การตลาด - ปีนี้คนไทยยอมเทเงินในกระเป๋า ถอยแอร์เครื่องใหม่รับมืออากาศร้อน เพราะไม่ไหวจะฝืนแล้ว เข็ดจากปีก่อนที่ว่าร้อนสุดๆ ปีนี้พี่จะไม่ทน ส่งสัญญาณบวก พบยอดขายแอร์คึกคักตั้งแต่ต้นเดือนมี.ค. ที่ผ่านมา และเครื่องใช้ไฟฟ้าหลายแบรนด์พร้อมกระหน่ำเซลล์ สาดความเย็นจัดโปรโกยทรัพย์กันรัวๆ ยิ้มหน้าบานกันทุกเจ้า ว่ากันว่าปีนี้ตลาดแอร์ 28,000 ล้านบาท จะเติบโตได้ถึง 40% สูงสุดในรอบ 8 ปี
นางสาวอภิรดี
พหลเวชช์ ผู้อำนวยการกลุ่มธุรกิจเครื่องปรับอากาศ
บริษัท
ไทยซัมซุง
อิเลคโทรนิคส์
จำกัด
เปิดเผยว่า
จากสภาพอากาศที่ร้อนมากและร้อนเร็วของปีนี้
พบว่ายอดขายแอร์เติบโตอย่างคึกคัก
สังเกตได้จากภาพรวมตลาดแอร์ในเดือน
ม.ค.-ก.พ.
ที่ผ่านมา
มียอดขายโตถึง35%
เทียบกับช่วงเดียวกันของปี
66
โตเพียง
26%
ซึ่งยอดขายรวมมาจากรุ่นธรรมดาเพียง
20%
และอีก
80%
มาจากรุ่นอินเวอร์เตอร์
จากสถานการณ์ที่เกิดขึ้น
เชื่อว่ายอดขายแอร์จะพุ่งสูงขึ้นอีก
โดยเฉพาะในช่วงหน้าร้อนนี้
จึงคาดการณ์ว่าปีนี้ตลาดแอร์มูลค่า
28,000
ล้านบาท
จากเดิมที่น่าจะโต20%
เชื่อว่าจะพุ่งได้กว่า
40%
เป็นการเติบโตที่สูงสุดในรอบ
8
ปี
“ปีนี้มั่นใจว่าตลาดแอร์จะเติบโตสูงสุดในรอบ
8-10
ปี
เพราะเพียงปลายเดือนมี.ค.ก็พุ่งไปที่
30-40%
แล้ว
แต่อากาศก็ยังร้อนสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องนับตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมา
นอกจากสภาพอากาศที่ทำให้ตลาดโตขึ้นแล้ว
ยอดขายหลักยังมาจากแอร์ที่เป็นรุ่นอินเวอร์เตอร์ด้วย
ซึ่งปัจจัยที่ผู้บริโภคตัดสินใจซื้อแอร์นั้น
มีทั้งซื้อเป็นเครื่องแรกของบ้าน
เพราะทนร้อนไม่ไหวเมื่อเทียบกับอากาศที่ร้อนกว่าปีที่ผ่านมา
และซื้อแบบเปลี่ยนแทนเครื่องเดิม
รวมถึงซื้อเครื่อง
2,
3ติดเพิ่มตามห้องต่างๆ
เพื่อสลับเปิดใช้งาน
เพราะเครื่องเดียวไม่เพียงพอต่อไปแล้ว
ขณะที่ขนาดแอร์ที่ขายดีสุด
จะอยู่ที่12,000-13,000
BTUขึ้นไป“
*** “ซัมซุงดัน AI สู่แอร์พาณิชย์
ในส่วนของซัมซุงปีนี้พร้อมนำเสนอแอร์รุ่นใหม่สู่ตลาด 3 รุ่น ตอกย้ำผู้นำ AirCare Solution แอร์ดีต้องดีกว่าแค่เย็น ซึ่งซัมซุงเป็นผู้นำด้าน AirCare ที่มี One & Only Technology ล้ำหน้าและเป็นหนึ่งเดียว ทั้งในเรื่อง WindFree™, AI Energy Mode และ SmartThings ที่จะลบ pain points ของผู้บริโภคแบบรอบด้าน
นอกจากนี้ซัมซุงยังขยายการทำงานของ AI ไปยังอุตสาหกรรมเครื่องปรับอากาศเชิงพาณิชย์ Variable Refrigerant Flow (VRF) โดยส่งรุ่น DVM S2 ด้วยความเหนือชั้นของ AI ทำให้สามารถตรวจจับสภาพอากาศในอาคารเพื่อให้ได้ประสิทธิภาพการระบายความร้อน และการทำความเย็นที่ดีที่สุด รักษาความดันที่เหมาะสม ตรวจจับการรั่วไหลของสารทำความเย็นแบบเรียลไทม์ และส่งการแจ้งเตือนได้ทันที ด้วยการทำงานของ AI ช่วยให้สามารถประหยัดพลังงานสูงสุด 15% จากปัจจุบันกลุ่มแอร์บ้านที่วางจำหน่าย มีฟีเจอร์ AI แล้ว 70% ส่วนแอร์พานิชย์ มีฟีเจอร์ AI 100%
โดยหน้าร้อนนี้ได้จัดโปรโมชั่นดันยอดขายแอร์ไม่ว่าจะเป็น ขยายรับประกัน 1+4 ปี, ระบบอินเวอเตอร์ รับประกัน 20 ปี โปรโมชั่นแคชแบ็ค และผ่อน 0% 24 เดือน เป็นต้น
*** “ไฮเซ่นส์” ลุ้นยอดขายแอร์ปีนี้ 800 ล้านบาท
นายฉันท์ชาย พันธุฟัก Sales and Marketing Director บริษัท ไฮเซ่นส์ อินเตอร์เนชั่นแนล (ประเทศไทย) จำกัด หรือ Hisense กล่าวในทิศทางเดียวกันว่า ต้องยอมรับว่าอากาศเมืองไทยร้อนเพิ่มขึ้นทุกๆ ปี ปีนี้ก็เช่นกันอากาศร้อนมาเร็วกว่าเดิม ส่งผลให้ตลาดแอร์มีความคึกคักอย่างมาก ซึ่งพบว่ายอดขายและการติดตั้งแอร์มีเพิ่มขึ้นเป็นเท่าตัวตั้งแต่เข้าสู่เดือนมี.ค. ที่ผ่านมา นี่ขนาดยังไม่เข้าสู่ช่วงฤดูร้อนอย่างแท้จริงแอร์ยังขายดีมาก ซึ่งในช่วงหน้าร้อนนับตั้งแต่มี.ค-พ.ค. ถือเป็นช่วงไฮซีซั่นของการขายแอร์ที่ทำยอดได้สูงสุด เฉพาะ 3 เดือนนี้กินสัดส่วนการขายแอร์ทั้งปีไปถึง 60% และปีนี้มองว่าภาพรวมตลาดแอร์น่าจะเติบโตได้ไม่ต่ำกว่า 50-60% เลยทีเดียว
ในส่วนของไฮเซ่นส์ 2 เดือนที่ผ่านมา ยอดขายแอร์เพิ่มขึ้นถึง 50% เทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ผลมาจากร้านจำหน่ายแอร์ ที่ไฮเซ่นส์เข้าไปร่วมมีเพิ่มขึ้น จาก 20 ร้าน 2 ปีที่ผ่านมาเพิ่มขึ้นอีก 50% และไฮเซ่นส์นำเสนอในราคาที่สมเหตุสมผล ชูเรื่องคุณภาพ เย็นเร็ว ประหยัดไฟ และรุ่นประหยัดไฟเบอร์ 5 แบบใหม่ ทำให้ยอดขายเพิ่มสูงขึ้น โดยเฉพาะขนาด 12,000 BTU เป็นรุ่นที่ขายดีที่สุด ทั้งปีมองว่าแอร์จะทำยอดขายให้บริษัทในสัดส่วน 20% หรือราว 800 ล้านบาท ตามด้วยตู้เย็น และเครื่องซักผ้ารวมกันที่ 30% และทีวี 40% หรือทั้งปีไฮเซ่นส์ตั้งเป้ายอดขายรวมไว้ที่ 4,000 ล้านบาท โตจากปีก่อน 40%
*** “แอลจี” ส่งแอร์รุ่นพิเศษลงตลาด
“หน้าร้อนปีนี้คาดทะลุ 45.4 องศา เชื่อว่าตลาดแอร์จะแข็งขันรุนแรงไม่แพ้ปีก่อน และแอร์ขนาด 12,000-13,000 BTU หรือในราคา 14,000-15,000 บาท จะขายดีที่สุด โดยเฉพาะแอร์แบรนด์โลคอล ส่งผลให้สงครามราคาจะดุเดือด แต่เมื่อมองในระยะยาวอาจจะไม่คุ้ม ซึ่งแอลจีจะไม่ลงไปแข่งในเรื่องราคา แต่จะเน้นเรื่องนวัตกรรมและเทคโนโลยีเป็นหลัก” นายอำนาจ สิงหจันทร์ หัวหน้าฝ่ายการตลาด บริษัท แอลจี อีเลคทรอนิคส์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าว
นายอำนาจ กล่าวต่อว่า จากสภาพอากาศในปี 2566 ที่ร้อนมากถึง 40 องศา และร้อนนานตั้งแต่เดือนมี.ค. ไปจนถึง ก.ค. ที่ผ่านมา ส่งผลให้ภาพรวมตลาดแอร์กลับมาโตถึง 26.8% คิดเป็นมูลค่ารวมที่ 28,606 ล้านบาท ซึ่งเป็นแอร์ระบบอินเวอร์เตอร์มีสัดส่วนถึง 74.1% โดยแอลจีในปีที่ผ่านมามียอดขายแอร์โตขึ้น 40%
ส่วนในปีนี้ที่มีคาดการณ์ว่าสภาพอากาศจะร้อนถึง 45.4 องศา และการที่กกพ. ได้เคาะขึ้นค่าไฟ งวด ม.ค.-เม.ย.67 อยู่ที่ 4.68 บาทต่อหน่วย จะเป็น 2 ปัจจัยสำคัญที่จะดันให้ภาพรวมตลาดเครื่องปรับอากาศพุ่งโตได้อีกอย่างน้อย 20% หรือมีมูลค่ารวมร่วม 34,327 ล้านบาท แบ่งเป็นรุ่นธรรมดา 23% และอินเวอร์เตอร์ 77% แนวโน้มที่กำลังเกิดขึ้น ส่งผลต่อพฤติกรรมของผู้บริโภคต่อการตัดสินใจซื้อเครื่องปรับอากาศในปีนี้ที่จะเน้นใน 3 ส่วนหลักมากขึ้น คือ 1. Energy 59.4% 2.Hygiene 56.4% และ 3.Comfort Air
ในส่วนของแอลจี ปีนี้นำเสนอเครื่องปรับอากาศรุ่นใหม่ 7 ซีรีส์ 25 รุ่น และจากปีนี้ที่มีการปรับมาตรฐานแอร์เบอร์ 5 ใหม่ ทางแอลจีจึงพร้อมนำเสนอ LG DUALCOOL ELITE (รุ่น HPQ) เบื้องต้น 2 ขนาด คือ 13,000 BTU ราคา 39,900 บาท และ 18,000 BTU ซึ่งยังไม่เคาะราคา โดยรุ่นดังกล่าวเป็นระบบมาตรฐานใหม่เบอร์ 5 ที่หากใช้งานเกิน 8 ชม. จะช่วยประหยัดไฟได้ 30% ถือเป็นครั้งแรกของไทยและของโลกที่แอลจีนำเสนอรุ่นนี้
นอกจากนี้ยังได้เปิดตัว LG DUALCOOL PRIME (รุ่น IEQ) ด้วยฟังก์ชันใหม่พร้อมตอบรับไลฟ์สไตล์ยุคดิจิทัลและการประหยัดพลังงานพร้อมค่าใช้จ่าย ด้วยฟังก์ชัน kW Manager (Kilowatt Manager) by ThinQ ที่ช่วยให้ผู้ใช้งานสามารถกำหนดค่าใช้จ่ายและการใช้งานได้ง่ายๆ ผ่านสมาร์ทโฟน พร้อมปรับการทำงานของเครื่องปรับอากาศอัตโนมัติผ่านแอปพลิเคชัน ThinQ เพื่อช่วยประหยัดพลังงาน ซึ่งเป็นฟังก์ชั่นควบคุมค่าไฟไม่ให้บานปลายอย่างที่ผ่านมาได้เป็นอย่างดี
“ปีนี้แอลจีได้เปิดตัวไลน์อัพเครื่องปรับอากาศภายในบ้านรุ่นใหม่ล่าสุด ดูอัล คูล (DUALCOOL) พร้อมกับนวัตกรรมใหม่และแนวคิดสุดล้ำ ‘Smart’ ระบบควบคุมอัจฉริยะผ่านสมาร์ทโฟน ‘Comfort’ มอบความเย็นสบายอย่างทั่วถึงด้วยเทคโนโลยี Dual Discharge และ Lasting ความทนทานไร้กังวล พร้อมยกระดับการใช้งานด้วยฟังก์ชันที่ตอบโจทย์ทั้งในด้านการช่วยประหยัดพลังงานและค่าใช้จ่ายตามไลฟ์สไตล์ยุคดิจิทัล ด้วย kW Manager (Kilowatt Manager) by ThinQ ให้ผู้ใช้งานสามารถควบคุมค่าใช้จ่ายได้อย่างง่ายดายผ่านสมาร์ทโฟน และเทคโนโลยี Human Detection ที่ช่วยควบคุมการทำงานของเครื่องปรับอากาศตามลักษณะการใช้งานในห้อง”
นายอำนาจ กล่าวด้วยว่า ปีนี้แอลจีใช้งบการตลาด 200 ล้านบาท ตั้งเป้าสิ้นปีนี้จะมียอดขายแอร์ 2,600 ล้านบาท โต 30% จาก 2,000 ล้านบาทในปีก่อน หรือในปีนี้จะต้องมีแชร์อยู่ในท็อป 5 ของตลาดรวมแอร์ ในสัดส่วน 7.5% จากปีก่อนอยู่ในอันดับ 8 มีแชร์ 5.7% ซึ่งยอดขายแอร์คิดเป็น 13% ของยอดขายรวมแอลจีปีนี้ที่ตั้งไว้ 13,500 ล้านบาท โต 10%
* ** “มิตซูบิชิ” ส่งแอร์รุ่นใหม่ “XY Series” รักษาแชมป์
นายชินจิ คามิยะ กรรมการผู้จัดการ บริษัท มิตซูบิชิ อีเล็คทริค กันยงวัฒนา จำกัด เปิดเผยว่า ปี 2567 นี้ การทำตลาดในกลุ่มผลิตภัณฑ์เครื่องปรับอากาศ เน้นฟังก์ชันการทำงานที่โดดเด่นขึ้น เพิ่มความหลากหลายให้มากขึ้น ภายใต้งบการตลาดรวม 1,200 ล้านบาท มุ่งยกระดับคุณค่าแบรนด์ สร้างการจดจำและการรับรู้ และเน้นธุรกิจเชิงพาณิชย์ เน้นระบบงานการตลาดการขายสนับสนุนการเจรจาการค้าในส่วนภูมิภาค เน้นโซลูชันในธุรกิจระบบปรับอากาศ ระบบระบายอากาศ เพื่อขยายการจัดจำหน่ายให้ได้มากขึ้น และให้ความงานบริการหลังการขาย เน้นการยกระดับความพึงพอใจของลูกค้า พัฒนาระบบงานที่จะรับส่งข้อมูลต่างๆ
สำหรับเครื่องปรับอากาศปีนี้ จะมี มิสเตอร์สลิม ระบบอินเวอร์เตอร์ ในรุ่น XY Series ด้วยเทคโนโลยีล่าสุด Fast Cooling Plus ทำความเย็นได้อย่างรวดเร็วขึ้น มีเซนเซอร์ตรวจจับอุณหภูมิเพื่อปรับความเย็นและลมเย็นจากเครื่องปรับอากาศให้เหมาะสมที่สุดแบบอัตโนมัติ รวมทั้งรุ่น GY Series ที่มีดีไซน์หรูหราขึ้น และมีประสิทธิภาพการประหยัดพลังงานที่สูงมากยิ่งขึ้น มั่นใจว่าจะรักษาแชมป์ผู้นำตลาดเครื่องปรับอากาศภายในบ้านอีกสมัย
โดยปีนี้พร้อมวางกลยุทธ์การตลาดสำหรับกลุ่ม B2C ไว้ดังนี้ 1.กำหนดกลยุทธ์การขายเป็นรายผลิตภัณฑ์อย่างชัดเจน เช่น เครื่องปรับอากาศภายในบ้าน เสนอเทคโนโลยีเย็นเร็ว รู้ใจ ประหยัดไฟยิ่งขึ้น และเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม 2.วางแผนสื่อสารการตลาดครบวงจร ภายใต้งบการตลาดรวมกว่า 1,200 ล้านบาท โดยจะมีภาพยนตร์โฆษณาชุดใหม่ ผ่านพรีเซนเตอร์ปีที่ 2 กับ “นนท์ - ธนนท์ จำเริญ” ด้วยกลยุทธ์ Music Marketing เน้นทำกิจกรรมกับกลุ่มคนรุ่นใหม่ที่เริ่มเข้าสู่วัยทำงาน ที่มีรายได้ระดับปานกลางเป็นหลัก พร้อมโฆษณาประชาสัมพันธ์ผ่านสื่อต่างๆ ทั้ง Offline และ Online จัดแคมเปญ กิจกรรมส่งเสริมการขายร่วมกับร้านค้าตัวแทนจำหน่ายควบคู่กันไป จากแผนที่วางไว้ ตั้งเป้าหมายยอดขายรวมของปี 2567 (เม.ย.67 -มี.ค.68) ต้องโตได้มากกว่า 10%
“แม้ว่าภาพรวมตลาดเครื่องใช้ไฟฟ้าจะประสบปัญหาการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจที่ล่าช้าไม่เป็นไปตามที่คาดหวังไว้ แต่จากภาวะอากาศที่ร้อนจัดในช่วงเทศกาลสงกรานต์ ส่งผลให้เครื่องปรับอากาศภายในบ้าน ปั๊มน้ำ และพัดลมระบายอากาศยังคงรักษาความเป็นผู้นำ ด้วยส่วนแบ่งทางการตลาดได้สูงสุดต่อเนื่องจากปีก่อน โดยเฉพาะเครื่องปรับอากาศภายในบ้าน เติบโตได้ถึง 30% ส่งผลให้ยอดขายรวมปีงบประมาณ 2566 (เม.ย.66 - มี.ค.67) บริษัทมั่นใจว่าจะโตได้ถึง 10%“ นายชินจิ กล่าว
*** “ไฮเออร์” ลุ้นยอดขาย 4.4 พันล.
มร. ต่ง เจี้ยนผิง ประธานกรรมการบริหาร บริษัท ไฮเออร์ อีเลคทริคอล แอพพลายแอนซ์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า “ตลาดเครื่องปรับอากาศเป็นตลาดที่มีการแข่งขันสูง และมีแนวโน้มที่จะเติบโตขึ้นในทุก ๆ ปี โดยในปีที่ผ่านมาไฮเออร์ มียอดขายเป็นอันดับ 1 ในเชิงปริมาณ ทำยอดขายมากกว่า 200,000 เครื่อง คิดเป็นส่วนแบ่งตลาด 12.3% จากตลาดรวมเครื่องปรับอากาศยอดขายกว่า 1.6 ล้านเครื่อง จากการขยายตัวของกลุ่มผู้บริโภคที่มีเพิ่มมากขึ้น รวมถึงปรากฎการณ์ เอลนีโญ (El Nino) ที่ส่งผลให้ฤดูร้อนในประเทศไทยปีนี้มาเร็วขึ้น อีกทั้งการใส่ใจในคุณภาพอากาศที่สะอาดจากปัญหา PM 2.5 และเชื้อไวรัสโควิดที่มีอย่างต่อเนื่อง จึงทำให้ผู้บริโภคมีความต้องการติดตั้งเครื่องปรับอากาศในที่พักอาศัยมากยิ่งขึ้น โดยคาดว่ายอดขายเครื่องปรับอากาศในช่วงซัมเมอร์จะเติบโตเป็นอย่างมาก ทั้งนี้บริษัทตั้งเป้ายอดขายในปี 2567 กว่า 4,400 ล้านบาท”
ปัจจัยการเลือกซื้อเครื่องปรับอากาศและความสนใจของกลุ่มผู้บริโภคส่วนใหญ่ในปัจจุบันคือ มองหานวัตกรรมและเทคโนโลยีที่มีความล้ำสมัย ตอบโจทย์กับทุกคนในบ้านรวมถึงสัตว์เลี้ยงหรือของใช้ภายในบ้านที่ต้องการอุณหภูมิอย่างเหมาะสม คำนึงถึงความสะอาดของสภาพอากาศภายในบ้านเนื่องจากฝุ่น PM2.5 ที่ยังคงมีอย่างต่อเนื่อง
ล่าสุด ไฮเออร์ ได้เปิดตัวโฆษณาชุดใหม่ “สูดที่รัก…เพื่อทุกคนที่คุณรักที่สุด BREATHE-LOVED…FOR ALL YOUR LOVED ONES” ชูสินค้าดาวเด่นเครื่องปรับอากาศรุ่น UV Cool Premium ที่มีเทคโนโลยี UVC Sterilization เป็นหนึ่งใน UV Cool Series ที่มีการเพิ่มไลน์สินค้าจากปีที่แล้วที่มีเพียง 1 รุ่น จึงได้ทำการออกไลน์สินค้าเพิ่มเติม และมีรุ่นเรือธงเป็น UV Cool Premium สีดำพรีเมียม มาพร้อมเทคโนโลยีอันโดดเด่น 6 ฟังก์ชั่น