xs
xsm
sm
md
lg

ดิจิทัลวอลเล็ต ตัวเร่งเศรษฐกิจ กระจายรายได้สู่ชุมชน

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



“ดิจิทัล วอลเล็ต” Digital Wallet เป็นนโยบายเร่งด่วนในการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาล เพื่อเพิ่มการหมุนเวียนเงินในระบบเศรษฐกิจให้กระจายตัวไปสู่ท้องถิ่นและชุมชน ซึ่งคาดว่าสามารถเพิ่มมูลค่า GDP ในระดับประเทศ และยังเป็นการสนับสนุนให้มีการใช้จ่ายในระดับครัวเรือนที่มากขึ้น โดยการเติมเงิน 10,000 บาทผ่านดิจิทัลวอลเล็ตให้ประชาชนจำนวน 50 ล้านคน คิดเป็นวงเงินรวม 500,000 ล้านบาท

การใช้จ่ายผ่านดิจิทัลวอลเล็ตสามารถเพิ่มกำลังซื้อของประชาชน โดยกระตุ้นให้เกิดการหมุนเวียนของเม็ดเงินตั้งแต่ผู้ผลิตจนถึงผู้บริโภค โดยประชาชนจะใช้จ่ายผ่านร้านค้าย่อยในชุมชน สำหรับร้านค้าจะซื้อขายสินค้าระหว่างร้านค้าด้วยกันเอง ไม่ว่าจะเป็นร้านค้ารายย่อยหรือรายใหญ่ก็ตาม  ซึ่งทำให้เกิดการขยายตัวทางธุรกิจและสร้างโอกาสการจ้างงานในชุมชนเพิ่มมากขึ้น

ประโยชน์จากโครงการนี้ชี้ให้เห็นว่า ดิจิทัลวอลเล็ตจะช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจ เพราะเงินที่แจกจ่ายจะช่วยเพิ่มการจับจ่ายใช้สอยของผู้บริโภคและกระตุ้นกิจกรรมทางเศรษฐกิจในภาคส่วนต่างๆ โดยเฉพาะในธุรกิจขนาดเล็กและธุรกิจในท้องถิ่น เช่น เกษตรกรผู้ปลูกพืชผลทางการเกษตร แล้วส่งให้ผู้ประกอบการนำไปแปรรูปเป็นสินค้าเพื่อจำหน่ายผ่านร้านค้าปลีก ร้านสะดวกซื้อต่างๆ หรือในส่วนของวิสาหกิจชุมชนก็มีส่วนร่วมในการช่วยผลิตสินค้า นอกจากนี้ ร้านสะดวกซื้ออย่างเซเว่น อีเลฟเว่นจำนวนกว่า 50% ที่เจ้าของเป็นผู้ประกอบการท้องถิ่นหรือแฟรนไชส์ ซึ่งกระจายอยู่ทั่วประเทศทำให้เกิดการจ้างงาน รับคนในท้องถิ่นมาทำงาน  และยังเป็นช่องทางในการจำหน่ายสินค้า SME ขายของที่ผลิตในประเทศไทย ก็จะสร้างรายได้และประโยชน์ต่อเศรษฐกิจชุมชนด้วย

นอกจากนี้ยังมีคนอีกกลุ่มที่จะได้รับอานิสงส์จากการที่ประชาชนมาใช้จ่ายที่ร้านค้าปลีกและร้านสะดวกซื้อในชุมชน คือ พ่อค้าแม่ค้ารายย่อยที่ขายอาหารอยู่บริเวณหน้าร้านสะดวกซื้อ เช่น ร้านก๋วยเตี๋ยว ไก่ย่าง น้ำปั่น ดอกไม้พวงมาลัย  ฯลฯ ก็น่าจะสร้างความคึกคักในการจับจ่ายและสร้างรายได้ให้ไม่น้อย

สำหรับผู้ที่มีรายได้น้อย ดิจิทัลวอลเล็ตมีศักยภาพที่จะช่วยบรรเทาภาระค่าครองชีพและยกระดับคุณภาพชีวิต เงินที่ได้รับสามารถนำไปซื้ออาหารและของใช้ในครัวเรือนได้ ช่วยให้ประชาชนมีเงินใช้มากขึ้นและมีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น
ทั้งนี้ คาดว่าประชาชนและร้านค้าสามารถเข้าร่วมโครงการในช่วงไตรมาสที่ 3 และเริ่มใช้จ่ายได้ภายในไตรมาสที่ 4 ปี 2567 และน่าจะส่งผลให้เพิ่มความคึกคักของตลาดผู้บริโภค ทำให้เงินหมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจกระจายอย่างทั่วถึง นำไปสู่ประโยชน์สำหรับประชาชนและประเทศชาติ


กำลังโหลดความคิดเห็น