“สุริยะ” ประธานพิธีวันสถาปนา "คมนาคม" ครบ 112 ปีมุ่งพัฒนาระบบขนส่ง “บก น้ำ ราง อากาศ” เร่งรัดรถไฟทางคู่เฟส 2 รถไฟความเร็วสูงและโครงข่ายขนส่งสินค้าเชื่อมประเทศเพื่อนบ้าน เพิ่มประสิทธิภาพ ความสะดวก รวดเร็ว ปลอดภัย หนุนไทยเป็นศูนย์กลางในภูมิภาค
วันที่ 1 เมษายน 2567 นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เป็นประธานงานวันคล้ายวันสถาปนากระทรวงคมนาคม ครบรอบ 112 ปี โดยมี นางมนพร เจริญศรี รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม นายชยธรรม์ พรหมศร ปลัดกระทรวงคมนาคม ผู้บริหาร หัวหน้าหน่วยงานในสังกัด และบุคลากรกระทรวงคมนาคมเข้าร่วมในพิธีฯ
กระทรวงคมนาคมได้ก่อตั้งขึ้นนับตั้งแต่วันที่ 1 เมษายน 2455 ในรัชสมัยของพระบาทสมเด็จพระปรเมนทรมหาวชิราวุธ พระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๖ ที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ประกาศพระบรมราชโองการให้เปลี่ยนชื่อ “กระทรวงโยธาธิการ” เป็น “กระทรวงคมนาคม” จนปัจจุบัน วันที่ 1 เมษายน 2567 ครบรอบ 112 ปี กระทรวงคมนาคมได้เดินหน้าภารกิจโครงการเพื่อพัฒนาการคมนาคม จากพันธกิจในอดีต คือ การดูแลคมนาคมทางบก ทางน้ำ ทางราง และไปรษณีย์โทรเลข วิวัฒนาการสู่การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานของประเทศอย่างครบทุกมิติทั้งทางบก ทางราง ทางน้ำ และทางอากาศ เพื่อเป็นกลไกสำคัญในการพัฒนาประเทศและคุณภาพชีวิตของประชาชนด้วยโครงสร้างพื้นฐานคมนาคมขนส่งอย่างยั่งยืน
ปัจจุบันกระทรวงคมนาคมได้มุ่งมั่นพัฒนาระบบการขนส่งให้มีความสะดวก รวดเร็ว ปลอดภัย มีประสิทธิภาพ สนับสนุนการเพิ่มขีดความสามารถในการเสริมสร้างศักยภาพของประเทศสู่การเป็นศูนย์กลางการคมนาคมขนส่งและจราจรในภูมิภาค ประกอบด้วย มิติทางถนน มีโครงการที่จะเปิดให้บริการ ปี 2567 เช่น มอเตอร์เวย์ M81 สายบางใหญ่-กาญจนบุรี, มอเตอร์เวย์ M6 สายบางปะอิน-สระบุรี-นครราชสีมา, สะพานมิตรภาพไทย-ลาว แห่งที่ 5 (บึงกาฬ-บอลิคำไซ) จังหวัดบึงกาฬ เป็นต้น
การพัฒนาการขนส่งทางบก กระทรวงฯ ได้ให้ความสำคัญต่อการพัฒนาสิ่งอำนวยความสะดวกและสนับสนุนการขนส่ง เพิ่มประสิทธิภาพการกระจายสินค้า รวมทั้งการกำกับดูแลและยกระดับการให้บริการ การกำกับมาตรฐานความปลอดภัยของประชาชนผู้ใช้บริการ โดยโครงการที่จะเปิดให้บริการปี 2567 เช่น การพัฒนาระบบการเชื่อมต่อการเดินทางด้วยระบบขนส่งสาธารณะ (Feeder) ของกรมการขนส่งทางบก (ขบ.) จำนวน 29 เส้นทาง และของบริษัท ขนส่ง จำกัด (บขส.) จำนวน 21 เส้นทาง เป็นต้น
การพัฒนาการขนส่งทางราง ได้เร่งรัดโครงการก่อสร้างทางรถไฟสายใหม่ และรถไฟทางคู่ ระยะที่ 2 รถไฟความเร็วสูงและโครงข่ายการขนส่งสินค้าไปยังประเทศเพื่อนบ้าน เพื่อให้บริการได้ตรงเวลา และลดต้นทุนค่าใช้จ่ายในการขนส่งสินค้าและการเดินทางของประชาชน โดยโครงการที่จะเปิดให้บริการปี 2567 เช่น รถไฟทางคู่ ช่วงนครปฐม-หัวหิน ช่วงหัวหิน-ประจวบคีรีขันธ์ ช่วงประจวบคีรีขันธ์-ชุมพร เป็นต้น
การพัฒนาการขนส่งทางน้ำ ได้ขยายขีดความสามารถการขนส่งทางน้ำ โดยการเปิดประตูการค้าทางน้ำ เพิ่มประสิทธิภาพการเดินเรือ เร่งการก่อสร้างท่าเรือแหลมฉบัง ระยะที่ 3 และการพัฒนาท่าเรือในภูมิภาค รวมทั้งการปรับปรุงท่าเรือโดยสารอัจฉริยะ (Smart Pier) โดยโครงการที่จะเปิดให้บริการปี 2567 เช่น พัฒนาท่าเรือโดยสารสาธารณะในแม่น้ำเจ้าพระยา (Smart Pier) 4 ท่า ได้แก่ ท่าเรือพระราม 7 ท่าเรือปากเกร็ด ท่าเรือพระปิ่นเกล้า ท่าเรือพระราม 5 เป็นต้น
ด้านการพัฒนาการขนส่งทางอากาศ ได้เร่งรัดการเพิ่มศักยภาพท่าอากาศยานหลักของประเทศให้รองรับผู้โดยสารและนักท่องเที่ยวที่จะเพิ่มขึ้น และขับเคลื่อนสู่การเป็นศูนย์กลางการบินในภูมิภาค หรือ Aviation Hub รวมทั้งพัฒนาบุคลากรด้านการบินให้มีคุณภาพและเพียงพอต่อความต้องการของอุตสาหกรรมการบิน โดยโครงการที่จะเปิดให้บริการปี 2567 เช่น ทางวิ่งเส้นที่ 3 ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ อาคารที่พักผู้โดยสารหลังใหม่ ท่าอากาศยานตรัง อาคารที่พักผู้โดยสารหลังที่ 3 พร้อมอาคารจอดรถยนต์ ท่าอากาศยานกระบี่ เป็นต้น