็บรวม 69 ราย ส่งโรงพยาบาล 55 ราย อีก 14 รายเจ็บเล็กน้อย เผยเข้าปฎิบัติการช่วยเหลือภายใต้แผนฉุกเฉิน ส่วนสาเหตุรอกพท.ลงพื้นที่สอบสวน
จากกรณีที่สายการบินสิงคโปร์แอร์ไลน์ เที่ยวบิน SQ321 เส้นทางจากท่าอากาศยานฮีทโธรว์ ปลายทางท่าอากาศยานชางงี ขอลงจอดฉุกเฉินที่ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ (ทสภ.) เนื่องจากมีผู้โดยสารได้รับบาดเจ็บจากเหตุเครื่องบินตกหลุมอากาศ โดยเที่ยวบินดังกล่าวได้ลงจอดที่ ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ วันที่ 21 พ.ค. 2567 เวลา 15.51 น.
นายกิตติพงศ์ กิตติขจร ผู้อำนวยการท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มาหชน) หรือทอท. กล่าวว่า เครื่องบินของ สิงคโปร์แอร์ไลน์ เที่ยวบิน SQ321 ได้เกิดเหตุตกหลุมอากาศขณะบินอยู่ในน่านฟ้าประเทศไทย จึงได้แจ้งขอลงจอดฉุกเฉินที่จอดที่ ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ โดยนักบินแจ้งว่าบนเครื่องบินมีผู้บาดเจ็บด้วย ทางสุวรรณภูมิ จึงได้เตรียมความพร้อมในการเข้าปฎิบัติตามแผนกำหนด และฝ่ายแพทย์ที่จะเข้าถึงเครื่องบินได้โดยเร็ว
แต่เมื่อเข้าไปถึงเครื่องบินพบว่า มีผู้ได้รับบาดเจ็บเป็นจำนวนมากและมีผู้เสียชีวิตด้วย ดังนั้นจึงมีการขออนุมัติผู้อำนวยการท่าอากาศยานสุวรรณภูมิเพื่อใช้แผนรปฎิบัติการฉุกเฉิน ที่ให้ทุกหน่วยงานที่มีส่วนเกี่ยวข้องสามารถเข้าพื้นที่ได้
โดยในเวลา 19.15 น. สรุปจำนวน ผู้บาดเจ็บ รวมทั้งสิ้น 69 ราย (ผู้โดยสาร 60 รายมีลูกเรือ 9 ราย ) แบ่งเป็น บาดเจ็บวิกฤติ 7 ราย (นำส่งรพ.) บาดเจ็บปานกลาง 23 ราย + ลูกเรือ บาดเจ็บปานกลาง 9 ราย (นำส่งรพ.) บาดเจ็บเล็กน้อย นำส่งโรงพยาบาล 16 ราย และบาดเจ็บเล็กน้อย รักษาที่ holding area 14ราย และ มีเสียชีวิต 1 ราย เป็นชายชาวอังกฤษ สาเหตุที่เสียชีวิตมาจากตัวผู้โดยสารเป็นโรคหัวใจ ขณะเดียวกัน ไม่พบผู้บาดเจ็บและเสียชีวิตที่มีสัญชาติไทย ทั้งนี้ เที่ยวบินดังกล่าวมีผู้โดยสารจำนวน 211 คน และลูกเรือจำนวน 18 คน
ส่วนเที่ยวบินที่จะเดินทางมารับผู้โดยสารเดินทางต่อไปยังประเทศสิงคโปร์นั้น จะมามาถึงสนามบินประมาณ 21.45-22.00 น. เมื่อเครื่องบินมาถึงก็จะนำผู้โดยสารส่งถึงเครื่องบินทันที โดยมีการจัดพื้นที่และมีอาหารดูแล
ทั้งนี้ นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมสั่งการโดยตรงมาแล้วว่า ให้ดูแลผู้โดยสารทุกคนอย่างดีที่สุด ทั้งในเรื่องมาตรการรักษาความปลอดภัย ขอให้ทำอย่างรวดเร็วและเป็นมาตรฐานทั้งฝ่ายแพทย์ที่ต้องทำให้ดี ส่งโรงพยาบาลให้ทันเวลา โดยโรงพยาบาลที่นำผู้โดยสารไปรักษาต่อที่โรงพยาบาลสมิติเวช ศรีนครินทร์
ส่วนการสอบสวนสาเหตุต่างๆ นั้น ทางสำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทย (กพท.) จะมีการเข้าพื้นที่ โดยจะสอบสวนทางอากาศยานและสอบสวนนักบินต่อไป