“สุวรรณภูมิ” ลำเลียงผู้โดยสาร "สิงคโปร์แอร์ไลน์" ที่บาดเจ็บส่งโรงพยาบาลเรียบร้อย หลังเหตุตกหลุมอากาศขอลงจอดฉุกเฉิน เบื้องต้นเสียชีวิต 1 ราย จากผู้โดยสารทั้งหมด 211 คน และลูกเรือ 18 คน ส่วนผู้โดยสารที่เหลือให้เข้ามาพักรอในอาคารเทียบเครื่องบิน รอบินกลับชางงี 21.45 น.
วันนี้ (21 พฤษภาคม 2567) เวลา 15.35 น. ศูนย์รักษาความปลอดภัยท่าอากาศยานสุวรรณภูมิได้รับแจ้งจากหอบังคับการบินว่า สายการบินสิงคโปร์แอร์ไลน์ เที่ยวบิน SQ321 เส้นทางจากท่าอากาศยานฮีทโธรว์ ปลายทางท่าอากาศยานชางงี ขอลงจอดฉุกเฉินที่ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ (ทสภ.) เนื่องจากมีผู้โดยสารได้รับบาดเจ็บจากเหตุเครื่องบินตกหลุมอากาศ โดยเที่ยวบินดังกล่าวได้ลงจอดที่ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิในเวลา 15.51 น.
ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิได้ส่งทีมแพทย์เข้าพื้นที่โดยทันทีเพื่อประเมินอาการและให้การช่วยเหลือผู้ได้รับบาดเจ็บ พร้อมกันนี้ ได้ประกาศเข้าแผนฉุกเฉินกรณีเหตุฉุกเฉินในเที่ยวบิน และอยู่ระหว่างนำส่งผู้ได้รับบาดเจ็บไปยังโรงพยาบาลเพื่อให้การรักษาต่อไป
รายงานข่าวแจ้งยอดผู้บาดเจ็บ จำนวนทั้งสิ้น 30 ราย เสียชีวิตจำนวน 1 ราย โดยเที่ยวบินดังกล่าวมีผู้โดยสารจำนวน 211 คน และลูกเรือจำนวน 18 คน
สำหรับผู้โดยสารที่ได้รับบาดเจ็บเล็กน้อยหรือไม่ได้รับบาดเจ็บ ขณะนี้ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิจัดพื้นที่พักรอให้ผู้โดยสารภายในอาคารเทียบเครื่องบิน โดยมีเจ้าหน้าที่สนามบินร่วมกับสายการบินดูแลและอำนวยความสะดวกผู้โดยสาร เพื่อรอเดินทางไปยังสิงคโปร์ต่อไป
ด้านนายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เปิดเผยว่า วันนี้ (21 พฤษภาคม 2567) ได้รับรายงานจากบริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) หรือ ทอท. เวลา 15.35 น. โดยศูนย์รักษาความปลอดภัยท่าอากาศยานสุวรรณภูมิได้รับแจ้งจากหอบังคับการบินว่า สายการบินสิงคโปร์แอร์ไลน์ เที่ยวบิน SQ321 เส้นทางฮีทโธรว์-ชางงี ประเทศสิงคโปร์ มีผู้โดยสารจำนวน 211 คน และลูกเรือจำนวน 18 คน ขอลงจอดฉุกเฉินที่ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ เนื่องจากมีผู้ได้รับบาดเจ็บ และเสียชีวิตบนเครื่องบิน ซึ่งมีสาเหตุเกิดจากสภาพอากาศแปรปรวน และเครื่องบินตกหลุมอากาศ ขณะทำการบินบนน่านฟ้าไทย ส่งผลให้เบื้องต้นมีผู้โดยสารชาวต่างชาติเสียชีวิต 1 ราย และกำลังอยู่ระหว่างยืนยันจำนวนผู้ได้รับบาดเจ็บ
ทั้งนี้ เครื่องบินลำดังกล่าวได้ลงจอดฉุกเฉินที่ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิเมื่อเวลา 15.51 น. ซึ่ง ทสภ.ก็ได้ส่งทีมแพทย์เข้าพื้นที่ พร้อมทั้งให้การช่วยเหลือและปฏิบัติตามแผนฉุกเฉินโดยทันที โดยมีการนำตัวผู้ได้รับบาดเจ็บ และผู้เสียชีวิตส่งโรงพยาบาลสมิติเวช ศรีนครินทร์ ส่วนผู้โดยสารที่ได้รับบาดเจ็บเล็กน้อยหรือไม่ได้รับบาดเจ็บนั้น ทสภ.ได้นำตัวผู้โดยสารเข้ามาพักรอภายในอาคารเทียบเครื่องบิน โดยมีเจ้าหน้าที่ ทสภ.ร่วมกับสายการบินฯ คอยดูแลและอำนวยความสะดวกผู้โดยสารเพื่อรอเดินทางไปยังสิงคโปร์ต่อไป โดยคาดว่าเครื่องบินจากชางงีจะเดินทางมาถึงประเทศไทยในเวลาประมาณ 21.45 น.
นายสุริยะกล่าวว่า ตนได้สั่งการให้ ทอท. พร้อมเข้าช่วยเหลือ และอำนวยความสะดวกผู้โดยสาร และลูกเรือของสายการบินที่เกิดเหตุดังกล่าวอย่างเต็มที่ พร้อมทั้งกำชับให้ทุกหน่วยงานด้านการบิน รวมถึงทุกสายการบินเน้นย้ำด้านความปลอดภัยสูงสุด เนื่องจากในช่วงเวลานี้มีสภาพอากาศแปรปรวน และฝนตกหนักในบางพื้นที่ อย่างไรก็ตาม ในส่วนของเหตุการณ์ดังกล่าวที่เกิดขึ้น หากมีความคืบหน้า หรือมีรายละเอียดเพิ่มเติม หน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะมีการรายงานให้รับทราบต่อไป