xs
xsm
sm
md
lg

ไขกุญแจ “แกร็บ” ชู “4A” เพิ่มกำไร เสริมทัพ-อัปเกรดบริการ

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



การตลาด - ศึกเรียกรถและฟู้ดดีลิเวอรีผ่านแอปแข่งดุสุดคันเร่ง คาดปี 2568 มีมูลค่า 4,000 ล้านเหรียญสหรัฐฯ โตขึ้นอีก 15% จากปี 2566 “แกร็บ” ในฐานะผู้นำ ปีนี้ขอปักหมุด “ Power of Ecosystem” คือหัวใจหลักของการเติบโตในอนาคตอย่างยั่งยืน ชูกลยุทธ์ “4A” หวังวิน-วินกันทั่วหน้า ทั้งคนขับแกร็บ ร้านค้า และแกร็บ เชื่อมั่นปีนี้คว้ากำไรได้อีกเป็นปีที่ 3 


แกร็บเผยข้อมูลที่น่าสนใจเกี่ยวกับเศรษฐกิจดิจิทัลในประเทศไทยว่า ในปี 2566 ที่ผ่านมา มีมูลค่าสูงถึง 36,000 ล้านเหรียญสหรัฐฯ โตขึ้น 16% จากปีก่อนหน้า ซึ่งคาดการณ์ว่าอีก 2 ปีหรือภายในปี 2568 จะมีมูลค่าเพิ่มเป็น 49,000 ล้านเหรียญสหรัฐฯ หรือโตขึ้นอีก 17% จะเห็นได้ว่าธุรกิจดิจิทัลเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะกลุ่มธุรกิจเรียกรถผ่านแอปและฟู้ดดีลิเวอรี คาดการณ์ว่าจะมีอัตราการเติบโตสูงถึง 15% ภายในปี 2568 หรือมีมูลค่ารวมที่ 4,000 ล้านเหรียญสหรัฐฯ สอดคล้องกับกลุ่มธุรกิจการชําระเงินแบบดิจิทัล ที่ในปี 2568 จะเติบโตขึ้น 15% เช่นกัน ด้วยมูลค่าสูงถึง 176,000 ล้านเหรียญสหรัฐฯ รวมไปถึงกลุ่มธุรกิจการให้กู้ยืมแบบดิจิทัล ในปี 2568 จะมีมูลค่าถึง 21,000 เหรียญสหรัฐฯ หรือโตขึ้นอีกกว่า 31% เทียบกับปี 2566 ที่ผ่านมา 
เลี้ยวกลับมาที่ “แกร็บ” หลังจากมองเห็นโอกาสที่กำลังเกิดขึ้น บวกกับลงแข่งบนถนนสายนี้สู่ปีที่ 10 แล้ว กว่าจะฝ่าด่านต่างๆมาได้ ก็ล้มจนชิน ติดลบจนขาดทุนมาตลอด 6-7 ปี และพึ่งจะเริ่มเห็นกำไรเมื่อเข้าสู่ปีที่ 8 นี่เอง จากตัวเลขกำไรที่ส่องประกายความหวัง นำมาซึ่งการตีโจทย์ใหม่ จึงได้ปักหมุด “Power of Ecosystem” คือหัวใจหลักของการเติบโตในอนาคตอย่างยั่งยืน
 
“โดยจะเน้นใน 3 ส่วนสำคัญ คือ Performance Planet และ People เพราะเราเชื่อว่าสิ่งที่ดีต่อชุมชน ผู้บริโภค คู่ค้า คนขับ ผู้ค้า และสิ่งแวดล้อม เป็นสิ่งที่ดีต่อธุรกิจของเรา” วรฉัตร ลักขณาโรจน์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ แกร็บ ประเทศไทย กล่าวเปิดแผนลุยปี 2567


**ชู “4A” ขับเคลื่อนธุรกิจ**
หลังโควิดที่ผ่านมา ธุรกิจเรียกรถโตเร็วมาก แกร็บเองก็ต้องการเติบโตอย่างยั่งยืน จึงต้องบริหารจัดการให้ดี ครอสบริการบูรณาการให้บริการจาก 1 เป็น 2 ให้ได้ เช่น คนส่งอาหารต้องให้บริการอย่างอื่นเพิ่มได้ เป็นต้น ต้องสะดวกในการชำระเงินมากขึ้น พันธมิตรต้องได้ค่าตอบแทนที่เร็วขึ้น ร้านอาหารต้องมีเงินทุนต่อยอดธุรกิจได้มากขึ้น และเราต้องมีช่องทางสร้างรายได้ใหม่ๆ เข้ามาเพิ่ม เพื่อไม่ต้องผลักภาระให้คนขับแกร็บที่จะต้องทำรอบให้มากขึ้นเพื่อที่จะได้ผลตอบแทนเท่าเดิม โจทย์ที่ท้าทายของแกร็บ จึงถูกตีออกมาเป็น 4 กลยุทธ์หลักที่จะใช้ขับเคลื่อนให้ทุกอย่างเป็นไปได้

วรฉัตร กล่าวต่อว่า ในปี 2567 นี้ แกร็บ ประเทศไทย พร้อมมุ่งสร้างการเติบโตทางธุรกิจอย่างยั่งยืน เพื่ออนาคตที่ดีกว่า (Driving Sustainable Growth For A Better Future) โดยเน้นไปที่ 4 ประเด็นหลัก หรือ กลยุทธ์ 4A ประกอบด้วย

1.Active Users คือการทำอย่างไรก็ตามเพื่อยกระดับและรักษาคุณภาพการบริการ มีมาตรฐานที่สูงขึ้น เพื่อรักษาลูกค้าที่มีมูลค่าสูง 3 กลุ่มหลัก คือ นักท่องเที่ยวต่างชาติ สมาชิกแพ็กเกจ GrabUnlimited และลูกค้าคุณภาพ ที่ใช้บริการเป็นประจำ (Quality User) ผ่านการผนึกความร่วมมือเชิงกลยุทธ์กับพันธมิตร อาทิ การร่วมมือกับการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย และบริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) เพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยวและผลักดันซอฟต์พาวเวอร์อย่างต่อเนื่อง พร้อมยกระดับความปลอดภัยและความสะดวกสบายในการเดินทางให้กับนักท่องเที่ยว การพัฒนาสิทธิประโยชน์ที่มากกว่าการให้ส่วนลดสำหรับสมาชิก GrabUnlimited รวมถึงการเปิดตัวแพ็กเกจสมาชิกแบบรายปีเพื่อรักษาฐานลูกค้าในระยะยาว ตลอดจนการพัฒนาสองแฟล็กชิพแบรนด์ของบริการ GrabFood อย่าง #GrabThumbsUp และ Only at Grab เพื่อรักษามาตรฐานและประสบการณ์ความอร่อยให้กับผู้ใช้บริการอย่างต่อเนื่อง

“Active Users ปีนี้จะให้ความสำคัญ กับ 1.กลุ่มนักท่องเที่ยวต่างชาติ โดยเปิดจุดรับ / ส่งในสนามบินหลัก ด้วยการเป็นพาร์ทเนอร์กับการท่าที่สนามบินเพิ่มขึ้น เช่น สนามบินสุวรรณภูมิ จะเปิดให้บริการสัปดาห์แรกของเดือนเม.ย.นี้ รวมถึงเชียงรายและดอนเมืองในอีก 2 สัปดาห์จากนี้ จากปีก่อนให้บริการแล้วที่สนามบินภูเก็ต และเชียงใหม่ ซึ่งบริการเรียกรถนี้จะต้องต่อยอดแนะนำร้านอาหารจากแกร็บให้ลูกค้าได้ด้วย พร้อมยกระดับมาตรฐานความปลอดภัยในการบริการ และระบบการชำระเงินที่สะดวกปลอดภัย เช่น ร่วมกับ Alipay, kakaopay และกรุงไทย 2. สมาชิกแพ็กเกจ GrabUnlimited เพิ่มสิทธิประโยชน์ใหม่ๆ และ3. ลูกค้าคุณภาพ จะเพิ่มร้านอาหารเรือธงให้เป็นตัวเลือกมากขึ้น สะดวกต่อการใช้บริการมากขึ้น”


2.Affordability ราคาจับต้องได้มากขึ้น จับกลุ่มลูกค้าได้หลากหลาย เพิ่มจำนวนลูกค้าใหม่ ด้วยระดับราคาที่แตกต่างกัน ทั้งแบบราคาถูก ราคาปกติ และราคาพรีเมี่ยม เพื่อเป็นการเพิ่มทางเลือกให้กับผู้ใช้บริการและขยายฐานลูกค้าใหม่ๆ โดยแกร็บได้นำเสนอบริการใหม่โดยชูจุดเด่นในเรื่องความคุ้มค่าเพื่อตอบโจทย์กลุ่มผู้ใช้บริการที่ให้ความสำคัญกับเรื่องราคาเป็นหลัก เช่น บริการใหม่ “GrabCar SAVER” สำหรับการเดินทางด้วยรถยนต์ขนาดเล็กในราคาประหยัดลงสูงสุดถึง 15% (เมื่อเทียบกับบริการ GrabCar) ปัจจุบันได้เริ่มทดลองให้บริการแล้วใน 20 จังหวัด และบริการ “GrabBike SAVER” สำหรับการเดินทางด้วยรถจักรยานยนต์ในระยะทางไม่เกิน 4 กิโลเมตรในราคาเริ่มต้นเพียง 26 บาท ส่วนธุรกิจเดลิเวอรี ได้เปิดตัวซับแบรนด์ใหม่ “Hot Deals” เป็นเครื่องหมายการันตีความคุ้มเอาใจสายประหยัดด้วยการนำเสนอเมนูเด็ดที่ลดราคาเป็นพิเศษจากหลากหลายร้านอาหาร มาพร้อมส่วนลดออนท็อปในทุกช่วงเวลาให้ได้อิ่มคุ้มทั้งวัน

“ปัจจุบัน 61.9% ของครัวเรือนไทยกังวลเรื่องค่าครองชีพที่สูง ลูกค้ามีความกังวลเรื่องเงินในกระเป๋า การสั่งฟู้ดเดลิเวอรี ตัวเลขค่าบริการมองว่ายังสูงอยู่จับต้องไม่ได้ แกร็บจึงนำเสนอบริการที่ถูกลงมาเพื่อเป็นทางเลือก เช่น การเรียกรถทำราคาให้ต่ำลง 15% ด้วยการใช้รถเล็กแทนรถใหญ่ หรือ เดลิเวอรี กับโปรโมชั่น Hot Deals เป็นต้น”


3. AI Technology ด้วยการนำ AI มาพัฒนาและต่อยอดสร้างประสบการณ์ใหม่ๆ ให้ลูกค้า และนำเอาเทคโนโลยีมาพัฒนาแผนที่ของตัวเองให้ดียิ่งขึ้น โดยปีนี้แกร็บ ประเทศไทย ยังคงนำเทคโนโลยี AI และ Machine Learning ที่พัฒนาเองเหล่านี้ มาใช้ต่อยอดเชิงกลยุทธ์เพื่อสร้างประสบการณ์ที่ดีในการใช้แพลตฟอร์มให้กับผู้ใช้บริการ รวมถึงพาร์ทเนอร์คนขับและร้านค้า อาทิ การนำ AI และ ML มาใช้ปรับปรุงและพัฒนาระบบพิจารณาเครดิตสำหรับการให้สินเชื่อกับพาร์ทเนอร์ หรือการพัฒนา GrabGPT เพื่อเป็นประโยชน์ในการทำคอนเทนต์หรืองานออกแบบภายในองค์กร เป็นต้น

4.Ads & New Services โดยแกร็บเตรียมขยายบริการ GrabAds เต็มสูบเพื่อเพิ่มสัดส่วนรายได้จากธุรกิจโฆษณา มุ่งเจาะกลุ่มธุรกิจท่องเที่ยวสินค้าสุขภาพ-ความงาม และสินค้าอุปโภคบริโภคให้มากขึ้น และผลักดัน “Self-serve Ads” เครื่องมือในการโฆษณาสำหรับพาร์ทเนอร์ร้านค้า ที่เปิดโอกาสให้ผู้ประกอบการขนาดกลางและเล็กสามารถเพิ่มยอดขายจากการทำโฆษณา และแนะนำโปรโมชันกับลูกค้าได้ด้วยตัวเอง โดยมีผลตอบแทนจากการโฆษณา (Return on Ad Spend) เฉลี่ยสูงถึง 6 เท่า

“บริการ GrabAds เทียบกับโฆษณาออนไลน์ ให้ผลตอบแทนดีกว่า 3-5 เท่า ลูกค้าหลายแบรนด์จึงหันมาใช้บริการ Click Through Rate กับ GrabAds เพราะลูกค้าตรงกว่า เช่น Apple, Xiaomi, Volvo, SCB เป็นต้น ส่วนปีนี้ต่อยอด Fleet Ads จากโฆษณาติดสติ๊กเกอร์รอบรถ จะเพิ่มสินค้าตัวอย่างให้ทดลองในรถ และกดสั่งซื้อทางแอปแกร็บได้ทันที สำหรับร้านอาหารก็สามารถลง Self-serve Ads ที่ต้องการโปรโมทร้านตัวเอง การันตีด้วยยอดขายเพิ่มขึ้น 40% จากการเสิร์ชคำค้นหา และผลตอบแทนจากการลงทุน 6 เท่า เมื่อเทียบกับราคาที่ลงโฆษณาลงไป เช่น ซื้อโฆษณา 100 บาท ได้ยอดขายคืนกลับมา 600 บาท”


**วิน-วิน สู่กำไรปีที่ 3 ความยั่งยืนคือเส้นชัย**
จากแผนขับเคลื่อนในปี 2567 จะเห็นว่า แกร็บกำลังสร้างช่องทางเติบโตใหม่ๆ ผ่าน 3 ช่องทาง คือ 1.ลูกค้าใหม่ 2. แพ็กเกจเหมาค่าส่งรายเดือน และ3.โฆษณาแบบบูรณาการ โดยกลุ่มลูกค้ามุ่งนักท่องเที่ยวต่างชาติมากขึ้น โดยเฉพาะจีนและเกาหลีที่เข้ามาเที่ยวไทยอย่างต่อเนื่อง ส่วนบริการแพ็กเกจเหมาค่าส่งรายเดือน คือ GrabUnlimited ที่มีลูกค้าพร้อมจ่ายไว้ก่อนแล้ว
นั่นหมายถึง แกร็บมีรายได้ไว้ในมือให้อุ่นใจไว้แล้วบางส่วน เมื่อรวมกับธุรกิจโฆษณาผ่านบริการของตัวเอง ย่อมก่อให้เกิดรายได้ใหม่ๆ ที่ไม่ต้องพึ่งพิงเฉพาะรายได้จากการเรียกรถหรือฟู้ดเดลิเวอรีอย่างที่ผ่านมา จึงเป็นเหตุผลว่าทำไมแกร็บจึงฟื้นกลับมาทำกำไรได้ โดยในปี 2567 นี้ เชื่อว่าจะมีกำไรติดต่อกันเป็นปีที่ 3 ได้อีกครั้ง จากผลงานในปี 2566 ที่ผ่านมา ลูกค้าที่ซื้อ GrabUnlimited ประหยัดเงินค่าส่งรวมกันถึง 4,000 ล้านบาท คนขับแกร็บรายได้ต่อเดือนสูงขึ้น 10% และมีร้านอาหารขนาดเล็กเข้าร่วมกับแกร็บเพิ่มขึ้นอีก 32% จากที่มีอยู่แล้วหลายแสนราย

อย่างไรก็ตาม ภาพของ “แกร็บ” เป็นมากกว่าแอปเรียกรถและดีลิเวอรีไปแล้ว เพราะในวันนี้แกร็บได้ก้าวสู่ความเป็นซูเปอร์แอป ที่ให้บริการถึง 4 ด้าน คือ 1.เดินทางหรือบริการเรียกรถ เป็นบริการที่เติบโตสูงสุด 2.ดีลิเวอรีหรือแกร็บฟู้ด เติบโตได้ดีรองลงมา 3.Ad เป็นบริการที่มีโอกาสสูง และ4.การเงิน เป็นบริการที่เน้นช่วยพันธมิตรร้านค้า และคนขับแกร็บให้อยู่ได้มากกว่าเน้นทำกำไร

แม้กำไรจะเป็นเส้นชัย แต่ “แกร็บ” หวังกำไรไม่มาก เพียงหวังให้ทุกฝ่ายวิน-วิน ได้ประโยชน์และเติบโตไปร่วมกันมากกว่า ส่วนกำไรที่ได้มาจะนำไปลงทุนพัฒนาระบบให้ดียิ่งขึ้น เพราะปลายทางนั้นคือความยั่งยืน ถือเป็นเป้าหมายที่แท้จริง.












กำลังโหลดความคิดเห็น