ผู้จัดการรายวัน 360 – CRG เดินหน้าขยายการลงทุน วางเป้าหมายระยะยาว 5 ปี ด้วยงบลงทุนรวม 600 ล้านบาท พร้อมเพิ่มรายได้เป็นดับเบิ้ลส่ํู 3 หมื่นล้านบาทจากขณะนี้ เร่งหาพันธมิตรร่วมทุนต่อเนื่อง คาดปีนี้เปิดโฉมได้อีก 2 แบรนด์ เผยปีที่แล้ว รายได้่ทะลุ 14,600 ล้านบาท เติบโตถึง 13%
นายณัฐ วงศ์พานิช กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท เซ็นทรัล เรสตอรองส์ กรุ๊ป จำกัด หรือ ซีอาร์จี/CRG เปิดเผยว่า แผนระยะยาว 5 ปี (พ.ศ. 2567 – 2571 )บริษัทวางเป้าหมายการลงทุนโดยรวมประมาณ 6,000 ล้านบาท หรือเฉลี่ยปีละ 1,200 ล้านบาท ในการดำเนินงานทั้งการขยายสาขาใหม่ การรีโนเวทสาขาเดิม และการตลาดรวมทัั้งไอทีด้วย และผลักดันรายได้รวมดับเบิ้ลจากขณะนี้ที่มีประมาณ 14,500 ล้านบาท คาดว่าอีก 5 ปีรายได้รวมจะเพิ่มเป็นมากกว่า 30,000 ล้านบาท รวมทั้งจะเห็นธุรกิจที่ขยายไปต่างประเทศด้วย
ทั้งนี้ปี2567นี้ วางงบลงทุนไว้ที่ 1,200 ล้านบาท วางแผนที่จะขยายสาขาใหม่จากแบรนด์เดิมประมาณ 100 สาขา เน้นไปที่แบรนด์รายได้หลักๆเช่น เคเอฟซี อานตี้แอนส์ โอโตยะ คัตสึยะ ส้มตำนัว สลัดแฟคตอรี่ ชินคันเซ็นซูชิ เป็นต้น ขณะที่แบรนด์ในเครืออื่น ๆ จะเน้นการเพิ่มยอดขายของสาขาเดิม และมุ่งตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ทุกกลุ่มเป้าหมาย ด้วยการออกสินค้ารสชาติใหม่ โปรโมชั่นสุดคุ้มโดนใจ รวมไปถึงวางแผนกลยุทธ์กระตุ้นการขายในบางช่วงเวลา
นอกจากนั้นในปีนี้อาจจะมีการเพิ่มแบรนด์ใหม่ในลักษณะของการร่วมทุนกับพันธมิตรเจ้าของแบรนด์เดิมอีกอย่างน่้่อย 2 แบรนด์ ซึ่งขณะนี้มีการเจรจากับหลายแบรนด์ต่อเนื่องขึ้นอยู่กับโอกาสและจังหวะ แต่คาดว่าจะสรุปได้ 2 แบรนด์ในปีนี้ ซึ่งยังไม่สามารถให้รายละเอียดได้ แต่หากดูในกลุ่มของซีอาร์จีแล้ว เรายังไม่ขาดอีกหลายเซ็กเม้นต์ไม่ว่าะเป็น ปิ้งย่าง ชาบู สุกี้ หรือแม้แต่กลุ่มเครื่องดื่มเราก็ยังมีน้อย
การร่วมทุนกับเจ้าของแบรนด์เดิมที่ผ่านมาก็ประสบความสำเร็จอย่างดี ซึ่งขณะนี้่เรามีไม่ต่ำกว่า 5 เจวีแล้ว (Joint Venture) คือ บราวน์ สลัดแฟคตอรี่ ส้มตำนัว ชินกันเซ็น ล่าสุดคือ คิอานิอาหารเกาหลี ซึ่งสัดส่วนรายได้จากกลุ่มร่วมทุนนี้ขณะนี้มีประมาณ 15% แล้วจากรายได้รวม
โดยตั้งเป้าขยายสาขาร่วมทุนมากกว่า 25 สาขา พร้อมเฟ้นหาแบรนด์ที่มีศักยภาพในการเติบโต ร่วมสร้างแบรนด์ดิ้ง เพื่อเสริมความแกร่งให้พอร์ตโฟลิโอ ซึ่งตามแผนงานบริษัทฯ ตั้งเป้าเพิ่มอีก 2-3 แบรนด์ในปีนี้ ภายใต้ CRG Ecosystem ให้พันธมิตรร่วมกันเติบโตอย่างยั่งยืนไปพร้อมกัน ยกตัวอย่างความสำเร็จบางส่วน ในระยะเวลาไม่ถึง 5 ปี “สลัดแฟคทอรี่” มีสาขาเพิ่มขึ้น 33 สาขา เติบโตมากกว่า 200% จากยอดขายเดิม 200 ล้านบาท ก้าวกระโดดเป็น 600 ล้านบาท ขณะที่ “ชินคันเซ็น ซูชิ” มีสาขาเพิ่มขึ้น 19 สาขา ในระยะเวลาไม่ถึง 2 ปี และแตกธุรกิจปิ้งย่าง ภายใต้แบรนด์ “นักล่าหมูกระทะ” ซึ่งมีแผนจะเปิดสาขาใหม่เพิ่มเร็ว ๆ นี้ รวมไปถึงแบรนด์ “ส้มตำนัว” มีสาขาเพิ่มขึ้น 2 สาขา ยอดขายเติบโต 400% และมีการเปิดร้านรูปแบบใหม่เป็น standalone ที่สาขาราชพฤกษ์ อีกด้วย
นายณัฐ มองถึงภาพรวมของเศรษฐกิจปีนี้ด้วยว่า ปี 2567 นี้ ซึ่งคาดการณ์ว่าภาพรวมตลาดจะเติบโตอยู่ที่ราว 5-7% มูลค่ารวม 480,000 ล้านบาท สำหรับเทรนด์ธุรกิจร้านอาหารในปี 2567 บริษัทฯ มองว่ามีทั้งความท้าทายในเรื่องการบริหารจัดการ พนักงาน ด้านพลังงาน ต้นทุนวัตถุดิบที่มีแนวโน้มปรับตัวสูงขึ้นกว่าปีก่อน แบรนด์ร้านอาหารต่าง ๆ มีการปรับตัว จัดกิจกรรมส่งเสริมการขาย ออกเมนูใหม่ ให้ตอบโจทย์กลุ่มเป้าหมายมากขึ้น รวมไปถึงผู้เล่นหน้าใหม่ที่ตบเท้ากันเข้าสู่ตลาดเป็นจำนวนมากกว่า 1 แสนร้านในปี 2566 แต่ อย่างไรก็ตาม ยังพบปัจจัยบวกจากนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจ และส่งเสริมการท่องเที่ยวภาครัฐ พฤติกรรมการนั่งรับประทานอาหารในร้านกลับเข้าสู่จุดสมดุล 80% และดีลิเวอรี่ 20% ตลอดจนความนิยมรับประทานอาหารคนเดียวที่เพิ่มขึ้น สอดคล้องกับไลฟ์สไตล์คนรุ่นใหม่ ที่อยากทดลองร้านอาหารแนวใหม่ หรือเมนูตามกระแสตลอดเวลา ดังนั้นผู้ประกอบการต้องปรับตัวและดำเนินการให้ตรงกับการเปลี่ยนแปลงของตลาดให้ดี
ขณะที่ภาพรวมธุรกิจร้านอาหารในปี 2566 ที่ผ่านมา มีความท้าทายจากสถานการณ์อ่อนไหว และความผันผวนของเศรษฐกิจโลก ปัญหาสงครามและเรื่องต้นทุนดำเนินการที่สูงขึ้นมาก ซึ่งซีอาร์จีเองก็มีการปรับตัว ปรับกลยุทธ์ ทั้งการตลาด การลงทุน มาอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้ ซีอาร์จี มีผลประกอบการปีที่แล้วดีขึ้น มีรายได้รวม 14,600 ล้านบาท ( รวมกับรายได้จากการร่วมทุนด้วยที่ 2,200 ล้านบาท) เติบโต13.4% และปีที่แล้วมีการเปิดสาขาใหม่มากกว่า 140 สาขา ภายใต้ 21 แบรนด์ รวมกว่า 1,600 สาขาทั่วประเทศ มีการเปิดตัวโมเดลใหม่ 4 แบบ จาก 4 แบรนด์ คือ เคเอฟซีดิจิทัล ชินกันเซ็นสายพาน ร้านแคชเลสอีก6แบรนด์ และโอโตยะคาเฟ่ และมีแบรนด์ร่วมทุนใหม่เข้ามา 2 แบรนด์ คือ นักล่าหมูกระทะ กับ คิอานิ