PTTGC ชี้ผลดำเนินงานไตรมาส 1/67 โรงกลั่นน้ำมันมีมาร์จิ้นดีใกล้เคียงไตรมาส 4/66 ธุรกิจปิโตรเคมีมาร์จิ้นยังดีอยู่ เว้นธุรกิจพอลิเมอร์ที่มาร์จิ้นอ่อนตัวลง รวมทั้งมีกำไรจากสต๊อกน้ำมัน ส่วนโครงการปิโตรเคมี คอมเพล็กซ์ที่สหรัฐฯ ชะลอแบบไม่มีกำหนดจนกว่าจะหาพาร์ตเนอร์ได้
นายคงกระพัน อินทรแจ้ง ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท พีทีที โกลบอลเคมิคอล จำกัด (มหาชน) (PTTGC) เปิดเผยว่า แนวโน้มผลประกอบการบริษัทในไตรมาส 1/2567 กลุ่มธุรกิจโรงกลั่นมีค่ามาร์จิ้นดีใกล้เคียงไตรมาส 4/2566 ส่วนธุรกิจปิโตรเคมีในสายผลิตภัณฑ์อะโรเมติกส์พบว่ามีมาร์จิ้นดีขึ้น แต่ธุรกิจพอลิเมอร์มีมาร์จิ้นลดลง สืบเนื่องจากได้รับผลกระทบจากกำลังการผลิตใหม่เข้ามาในตลาดมากขึ้น ขณะที่ความต้องการใช้ยังไม่ฟื้นตัวกลับมา อย่างไรก็ดี ในไตรมาสแรกปีนี้ราคาน้ำมันได้ปรับตัวสูงขึ้นเมื่อเทียบไตรมาสก่อน ทำให้บริษัทมีกำไรจากสต๊อกน้ำมัน แต่บริษัทอาจจะได้รับผลกระทบจากอัตราแลกเปลี่ยน
ส่วนผลการดำเนินงานทั้งปี 2567 บริษัทมีปริมาณการผลิต (Volume) เพิ่มขึ้นราว 6-7% เนื่องจากในปีนี้ไม่มีการปิดซ่อมบำรุงโรงงานขนาดใหญ่เหมือนปีก่อน อาทิ โรงกลั่นน้ำมัน ทำให้อัตรากำลังการกลั่นน้ำมันเพิ่มขึ้น ส่งผลให้มีวัตถุดิบป้อนโรงงานปิโตรเคมีเพิ่มขึ้นด้วย กอปรกับมาร์จิ้นการกลั่นในไตรมาส 1/2567 ดีอยู่ แต่เชื่อว่ามาร์จิ้นการกลั่นจะปรับตัวลดลงในไตรมาส 2-3 นี้ และธุรกิจปิโตรเคมีคาดว่าจะดีขึ้นกว่าปีก่อน หลังพบว่ามาร์จิ้นหลายผลิตภัณฑ์ปรับตัวดีขึ้น
นายคงกระพันกล่าวถึงผลกระทบจากการสู้รบในเมียนมาว่า บริษัทส่งออกเม็ดพลาสติกไปเมียนมามีปริมาณไม่มากเพียง 70,000 ตัน/ปี ขณะที่บริษัทร่วมทุนระหว่าง PTTGC กับพันธมิตรทำธุรกิจโรงงานขึ้นรูปพลาสติกเพื่อการผลิตและการจำหน่ายในเมียนมานั้น PTTGC ถือหุ้นส่วนน้อยและที่ผ่านมาก็ไม่มีปัญหาเรื่องการชำระเงินแต่อย่างใด อย่างไรก็ดี บริษัทยังคงติดตามสถานการณ์ในต่างประเทศไม่ใช่แค่เมียนมา เพื่อเตรียมพร้อมต่อสถานการณ์ที่อาจเกิดการเปลี่ยนแปลงได้
ส่วนความคืบหน้าโครงการปิโตรเคมี คอมเพล็กซ์ที่สหรัฐอเมริกา ขณะนี้บริษัทยังไม่สามารถหาพันธมิตรร่วมทุนได้ ทำให้โครงการดังกล่าวต้องชะลอไปก่อนจนกว่าจะหาพาร์ตเนอร์เพื่อลดความเสี่ยงจากการลงทุนโครงการขนาดใหญ่ที่ใช้เงินลงทุนสูง ทั้งนี้ บริษัทอยู่ระหว่างการศึกษาความเป็นไปได้ในการลงทุนโครงการอื่นๆ ในสหรัฐฯ ด้วย