ผู้จัดการรายวัน360 – “ซิซซ์เล่อร์” รุกขยายตลาดต่างประเทศ ล่าสุดขายแฟรนไชส์ไปประเทศเวียดนาม ส่วนตลาดในไทย เดินหน้าเพิ่มอีก 3 สาขา นำร่องไปแล้วที่เซ็นทรัลนครปฐม ชี้ตลาดสเต๊ก 9,000 ล้านบาทยังโตได้อีก
นายอนิรุทร์ เดวิด คอลลินส์ ผู้จัดการทั่วไป บริษัท เอสแอลอาร์ที จำกัด (ซิซซ์เล่อร์) ภายใต้การดำเนินงานของ บริษัท เดอะ ไมเนอร์ ฟู้ด กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ล่าสุดบริษัทได้ขยายธุรกิจร้านซิซซ์เล่อร์ปต่างประเทศเพิ่มขึ้น จากเดิมมีที่ญี่ปุ่นประมาณ 10 สาขาในรูปแบบแฟรนไชส์ โดยครั้งนี้ได้มอบสิทธิ์ให้กับผู้รับสิทธิ์แฟรนไชส์ในประเทศเวียดนาม เปิดสาขาแรกที่เมืองโฮจิมินห์ ซึ่งผู้รับสิทธิ์แฟรนไชส์รายนี้ก็เป็นพันธมิตรของไมเนอร์อยู่แล้ว เพราะได้รับสิทธิ์แฟรนไชส์แบรนด์อื่่นทำตลาดในเวียดนามเช่น แดรี่ควีน เดอะพิซซ่าคอมปะนี
ส่วนแผนรุกตลาดในไทยปี 2567 นี้ จะเปิดสาขาใหม่อีกอย่างต่ำ 3 สาขา มองไปที่จังหวัดท่องเที่ยวและจังหวัดระดับรองลงมา เช่น กระบี่ และสมุย (ปีที่แล้วเปิดสาขาที่เซ็นทรัลภูเก็ตแล้ว) ซึ่งปีนี้เปิดแล้ว 1 สาขาคือที่เซ็นทรัลนครปฐมไม่นานนี้ ซึ่งเป็นศูนย์การค้าเปิดใหม่ ส่งผลให้ปลายปีนี้คาดว่าจะมีรวม 64 สาขา โดยปัจจุบันสัดส่วนสาขาในกรุงเทพฯและปริมณฑลมากถึง 54% และสัดส่วนรายได้มาจาก กรุงเทพและปริมณฑล 60%
“ตลาดสเต๊กในไทยยังมีโอกาสเติบโตได้อีกมาก ซึ่งปีนี้คาดว่าตลาดรวมจะมีมูลค่าประมาณ 9,000 ล้านบาท ซิซซ์เล่อร์เป็นผู้นำตลาดด้วยส่วนแบ่งกว่า 30% จากปีที่แล้วมีแชร์ประมาณ 25%”
ทั้งนี้ยอดขายของซิซซ์เล่อร์มาจากสเต็กเป็นหลักมากกว่า 60%-70% โดยสเต๊กพรีเมียมมีสัดส่วนยอดขาย 20% จากยอดขายรวม ส่วนสเต๊กเนื้อวัว ปีที่แล้วมีสัดส่วนรายได้มากกว่า 18% เพิ่มจากปีก่อนหน้าที่มีเพียง 7% ขณะที่หากมองในแง่ของยอดขายแต่ละช่วงเวลาจะพบว่า มาจากช่วงเวลามื้่อเย็นมากถึง 50% มาจากมื้อกลางวัน 25% และที่เหลือ 25% มาจากมื้อระหว่างเช้าถึงเกลางวัน กับช่วงบ่าย ซึ่งมีเป้าหมายที่จะเพิ่มสัดส่วนรายได้ไ่ในช่วงระหว่างมื้อเช้าถึงมื้อกลางวัน หรือที่เรียกว่า บรันช์ (BRUNCH ) ประมาณ 10%
สำหรับ ภาพรวมผลการดำเนินงานปี 2566 เติบโตจากฐานลูกค้าไดน์อินที่เพิ่มขึ้น 6% เมื่อเทียบจากปี 2565 อันเป็นผลจากการดำเนินกลยุทธ์ผ่านเมนูสเต๊กในโอกาสสำคัญ อาทิ วันเด็ก วันแม่ วันพ่อ และวันขึ้นปีใหม่ รวมถึงแคมเปญพิเศษอย่าง
Cheese toast month ตอกย้ำความเป็นมาสเตอร์ตัวจริงเรื่องสเต๊กผ่านเมนู Sizzling ซีรีส์ต่าง ๆ ทั้ง The New Sizzling Experience, Sizzling Thai Experiences และ The New Sizzling Selected #CUTSที่ใช่ใครก็ชอบ ได้รับกระแสตอบรับที่ดีจากผู้บริโภคและสามารถกระตุ้นยอดขายเมนูสเต๊ก พร้อมเพิ่มจำนวนผู้บริโภคที่เข้ามาใช้บริการหน้าร้านได้มากขึ้นถึง 2 เท่าเมื่อเทียบกับช่วงต้นปี 2566
อีกทั้งการพัฒนาลอยัลตี้โปรแกรม ด้วยการมอบสิทธิพิเศษที่ตอบโจทย์สมาชิกแต่ละกลุ่ม ช่วยเพิ่มความถี่ในการกลับมาใช้บริการแบบไดน์อิน พร้อมเพิ่มจำนวนสมาชิกมากขึ้นเป็น 2 เท่า ส่งผลให้สิ้นปี 2566 ซิซซ์เล่อร์มีจำนวนสมาชิกอยู่มากกว่า 500,000 ราย และทำรายได้จากสมาชิกในสัดส่วน 25% เพ่ิ่มจากเดิมที่มีเพียง 12% เท่านั้น
รวมทั้งการขยายสาขาเพิ่ม 5 สาขา ประกอบด้วย สาขาเซ็นทรัล รามอินทรา สาขาพาร์ค สีลม สาขาเซ็นทรัล เวสต์วิลล์ สาขาเซ็นทรัล สมุย และเซ็นทรัล นครปฐม ที่เป็นสาขาเปิดใหม่ล่าสุดเมื่อต้นปี 2567 ทำให้ปัจจุบันซิซซ์เล่อร์มีสาขารวมกว่า 64 สาขาทั่วประเทศ นอกจากนี้ ในช่วงไตรมาสแรกของปี 2567 ซิซซ์เล่อร์ได้จับมือร่วมกับพันธมิตรอย่างบริษัท โกลด์ซัน กรุ๊ปในการเปิดแฟรนไชส์สาขาแรกที่ประเทศเวียดนาม พร้อมวางแผนผลักดันสู่ประเทศอื่น ๆ ในภูมิภาคต่อไป
ล่าสุดได้เปิดตัวเมนูใหม่ภายใต้ธีม The New Sizzling USA BBQ เมนูพรีเมียมในรูปแบบบาร์บีคิวเสียบไม้ และไก่ทอดราดซอสซิกเนเจอร์สไตล์อเมริกัน ที่เป็นต้นกำเนิดของซิซซ์เล่อร์ ประกอบด้วย บาร์บีคิวเนื้อ & บัฟฟาโลวิงส์แรนช์ซอส (SIZZLING BEEF SKEWERS & BUFFALO WINGS WITH RANCH SAUCE) ราคาจานละ 649 บาท (ปกติ 799 บาท), บาร์บีคิวหมู & บัฟฟาโลวิงส์แรนช์ซอส (SIZZLING PORK SKEWERS & BUFFALO WINGS WITH RANCH SAUCE) บราคาจานละ 599 บาท (ปกติ 749 บาท), บาร์บีคิวปลากะพง และกุ้งลายเสือ & บัฟฟาโลวิงส์แรนช์ซอส (SIZZLING SEA BASS & TIGER PRAWN SKEWERS & BUFFALO WINGS WITH RANCH SAUCE)ราคาจานละ 599 บาท (ปกติ 749 บาท)
โดยในทุกการสั่งเมนูจานหลัก The New Sizzling USA BBQ ผู้บริโภคจะได้รับสิทธิ์ทานฟรีบุฟเฟต์สลัดบาร์ที่มีให้เลือกรับประทานได้ตามชอบมากกว่า 50 รายการ จำนวน 1 ท่านต่อเมนูอีกด้วย นอกจากเมนูอาหาร ซิซซ์เล่อร์ยังมี 3 เมนูเครื่องดื่มใหม่ ราคาแก้วละ 129 บาท (ปกติ 199 บาท) ประกอบด้วย ช็อกโกแลต บราวนี่ มิลค์เชค (Chocolate Brownie Milkshake) , แบล็กฟอเรสต์ มิลค์เชค (Black Forest Milkshake), ซอลท์เท็ด คาราเมล มิลค์เชค (Salted Caramel Milkshake)
“ไตรมาสแรกที่ผ่านมายอดขายรวมเติบโต 10% และมั่นใจว่าในแต่ละไตรมาสปีนี้จะเติบโตเฉลี่ย 10% ได้” นายอนิรุทร์ กล่าว
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ก่อนหน้านี้ เมื่อวันที่ 27 มิถุนายน 2566 บริษัท ไมเนอร์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) (“MINT”) ประกาศว่า MINT ได้ตัดสินใจเข้าถือหุ้นในสัดส่วน 100% ในแฟรนไชส์แบรนด์ซิซซ์เล่อร์ทั่วโลก ยกเว้นในประเทศสหรัฐอเมริกา เปอร์โตริโก และกัวเตมาลา โดยในฐานะที่ MINT เป็นผู้ได้รับสิทธิแฟรนไชส์ของแบรนด์ซิซซ์เล่อร์มาอย่างยาวนานถึง 31 ปี ส่งผลให้ MINT เสริมสร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับบริษัท Collins Foods Limited (“Collins Foods”) ซึ่งเป็นผู้ขายและเป็นผู้ที่มีบทบาทสำคัญในความสำเร็จของแบรนด์ซิซซ์เล่อร์ MINT จะเข้ามามีอำนาจควบคุมกลุ่มธุรกิจแฟรนไชส์ร้านซิซซ์เล่อร์ที่ประสบความสำเร็จในประเทศไทย 64 สาขา และประเทศญี่ปุ่นอีก 10 สาขา