นายแอนเดรียนโต้ จายาเปอร์นา ประธานบริษัท เฮงเค็ล ประเทศไทย จำกัด กล่าวว่า เฮงเค็ล เป็นบริษัทแรกๆ ที่นำระบบโรงงานอัจฉริยะมาใช้ในกระบวนการผลิต ตั้งแต่ปี 2558 เพื่อทดแทนการทำงานและการบันทึกข้อมูลลงกระดาษด้วยมือ โดยการนำข้อมูลจากสแกนเนอร์อัจฉริยะและแผงควบคุมอัจฉริยะที่ใช้ระบบ Enterprise Resource Planning (ERP) และซอฟต์แวร์ SAP ของเฮงเค็ล ซึ่งกระบวนการดังกล่าวนี้ ทำให้เกิดการพัฒนาเชิงระบบทั้งในด้านความปลอดภัย คุณภาพ ความยั่งยืนและผลผลิต
“การลงทุนในเทคโนโลยีและระบบอัจฉริยะช่วย เฮงเค็ล ประเทศไทย เร่งใช้กระบวนการดิจิทัลและเทคโนโลยีอุตสาหกรรม 4.0 เพื่อเสริมสร้างความเป็นเลิศทางด้านการผลิต และสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับหุ้นส่วน ลูกค้าและผู้บริโภค” นายแอนเดรียนโต้ กล่าว
โดยแพลตฟอร์มเทคโนโลยีที่สมบูรณ์แบบนั้น ครอบคลุมกระบวนการแบบครบวงจรของโรงงาน การติดตามข้อมูลในแผนกที่เกี่ยวข้องก็สามารถทำได้ง่ายขึ้น เช่น การตรวจสอบสินค้าคงคลัง และสถานะของมิกเซอร์ นอกจากนี้ยังช่วยให้เห็นข้อจำกัดในกระบวนการผลิตได้ง่ายขึ้น
นอกจากนี้ยังมีกระบวนการที่รวดเร็วและระบบอัจฉริยะที่ช่วยพัฒนาการตัดสินใจ ผลผลิต ความปลอดภัยและความยั่งยืน ระบบโรงงานอัจฉริยะช่วยในการอัพเดทข้อมูลแบบเรียลไทม์ และการติดตามข้อมูลทุกอย่างในกระบวนการผลิต รวมถึงการพัฒนาผลผลิต พร้อมกับลดความสูญเสียในกระบวนการผลิต และลดการปล่อยก๊าซคาร์บอน โดยระบบโรงงานอัจฉริยะที่บางปะกง ได้รับการรับรองโดยมาตรฐาน ISO 9001 ISO 14001 ISO 45001 และ IATF 16949
เมื่อเร็วๆนี้ โรงงานเทคโนโลยีกาวของเฮงเค็ลที่บางปะกง ได้รับรางวัลธงขาว-ดาวเขียว (Green Star) ประจำปี 2566 ในด้านการบริหารจัดการตามนโยบายเพื่อสิ่งแวดล้อมและความปลอดภัย จากการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (กนอ.) ถือเป็นการตอกย้ำพันธกิจของเฮงเค็ลที่มุ่งสู่ความยั่งยืน และสอดคล้องกับโครงการริเริ่มของรัฐบาลที่สนับสนุนให้ภาคเอกชนร่วมปฏิบัติที่มุ่งความปลอดภัยและสิ่งแวดล้อมที่ยั่งยืน โดย กนอ. มอบรางวัลให้กับโรงงาน 154 แห่ง ใน 32 พื้นที่นิคมอุตสาหกรรม ซึ่งมีการบริหารจัดการทางสิ่งแวดล้อมและผลการประเมินประสิทธิภาพการดำเนินงานที่ยอดเยี่ยม โดยทุกโรงงานผ่านการประเมินด้วยมาตรฐานตรวจสอบระดับสากล ครอบคลุมทั้ง 5 มิติหลัก ประกอบไปด้วย การบริหารจัดการพื้นที่สีเขียว ระบบระบายน้ำ การสนับสนุนในระดับชุมชนและท้องถิ่นการบริหารจัดการน้ำและของเสีย ข้อกำหนดเกี่ยวกับสารอินทรีย์ระเหยง่ายและการดูแลคุณภาพอากาศ ความปลอดภัยและสุขภาพของพนักงาน การจัดการต่อสถานการณ์ต่าง ๆ การรับมือกับความคิดเห็นของประชาชน คุณภาพชีวิตของพนักงานในโรงงานและชุมชนที่อยู่ในละแวกโรงงาน รวมถึงการบริหารจัดการโรงงานโดยรวมอีกด้วย
นอกจากนี้ เฮงเค็ล ประเทศไทย ยังเดินหน้าให้ความสำคัญกับการเพื่อเพิ่มทักษะให้กับพนักงานในอนาคต โดยได้สร้างวัฒนธรรมในการเรียนรู้อย่างต่อเนื่องและทุ่มเทให้เกิดการพัฒนาบุคลากร ผ่านศูนย์การเรียนรู้เฮงเค็ล ที่ช่วยเพิ่มทักษะและศักยภาพให้กับพนักงานเพื่อให้เติบโตไปพร้อมกับบริษัทฯ เช่น การนำเทคโนโลยีจาก Linkedin Learning, Ted Talks และ CrossKnowledge มาใช้เสริมทักษะ เป็นต้น