รอลุ้นราคาตลาดโลกชี้ชะตา! ทยอยปรับขึ้นราคาดีเซลได้อีก 2 บาท/ลิตรหลังรัฐไฟเขียวกำหนดเพดานดีเซลใหม่โดยให้ไม่เกิน 33 บาทต่อลิตร เพื่อเพิ่มสภาพคล่องให้กับกองทุนน้ำมันฯ หลังฐานะกองทุนฯ ติดลบ 1.07 แสนล้านบาท
แหล่งข่าวจากกระทรวงพลังงานเปิดเผยว่า หลังจากที่คณะรัฐมนตรี (ครม.) กำหนดเพดานราคาดีเซลไม่เกิน 33 บาทต่อลิตร จากปัจจุบันที่ระดับราคาขายปลีกอยู่ที่ 30.94 บาทต่อลิตร จะส่งผลให้ราคาขายปลีกดีเซลสามารถทยอยปรับขึ้นอีกประมาณ 2 บาทต่อลิตร เนื่องจากกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงประสบกับปัญหาวิกฤตสภาพคล่องจากฐานะของกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง ณ วันที่ 28 เมษายน 2567 ติดลบอยู่ 107,600 ล้านบาท แบ่งเป็นบัญชีน้ำมันติดลบ 60,145 ล้านบาท และบัญชี LPG ติดลบ 47,455 ล้านบาท
“การขยับเพดานดีเซลจะทำให้กองทุนฯบริหารจัดการในเรื่องของสภาพคล่องได้ดีขึ้น ซึ่งหมายความว่าราคาดีเซลที่ปัจจุบันอยู่ที่ลิตรละ 30.94 บาทจะทยอยปรับขึ้นได้อีก 2 บาทต่อลิตร หากต้นทุนราคาน้ำมันดีเซลตลาดโลกปรับสูงขึ้นทางกระทรวงฯ ก็คงจะต้องค่อยๆ ขยับราคาเพื่อลดภาระหนี้กองทุนฯ โดยจะพยายามปรับเป็นขั้นบันไดลดผลกระทบ ซึ่งหากราคาตลาดโลกลดก็จะยิ่งทำให้การบริหารสภาพคล่องได้ดียิ่งขึ้น ก็คงต้องขึ้นกับดีเซลตลาดโลกเป็นสำคัญ” แหล่งข่าวกล่าว
ราคาตลาดโลกอ่อนตัวช่วยราคาดีเซลนิ่ง
แหล่งข่าวกล่าวว่า หลังจากที่คณะกรรมการบริหารนโยบายพลังงานหรือ “กบน.” เคาะขึ้นราคาดีเซล 50 สตางค์ต่อลิตรแตะ 30.94 บาท/ลิตรมีผลตั้งแต่ 20 เม.ย.เป็นต้นไปหลังสิ้นสุดมาตรกาลดภาษีสรรพสามิตดีเซล 1 บาทในวันที่ 19 เม.ย. โดยใช้กลไกกองทุนฯ บริหารขยับแบบขั้นบันไดหลังฐานะกองทุนฯ ติดลบกว่า 1.03 แสนล้านบาท ซึ่งขณะนี้ยังคงรักษาระดับราคาขายปลีกดังกล่าวไว้ได้ต่อเนื่องเพราะราคาดีเซลตลาดโลกอ่อนตัวลง โดย ณ วันที่ 7 พ.ค.สามารถลดอัตราการชดเชยดีเซลเหลือ 3.58 บาทต่อลิตรแต่ก็ยังคงมีการชดเชยอยู่ทำให้ยังคงการชดเชยดีเซลเฉลี่ยเดือนละ 6,000-7,000 ล้านบาท ทำให้สามารถยืดเวลาในการขึ้นดีเซลให้ช้าลง อย่างไรก็ตาม การขยับเพดานดีเซลยังคงจำเป็นส่วนหนึ่งเพราะกองทุนฯ จะต้องสะสมเงินเพื่อการชำระเงินต้นและดอกเบี้ยโดยเฉพาะล็อตแรกในช่วงปลายปีนี้