นายอุดม ศรีสมทรง รองอธิบดีกรมการค้าภายใน เปิดเผยว่า ด้วยในระยะนี้เป็นช่วงที่ผลผลิตกระเทียมและหอมหัวใหญ่ของไทยกำลังออกสู่ตลาด เพื่อรักษาเสถียรภาพระบบตลาดสินค้าเกษตรกรภายในประเทศให้เกิดความเป็นธรรมและยกระดับรายได้ให้เกษตรกร อธิบดีจึงได้สั่งการเจ้าหน้าที่สายตรวจเฉพาะกิจกรมการค้าภายใน สนธิกำลังกับเจ้าหน้าที่สำนักงานพาณิชย์จังหวัด เจ้าหน้าที่กองชั่งตวงวัด ฝ่ายความมั่นคงและตำรวจทางหลวง ตรวจสอบการลักลอบขนย้ายสินค้าเกษตรอย่างเข้มงวดครอบคลุมทุกพื้นที่ เพื่อป้องกันผลกระทบต่อราคาผลผลิตของเกษตรกร โดยมุ่งเน้นตรวจสอบในพื้นที่เขตผ่านแดน ทั้งต้นทางและปลายทางการขนย้าย รวมทั้งแหล่งรวบรวมและจำหน่ายสินค้าเกษตรที่สำคัญ
เมื่อวันที่ 14 มีนาคม 2567 จึงได้นำกำลังเจ้าหน้าที่สายตรวจเฉพาะกิจ ร่วมกับนายตรวจชั่งตวงวัด เจ้าหน้าที่ตำรวจทางหลวง และเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.คลองหลวง ตั้งด่านตรวจสอบสกัดกั้นการลักลอบขนย้ายสินค้าเกษตรบริเวณตลาดไทและตลาดอัยรา อ.คลองหลวง จ.ปทุมธานี ซึ่งในวันเดียวกันนี้ กรมการค้าภายในได้ร่วมกับ เจ้าหน้าที่สำนักงานพาณิชย์จังหวัดนนทบุรี ตำรวจทางหลวง และเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.ชัยพฤกษ์ร่วมกันจับกุมผู้ลักลอบขนย้ายหอมหัวใหญ่ที่นำเข้าจากต่างประเทศโดยไม่ได้รับอนุญาตการขนย้าย จำนวน 1 ราย ปริมาณหอมหัวใหญ่ 3.5 ตัน มูลค่าประมาณ 105,000 บาท และนำตัวผู้ขนย้ายพร้อมของกลางส่งพนักงานสอบสวน สภ.ชัยพฤกษ์ จังหวัดนนทบุรี ซึ่งเป็นท้องที่เกิดเหตุ เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป โดยการกระทำดังกล่าว เป็นการฝ่าฝืนประกาศ กกร. ฉบับที่ 29 พ.ศ. 2566 เรื่อง การควบคุมการขนย้ายหอมหัวใหญ่ที่นำเข้าจากต่างประเทศ ลงวันที่ 1 กรกฎาคม 2566
รองอธิบดีกรมการค้าภายใน กล่าวเพิ่มเติมว่า การดำเนินการตรวจสอบดังกล่าวเป็นแนวทางในแก้ไขปัญหาราคาผลผลิตสินค้าเกษตรตกต่ำและรักษาความเป็นธรรมทางการค้าอีกแนวทางหนึ่งของกรมการค้าภายใน โดยเน้นการป้องปรามไม่ให้มีการขนย้ายนำเข้าสินค้าเกษตรจากประเทศเพื่อนบ้านเข้ามาในประเทศโดยไม่ได้รับอนุญาต เพื่อรักษาเสถียรภาพราคาเกิดความเป็นธรรมให้แก่เกษตรกรและขอฝากถึงผู้ประกอบการว่าอย่าลักลอบขนย้ายสินค้าเกษตรโดยผิดกฎหมาย ไม่ว่าจะเป็นกระเทียม หอมหัวใหญ่ มะพร้าว น้ำมันปาล์ม โดยกรมการค้าภายในได้ประสานบูรณาการหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการตรวจสอบการนำเข้าและการขนย้ายสินค้าเกษตรให้มีการปฏิบัติตามกฎหมายอย่างเข้มงวดต่อเนื่อง และขอเน้นย้ำให้ผู้ประกอบการปฏิบัติตามกฎหมายอย่างเคร่งครัด หากพบว่ามีการลักลอบขนย้ายสินค้าเกษตร ต้องระวางโทษสูงสุดจำคุกไม่เกิน 5 ปี หรือปรับไม่เกิน 100,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ตามพระราชบัญญัติว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ พ.ศ. 2542 ทั้งนี้ หากเกษตรกรรรายใดไม่ได้รับความเป็นธรรมในการขายสินค้าเกษตร รวมทั้งพบเห็นหรือทราบเบาะแสการเอาเปรียบเกษตรกร สามารถแจ้งข้อมูลได้ที่สายด่วนกรมการค้าภายใน 1569 หรือสำนักงานพาณิชย์จังหวัดทั่วประเทศ