4 องค์กรชาวไร่อ้อยเตรียมเข้าหารือพรรคเพื่อไทยเร็วๆ นี้ทวงถาม 2 เรื่อง 1. เงินช่วยเหลือตัดอ้อยสดลดฝุ่น PM 2.5 ปี 2566/67 ที่นโยบายยังไม่ชัดเจนว่าจะช่วยหรือไม่ 2. กระทรวงพาณิชย์ควบคุมราคาน้ำตาลหน้าโรงงาน 21-22 บ./กก.แต่ราคาตลาดจริง 26-28 บาท/กก.มีส่วนต่างอยู่ถึง 5,000 ล้านบาทอยากถามว่ารัฐเอื้อประโยชน์ให้ใครแน่ 57 โรงงานหีบอ้อยปี 66/67 ล่าสุดปริมาณอ้อยทะลุ 80 ล้านตัน อาจมีลุ้นที่ 81 ล้านตัน
นายวีระศักดิ์ ขวัญเมือง ผู้แทนชาวไร่อ้อยในคณะกรรมการอ้อยและน้ำตาลทราย (กอน.) เปิดเผยว่า วานนี้ (12 มี.ค.) 4 องค์กรชาวไร่อ้อย ประกอบด้วย สหพันธ์ชาวไร่อ้อยแห่งประเทศไทย ชมรมสถาบันชาวไร่อ้อยภาคอีสาน สหสมาคมชาวไร่อ้อยแห่งประเทศไทย และสมาพันธ์ชาวไร่อ้อยแห่งประเทศไทย ได้มีมติร่วมกันว่าจะไปทวงถามที่พรรคเพื่อไทยซึ่งอยู่ระหว่างการขอวันนัดเพื่อเสนอ 2 เรื่อง ได้แก่ 1. เงินช่วยเหลือตัดอ้อยสดเพื่อลดฝุ่น PM 2.5 ของปีการผลิต 2566/67 ซึ่งขณะนี้ใกล้สิ้นสุดฤดูกาลหีบอ้อยแล้วแต่กลับไม่มีความชัดเจนในนโยบายรัฐบาลว่าจะช่วยเหลือหรือไม่ในขณะที่ชาวไร่ตอบสนองในเรื่องของการดูแลด้านสิ่งแวดล้อม
“ในช่วงที่ผ่านมารัฐบาลจะอนุมัติงบประมาณในการสนับสนุนตัดอ้อยสดตันละ 120 บาท แก้ปัญหาเผาอ้อยไฟไหม้เพื่อลดฝุ่น PM 2.5 แต่ปีนี้กลับไม่มีคำตอบที่ชัดเจนทั้งที่ชาวไร่มีต้นทุนจากการดูแลอ้อยไฟไหม้ที่เพิ่มขึ้น” นายวีระศักดิ์กล่าว
2. ตามที่กระทรวงพาณิชย์ได้กำหนดให้ราคาน้ำตาลทรายเป็นสินค้าควบคุม โดยกำหนดให้จำหน่ายหน้าโรงงานน้ำตาลทรายขาวธรรมดา 21 บาท/กิโลกรัม (กก.) น้ำตาลทรายขาวบริสุทธิ์ 22 บาท/กก. และราคานี้ใช้ในการคำนวณราคาอ้อยแบ่งให้ชาวไร่อ้อยในขณะที่ราคาในท้องตลาดอยู่ที่ 26-28 บาท/กก.และราคานี้ซึ่งมีส่วนต่างอยู่ถึง 5-6 บาท/กก.เป็นเงินมากกว่า 5,000 ล้านบาท การกระทำของรัฐแบบนี้เป็นการเอื้อประโยชน์ให้ใคร และเงินก้อนนี้อยู่ที่ใคร
สำหรับการเปิดหีบโรงงานน้ำตาล 57 แห่งทั่วประเทศฤดูการผลิตปี 2566/67 ตั้งแต่ 10 ธ.ค. 66 จนถึง 10 มี.ค. 67 ปริมาณอ้อยเข้าหีบรวมสะสมแล้วประมาณ 80,278,852 ตัน น้ำตาลทรายรวม 85,083,060.706 กระสอบ (100 กิโลกรัม) หรือ 8.508 ล้านตัน ทั้งนี้ โรงงานน้ำตาลหยุดรับคิวและปิดหีบอ้อยแล้วราว 39 แห่งและได้กำหนดทยอยปิดหีบไม่เกินกลางมี.ค.นี้ทำให้อ้อยเข้าหีบประจำวันลดลงอย่างต่อเนื่องเหลือ 205,309 ตันต่อวัน อย่างไรก็ตาม คาดการณ์เบื้องต้นปริมาณอ้อยเข้าหีบจะอยู่ราว 81,000,000 ตัน
“ปริมาณอ้อยปี 2565/66 อยู่ที่ 93.88 ล้านตัน ปริมาณอ้อยปีนี้ก็ยังคงปรับลดลงประมาณกว่า 12 ล้านตันเนื่องจากประสบปัญหาภัยแล้งในช่วงฤดูเพาะปลูก และในฤดูใหม่ปัญหาอากาศที่ร้อนจัดก็ยังคงต้องติดตามใกล้ชิดว่าจะกระทบมากน้อยเพียงใด” นายวีระศักดิ์กล่าว
สำหรับการหีบอ้อยฤดูหีบปี 2566/67 ณ 10 มี.ค. รวม 9 เขตมีปริมาณอ้อยสดอยู่ที่ 56,435,158 ตัน คิดเป็น 70.30% ขณะที่อ้อยไฟไหม้อยู่ที่ 23,843,692 ตัน คิดเป็น 29.70% ค่าเฉลี่ย Commercial Cane Sugar หรือ CCS อยู่ที่ 1.31 น้ำตาลต่อตันอ้อยอยู่ที่ 105.98 กิโลกรัม (กก.)
ทั้งนี้ เมื่อเปรียบเทียบปริมาณอ้อยเข้าหีบและผลผลิตน้ำตาลปี 2565/66 กับ ปี 2566/67 ในจำนวนเดินเครื่องเท่ากัน ณ 10 มีนาคม 2567 ปริมาณอ้อยปี 2566/67 ลดลง 5,848,173.94 ตัน หรือคิดเป็นการลดลง 6.79% CCS อยู่ที่ 12.31 ลดลง 0.92 CCS คิดเป็นการลดลง 6.93% ผลผลิตน้ำตาลต่ออ้อย 1 ตันลดลง 9.10 กิโลกรัม หรือคิดเป็นการลดลง 7.91%
“แนวโน้มราคาน้ำตาลตลาดเคลื่อนไหวในช่วง 11 มี.ค. ถึงระดับสูงสุดในรอบ 1 สัปดาห์ครึ่งตามการเข้ามาซื้อน้ำตาลคืนเพื่อปิดตั๋วขาย (Short covering) หลังจากสัปดาห์ก่อนราคาลดลงถึงระดับต่ำสุดในรอบ 2 สัปดาห์ ซึ่งยังคงต้องติดตามใกล้ชิดเนื่องจากพบว่าบราซิล และอินเดียประสบปัญหาภัยแล้งซึ่งอาจทำให้ระดับราคาน้ำตาลเพิ่มขึ้นได้ แต่ก็ต้องดูเรื่องภาวะเศรษฐกิจโลกด้วยเช่นกัน” นายวีระศักดิ์กล่าว